กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1209

ในขณะนี้คนขับเครื่องบินส่วนตัวของดีแลนกำลังตั้งลำเตรียมพร้อมจะบินออกจากสนามบินโอลรัส ฮิลล์

เมื่อรับสายของดีแลนแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “นายน้อยครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินพร้อมจะบินกลับแล้วครับ”

ดีแลนโพล่งออกไปว่า “รีบแจ้งไปที่หอควบคุมการบินให้เลื่อนการบินขึ้นออกไปก่อน แล้วขับเครื่องบินกลับไปที่โรงเก็บเครื่องบินส่วนตัว รอผมอยู่ที่นั่น ผมจะกลับอีสต์คลิฟฟ์คืนนี้เลย”

นักบินถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แต่คุณเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อเช้านี้เองนะครับ คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน? แล้วทำไมคุณถึงอยากบินกลับกะทันหันอย่างนี้ล่ะครับ?”

ดีแลนพูดอย่างกังวลใจว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ รอผมอยู่ที่โรงเก็บเครื่องบิน ผมจะเดินทางไปที่สนามบินเดี๋ยวนี้เลย”

นักบินรีบพูดขึ้นว่า “รับทราบครับนายน้อย ผมจะขอให้หอควบคุมการบินยกเลิกการบินขึ้นครั้งนี้ไปก่อน”

เมื่อดีแลนโผล่หน้าอันบูดบึ้งออกมาในที่สุด ออสการ์ซึ่งรออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ก็เข้าทักทายเขาอย่างสุภาพ “คุณโคชครับ รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ดีเลย!” ดีแลนพ่นเสียงไม่พอใจ “ไปบอกเจ้านายของคุณนะว่าผมจะกลับไปที่อีสต์คลิฟฟ์ตอนนี้เลย”

ออสการ์ร้องอุทานออกมา “อะไรกันครับคุณโคช? คุณจะกลับตอนนี้เลยเหรอ? แต่งานจัดเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเลยนะครับ”

“โว้ย! พอกันทีกับเรื่องไร้สาระพวกนี้!” ดีแลนโพล่งออกมาด้วยความหัวเสียและรำคาญใจ “ไปบอกเจ้านายแก่ ๆ ของแกว่า ฉันมาที่นี่วันนี้เพราะอยากจะเสนอโอกาสดี ๆ ให้กับตระกูลมัวร์ แต่แย่ตรงที่ตระกูลมัวร์กลับแสดงอวดดีและยังหยิ่งผยองที่จะไม่รับความปรารถนาดีของฉัน!”

จากนั้นดีแลนก็เดินผ่านห้องจัดเลี้ยงแล้วจากไป

ออสการ์รู้ว่าดีแลนต้องรู้สึกโกรธมาก ๆ เขาจึงรีบกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยง แล้วแจ้งเรื่องการเดินทางกลับของเขาให้นายท่านมัวร์ทราบ

เมื่อได้ยินว่าดีแลนกำลังเดินทางกลับ นายท่านมัวร์ก็มีสีหน้าที่บ่งบอกว่ารู้สึกเสียใจ เขาสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างสงบนิ่ง “ถ้าคุณโคชอยากจะกลับ ก็ปล่อยให้เขากลับไป”

รูเบนอ้าปากค้างด้วยความงุนงง แล้วพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ “คุณปู่ครับ จุดประสงค์ของคุณโคชในการมาที่นี่ในวันนี้ก็คือ ต้องการหารือในเรื่องความร่วมมือกับเรา จะปล่อยให้เขากลับไปแบบนั้นได้อย่างไรกันครับ?

นายท่านมัวร์หันมาถามเขาว่า “ถ้าเขายืนกรานที่จะกลับ แล้วจะรั้งเขาไว้ที่นี่ทำไมล่ะ?”

“โอ้พระเจ้า…” รูเบนรู้สึกโกรธจนหมดศรัทธา “คุณปู่เสียสติไปแล้วหรือเปล่าครับ? คุณปู่เป็นคนที่คาดคะเนเก่งอยู่แล้วนี่ แค่นี้ก็มองไม่ออกเหรอครับว่าเขามีเจตนาอะไรในการมาพบเราในครั้งนี้?!”

จัสมินตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ “รูเบน นายพูดอย่างนี้กับคุณปู่ได้ยังไงกัน?”

พ่อแม่ของจัสมินเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ดังนั้นในสายตาของเธอ นายท่านมัวร์ไม่เพียงแต่เป็นคุณปู่แต่ยังเป็นเหมือนคุณพ่อสำหรับเธอด้วย

ดังนั้นเธอจึงทนไม่ได้ที่จะเห็นนายท่านมัวร์โดนดูหมิ่นดูแคลนแม้เพียงเล็กน้อย หรือแม้จะเป็นเครือญาติกันก็ไม่เว้น

รูเบนหันไปมองจัสมินด้วยดวงตาที่ฉายแววให้เห็นถึงความเกลียดชัง เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเสียใจว่า “เหตุผลที่ตระกูลโคชมาพบเราก็ต้องเป็นเพราะตระกูลเว็บบ์กำลังเสื่อมถอยลงแล้ว เพราะตระกูลอันดับหนึ่งในแถบภาคใต้ว่างลง ตระกูลโคชจึงอาจต้องการแบ่งผลประโยชน์กับเรา ฉันคิดว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพราะอยากร่วมงานกับเรา พวกเขาจะสนับสนุนให้เราเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในแถบภาคใต้ จากนั้นเราก็อาจมีพวกเขาเป็นคนหนุนหลังในอนาคต ซึ่งก็หมายความว่า เราจะมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งและทรงพลังในอีสต์คลิฟฟ์! นั่นเท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

อันที่จริงนายท่านมัวร์ก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า ที่ดีแลนมาถึงโอลรัส ฮิลล์ในวันนี้ เขาต้องการอะไร!

ผู้ประกอบการที่มีความช่ำชองเช่นเขาที่เริ่มต้นสร้างอาณาจักรจากไม่มีอะไรเลยนั้น มีทั้งความโลภและความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้เขาจะมีอายุมากแล้วก็ตาม

เขาล่วงรู้มานานแล้วว่า ในขณะที่ชื่อเสียงและรายได้สุทธิของตระกูลเว็บบ์แย่ลงทุกวันนั้น โครงสร้างทางสังคมระหว่างตระกูลที่มีอำนาจในแถบภาคใต้นั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

ราชาองค์เก่าจะต้องลงจากบันลังก์ เมื่อราชาองค์ใหม่ถือกำเนิดขึ้น โลกหมุนเวียนไปเช่นนั้นมาหลายศตวรรษแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่าตระกูลมัวร์จะได้มีโอกาสได้เป็นราชาคนใหม่ของบรรดาตระกูลในแถบภาคใต้

ตระกูลมัวร์ถือว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจในเมืองเล็ก ๆ อย่างโอลรัส ฮิลล์ แต่ก็ดูอ่อนแอและเปราะบางเมื่อต้องแข่งขันกับตระกูลอื่น ๆ ในแถบภาคใต้