บทที่ 557 เข้าสู่เขตแดนหมอก

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในเรือนของเย่ชิงเฉิง ตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังย่างปีกของอินทรีย์ทองคำ ซึ่งเขาย่างมันจนสุกเป็นสีน้ำตาลอ่อนแต่มันกลับแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายรุนแรงราวกับว่ามันเป็นอาวุธซะมากกว่าของกิน

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังย่างอย่างตั้งใจ จู่ ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านนอกเรือนที่ถูกปกคลุมด้วยค่ายกลกระบี่และพูดว่า “มีคนกำลังรออยู่ด้านนอก ออกไปพาพวกเขามาหาข้าที”

เมื่อได้ยินคำสั่ง โม่เอ๋อจึงเดินออกไปยังหน้าเรือนและเปิดค่ายกลกระบี่ออกด้วยสีหน้าสงสัย จากนั้นเมื่ออกไปนางก็เห็นว่ามีเหล่าผู้อาวุโสของสำนักสิบกว่าคนกำลังยืนรออยู่ด้านนอกจริง ๆ จนนางอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “นายหญิง…”

“เขากำลังว่างอยู่รึเปล่า?” มู่หลงหยานถามขึ้น “พวกข้ามีบางอย่างอยากจะคุยกับเขา”

โม่เอ๋อเข้าใจในคำสั่งเมื่อครู่ของหลิงตู้ฉิงทันที นางจึงรีบตอบกลับว่า “เอ่อ นายหญิง คุณชายแจ้งว่าให้พวกท่านเข้ามาคุยกันด้านใน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หลงหยานและบรรดาผู้อาวุโสของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างก็รีบเดินเข้าไปในเรือน ส่งผลให้บรรดาผู้คนที่กำลังบ่มเพาะอยู่ในเรือนของเย่ชิงเฉิงตื่นตัวทันที

เย่ชิงเฉิงรีบเดินออกมาจากห้อง และเมื่อนางเห็นว่าแม่ของนางมากับผู้อาวุโสของสำนัก นางก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “ท่านแม่ เหล่าผู้อาวุโส เกิดอะไรขึ้น? พวกท่านมาที่นี่เพราะว่าจะบังคับให้ข้าแต่งงานกับเล้งหวงงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามของเย่ชิงเฉิง หยูหงเว่ยก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “หลานชิงเฉิง ก่อนหน้านี้พวกเรามันช่างโง่งมที่ตัดสินใจทำอะไรไม่งามลงไป! ตอนนี้พวกเราคิดได้แล้วว่าในเมื่อเจ้าได้แต่งงานไปแล้ว มันก็ไม่เหมาะที่จะให้เจ้าต้องแต่งงานกับชายคนใหม่แบบนั้น”

เย่ชิงเฉิงเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “อ๋อ ถ้างั้นเหตุผลที่พวกท่านมาในวันนี้ก็เป็นเพราะพวกท่านต้องการมาขอร้องสามีข้าสินะ!”

เมื่อดูจากท่าทีที่คนเหล่านี้กำลังแสดงอยู่ เย่ชิงเฉิงก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อเอ่ยปากขอร้อง

มู่หลงหยานเอ่ยขึ้นว่า “ชิงเฉิง เจ้าช่วยไปพูดกับสามีของเจ้าให้พวกเราหน่อยจะได้ไหม?”

เย่ชิงเฉิงเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและตอบกลับว่า “ข้าเดาว่าแผนการของพวกท่านมันคงไม่เป็นดั่งที่หวังสินะ? ว่าแต่พ่อคนเก่ง เล้งหวง ไปไหนแล้วล่ะ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาเรียกร้องอยากจะแต่งงานกับข้าให้ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมทีตอนนี้กลับไม่กล้าโผล่หน้ามาซะแล้วล่ะ?”

หานเว่ยฮุยพูดขึ้นด้วยสีหน้าอับอาย “หลานชิงเฉิง เจ้าอย่าเพิ่งไปถามหาเขาเลย ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดได้ถูกเขตแดนหมอกดูดกลืนเข้าไปแล้ว เล้งหวง ในตอนนี้กำลังเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาคงไม่มีอารมณ์มาเจอหน้ากับเจ้าหรอก ส่วนข้าเองก็ต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ก่อนหน้านี้ข้าได้ทำตัวไม่เหมาะสมกับเจ้า ว่าแต่เจ้าเพิ่งจะทะลวงขอบเขตได้สินะ ลุงขอมอบโอสถขัดเกลาไว้ให้เจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ใช้มันในการปรับรากฐานระดับการบ่มเพาะให้มั่นคง”

“สมควรแล้ว!” เย่ชิงเฉิงสบถขึ้น “เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะพาพวกท่านไปพบกับสามีข้าข้างใน!”

เมื่อพูดจบ นางก็พาทุกคนเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงที่กำลังย่างปีกอิทรีย์อยู่ในลานหลังเรือน

“สามี พวกเขามาที่นี่เพื่อมาอ้อนวอนท่าน!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นแบบห้วน ๆ

หลิงตู้ฉิงมองไปยังเหล่าผู้คนที่เดินเข้ามา และพูดว่า “พวกเจ้ามาได้จังหวะพอดีเลยจริง ๆ พวกเจ้ามาได้จังหวะตอนที่ข้าย่างเนื้อเสร็จพอดี!”

บรรดาผู้อาวุโสของสำนักต่างมองไปที่มู่หลงหยานเพื่อส่งสัญญาณให้นางช่วยพูดแทน แต่มู่หลงหยานกลับไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรเช่นกัน

เนื่องจากถ้านางเป็นคนเอ่ยปากขึ้นเอง หลิงตู้ฉิงอาจจะเรียกร้องค่าตอบแทนได้ลำบาก แต่ถ้าหากเป็นบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ที่เอ่ยปากเอง มันจะง่ายเป็นอย่างมากที่หลิงตู้ฉิงจะเรียกราคาได้จนกว่าเขาจะพอใจ

เมื่อเห็นว่ามู่หลงหยานไม่ยอมเอ่ยปากขึ้นพูดให้ หานเว่ยฮุยก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยขึ้นด้วยตัวเองว่า “คุณชายหลิง พวกเรามาที่นี่เพื่อขอให้คุณชายช่วยเหลือ!”

“ข้ารู้!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ตั้งแต่ที่ข้าเห็นว่าพวกเจ้ามากันเยอะแยะขนาดนี้ ข้าก็รู้ว่าพวกเจ้าต้องการอะไร เอาล่ะเนื้อชิ้นสุดท้ายย่างเสร็จแล้วเช่นกัน ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันที่เขตแดนหมอกด้านหลังสำนักกันเถอะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึงและคิดในใจ ทำไมชายผู้นี้ถึงพูดง่ายนัก?

พวกเขาทุกคนต่างเตรียมใจกันมาเรียบร้อยว่าจะต้องโดนเรียกราคามหาศาล และคงต้องยอมขอขมายอมรับผิดที่พวกเขาเคยทำ

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงเช่นนั้น หานเว่นฮุยก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณชายหลิง ก่อนหน้านี้เป็นพวกเราที่ผิดเอง โปรดรับอาวุธระดับนภาครามชิ้นนี้แทนคำขอโทษของพวกเราด้วย!”

หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไร ๆ ไม่จำเป็นต้องให้มันกับข้าหรอก ไว้เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเรื่องพวกนี้ทีหลัง”

มู่หลงหยานมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงงพลางคิดในใจ นี่เขาใจดีขนาดนี้จริง ๆ น่ะเหรอ?

นางส่งโทรจิตถามเขาทันที “เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้เรียกราคาพวกเขาเท่าไหร่ก็ได้ พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธเจ้าหรอก!”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและคิดในใจ ทำไมต้องรีบร้อนด้วยล่ะ?

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เก็บปีกอินทรีย์ที่ย่างเสร็จแล้วเข้าไปในแหวนมิติ และก็เดินนำทุกคนไปยังเขตแดนหมอกที่อยู่ด้านหลังสำนัก

“ในตอนนี้พวกเราพึ่งได้ค้นพบว่าเขตแดนหมอกนี้มันมีจิตสำนึกของมันเอง ดังนั้นในตอนที่เจ้าเข้าไปเจ้าต้องระวังตัวให้มาก” มู่หลงหยานเอ่ยเตือนขึ้น

“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

มันยิ่งเป็นเรื่องดีเข้าไปใหญ่ที่จิตสำนึกของสิ่งที่อยู่ในเขตแดนหมอกยังคงตื่นตัวอยู่ ซึ่งมันจะยิ่งทำให้เขารับมือกับมันได้ง่ายขึ้น

จากนั้นเมื่อทุกคนได้เดินมาถึงเขตแดนหมอก ทุกคนต่างก็มองหลิงตู้ฉิงเป็นสายตาเดียวกันเพื่ออยากจะรู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะทำอะไรต่อ

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็มองไปที่เขตแดนหมอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เริ่มเดินเข้าไปหามัน

เย่ชิงเฉิงรีบตะโกนขึ้นทันที “สามี ข้าจะเข้าไปกับท่านด้วย!”

มู่หลงหยานรีบเอ่ยขึ้นทันทีเช่นกัน “ชิงเฉิง เจ้า…”

เย่ชิงเฉิงหันมายิ้มให้กับแม่ของนาง และพูดว่า “ท่านแม่ อย่าได้ห้ามข้าเลย ข้าต้องการเข้าไปด้านในกับสามีของข้า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ข้าก็พร้อมที่จะร่วมชะตากรรมเดียวกับเขาเช่นกัน”

หลิงตู้ฉิงหันกลับมามองเย่ชิงเฉิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก รออยู่ที่นี่แหละ แค่ครู่เดียวข้าก็ช่วยพ่อของเจ้าออกมาได้แล้ว”

“ไม่! ข้าต้องการไปกับท่าน!” เย่ชิงเฉิงยืนยันอย่างหนักแน่น

หมิงยู่หัวเราะและพูดขึ้นว่า “นายท่าน ข้าคิดว่าข้าเองก็จะตามท่านเข้าไปเช่นกัน! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ไม่มีวันตายอยู่แล้วจริงไหม?”

“นายท่าน…” คนอื่น ๆ ต่างก็รีบพูดขึ้นทุกคนเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างจนใจและรีบพูดแทรก “รอข้าอยู่ข้างนอกนี่แหละ ข้าเข้าไปไม่นานหรอก”

หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ยอมพาแค่เย่ชิงเฉิงและหมิงยู่เข้าไปในเขตแดนหมอกด้วยเท่านั้น ซึ่งในเวลาเพียงครู่เดียวร่างของคนทั้งสามก็หายเข้าไปในหมอกจนไม่สามารถเห็นได้อีกต่อ

บรรดาผู้คนที่อยู่ด้านนอกเขตแดนหมอกต่างรู้สึกงุนงงกับการกระทำของหลิงตู้ฉิง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่ขอให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอย่างพวกเขาเข้าไปด้วย ด้วยระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณจะไปทำอะไรได้มากกัน?

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากหลิงตู้ฉิงได้เดินเข้ามาในเขตแดนหมอกได้สักพัก เขาก็หยิบปีกอินทรีย์ทองคำที่เพิ่งย่างเสร็จเมื่อครู่ออกมาจากแหวนมิติ และเดินหน้าต่อไป

หมิงยู่ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “นายท่าน ท่านต้องการให้ข้าหลอมรวมเข้ากับท่านเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้ท่านไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “ไม่จำเป็น ในเมื่อมันไม่ได้หลับ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนักหรอก!”

ต่อมาเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็ไม่ได้เจอกับกำแพงวิญญาณที่ปรากฎขึ้นขวางกั้นเลยแม้แต่ชั้นเดียว ซึ่งจนท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้เดินเข้าไปถึงจุดศูนย์กลางของเขตแดนหมอก

เมื่อเห็นภาพของบริเวณจุดศูนย์กลางของเขตแดนหมอก หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ แต่ในทางกลับกันสีหน้าของเย่ชิงเฉิงและหมิงยู่กลับกลายเป็นตกตะลึงจนพูดไม่ออก!