I บทที่ 943 หยา

โจวเหวินเองก็ไม่ได้รีบลองใช้อะไร เขาดูดซับผลึกและเรียนรู้สกิลระดับเร้นลับอื่นๆไปก่อน

ผลึกสกิลระดับเร้นลับที่โจวเหวินมีนั้นค่อยๆถูกโจวเหวินใช้ไปทีละอัน ทีละอัน โดยไม่ได้แคร์ถึงราคาของมันเลย

“ดูดซับผลึกวัวยักษ์ต้าเหว่ย และเรียนรู้สกิลเขาเพรชทะลวง”

“ดูดซับผลึกมังกรดำ และเรียนรู้สกิลระดับเร้นลับ กายทองคำ”

“ดูดซับผลึกเต่าเหล็กทมิฬ และเรียนรู้สกิลระดับ้เร้นลับ ลมหายใจเต่า”

“ดูดซับผลึกอสูรนภาไพลิน และเรียนรู้สกิลระดับเร้นลับ ผ่านภา”

การที่จะดูดซับสกิลลมปราณระดับเร้นลับที่หลากหลายได้นั้น โจวเหวินต้องเปลี่ยนวิชาลมปราณไปมาหลายครั้ง และในที่สุดเขาก็สามารถดูดซับสกิลทั้งหมดได้

ตอนแรกโจวเหวินคิดว่าสกิลของวัวยักษ์ต้าเหว่ยนั้นต้องดีมากแน่ๆ เพราะพลังที่แกร่งที่สุดอย่างกระดิ่งวิญญาณเองก็ยังสามารถใช้ได้ แต่กลับกลายเป็นว่ากระดิ่งวิญญาณนั้นไม่ใช่สกิลทำให้ไม่สามารถเรียนรู้ได้เลย แต่กลับกันสกิลที่ได้มาจากวัวยักษ์ต้าเหว่ยนั้นกลับเป็นสกิลสายโจมตีที่รุนแรงมากด้วย ทำให้โจวเหวินค่อนข้างสนใจทีเดียว

ความสามารถที่ว่านั้นมีชื่อว่าเขาเพรชทะลวง มันเคยถูกใช้โดยวัวยักษ์อยู่ โดยการยิงเขาของตัวเองออกไปด้วยความเร็วสูงหมุนควงเป็นสว่าน

โจวเหวินเองไม่ได้มีเขา และเขาก็ไม่ต้องมีเขาในการใช้ด้วย ที่เขาต้องมีก็แค่อาวุธที่สามารถขว้างปาออกไปได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหอกหรือดาบยาว ขอแค่เขวี้ยงออกไปได้ก็พอ

หลังจากที่อาวุธถูกเขวี้ยงออกไปแล้ว มันจะหมุนตัวด้วยความเร็วสูงเกิดเป็นแรงเจาะที่มหาศาล เรียกได้ว่าดีกว่ากระสุนเจาะเกราะที่โจวเหวินมีหลายเท่ามากๆ

ปัญหาหลักๆของของสกิลนี้เลยก็คือหลังจากที่เขวี้ยงอาวุธนั้นออกไปแล้ว อาวุธชิ้นนั้นจะระเบิดตัวเองทันทีหลังจากที่กระแทกเข้ากับเป้าหมายแล้ว เพื่อเป็นการเพิ่มพลังทำลายล้างได้อย่างดีที่สุด มันจะทำลายตัวอาวุธไปเองด้วย เพราะงั้นอาวุธธรรมดาเองก็เลยไม่สามารถรองรับพลังงานมหาศาลที่ปล่อยออกมาได้ ทำให้บางครั้งมันอาจจะระเบิดตัวเองก่อนที่จะชนเข้ากับเป้าหมายก็ได้

ดังนั้น อาวุธที่จะใช้กับสกิลนี้จึงต้องมีระดับพอสมควร ไม่งั้นโอกาสที่จะพลาดก็สูงมาก

ส่วนสกิลกายทองคำนั้นเรียกได้ว่าเป็นสกิลเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย แบบเดียวกับสกิลระฆังทองคำ แต่มันดียิ่งกว่านั้นซะอีก เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายคงทนมากขึ้นแล้วยังมีคุณสมบัติในการสะท้อนเวทมนตร์อีกด้วย

สกิลลมหายใจเต่านั้นเป็นอีกขั้นนึงของสกิลที่เคยกล่าวไปข้างต้น ปรกติแล้วสกิลลมหายใจเต่าปรกตินั้น จะเป็นการแกล้งตายแล้วดับสัญญาณชีพของตัวเอง เหมือนกับเป็นคนที่ตายแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น สกิลลมหายใจเต่าปรกตินั้นผู้ใช้จะขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่สกิลลมหายใจต่าที่โจวเหวินได้มานั้น เขาสามารถขยับเขยื้อนตัวได้อย่างอิสระ โดยมีสกิลนี้คอยปิดบังสัญญาณชีพเอาไว้ แน่นอนมันมีประโยชน์มากกับการรับมือสิ่งมีชีวิตที่มีสายตาไม่ค่อยดีหรือตาบอด ที่ใช้วิธีการตรวจจับกลิ่นหรือพลังชีวิตในการโจมตี ทำให้โจวเหวินสามารถแอบซ่อนตัวได้ดียิ่งขึ้น

ส่วนสกิลผ่านภานั้นแอบๆทำให้โจวเหวินผิดหวังอยู่เล็กน้อยเพราะว่าโจวเหวินเองนั้นอยากได้สกิลวาปมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นสกิลโจมตีทางมิติซะอย่างงั้น

แต่พลังของมันก็ถือว่าแรงใช้ได้ มันเป็นสกิลลมปราณที่สามารถตัดผ่านมิติได้ ความรุนแรงของมันแรงกว่ากรงจักรเวทดารามากๆ แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินเองก็ยังมีวิชาเทพสังหารที่รุนแรงกว่ามากอยู่กับตัวอยู่แล้ว แต่ข้อดีของสกิลนี้คือ มันใช้ตอนไหนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องรีดพลังออกมาจากเสียงร่ำไห้ของพระราชา

สกิลดีๆมากมายพวกนี้ ทำให้ระดับความสามารถในการต่อสู้จริงเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยเฉพาะสกิลเขาเพรชทะลวง ซึ่งเป็นสกิลโจมตีระยะไกลที่รุนแรงมากๆ แถมโจวเหวินเองก็ไมได้กลัวที่จะเสียอาวุธของตัวเองไปด้วย

เพราะสุดท้าย เขาก็สามารถฟาร์มกลับมาได้ในเกมส์อสูร โจวเหวินลองเขวี้ยงดาบแสงด้วยสกิลนี้ ปรากฏว่าพลังทำลายล้างของมันมหาศาลมากและแรงระเบิดสุดท้ายเองก็มีผลกระทบกว้างขวางด้วย

โจวเหวินตั้งใจที่จะไปล่าบอสในเกมส์เหมือนกัน ในความเป็นจริงแล้ว คนที่จะลองดีเสี่ยงดวงกับพวกระดับเร้นลับในชีวิตจริงๆนั้น โจวเหวินยังไม่ได้เก่งถึงขั้นนั้นเลย

สกิลกายทองคำนั้นจัดได้ว่าใช้งานได้ง่ายมากๆเพราะว่ามันไม่ไปซ้ำกับสกิลกายมังกร โจวเหวินสามารถใช้สกิลกายมังกรก่อน จากนั้นก็ใช้กายทองคำต่อได้ ทำให้ร่างของโจวเหวินกลายเป็นเหมือนมังกรสีทองที่มีพลังทางกายภาพที่สูงลิ่ว สามารถรับหมัดแบบเต็มแรงของเบม่อนได้2-3หมัดโดยที่ไม่โดนฆ่าตายได้

แต่แน่นอนการใช้สกิล2อย่างนั้นพร้อมกันมันกินพลังงานมหาศาล บางครั้งโจวเหวินก็ต้องสลับวิญญาณชีวิตกลับไปเป็นฆาตกรก่อนเพื่อให้ลมปราณฟื้นฟูจนเต็ม

ส่วนสกิลผ่านภานั้นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่โจวเหวินคิด หลังจากที่ลองมาหลายรอบแล้ว เขาก็พบว่า มันเป็นสกิลที่ไม่ได้ใช้ลมปราณเยอะและมันก็สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ต่างจากสกิลเทพสังหารที่เป็นการโจมตีรุนแรงเพียงครั้งเดียวถ้าพลาดก็แก้อะไรไม่ได้

และสุดท้าย โจวเหวินก็ย้อนกลับมาลองสกิลพิณสะท้านเป็นสกิลสุดท้าย ฮาร์ปทองคำของเขานั้น ถูกทำลายทันทีที่เขาใช้ แต่โชคยังดีที่มันเป็นในเกมส์ ทำให้ไม่มีปัญหาอะไร

สกิลพิณสะท้านนั้นเป็นสกิลโจมตีระยะไกลและกว้างมาก ถ้าต้องการจัดการศัตรูอยู่กันเป็นหมู่คณะละก็ สกิลนี้มันใช้ได้ผลสุดๆไปเลย

“หวังว่าจะได้เจอสกิลอะไรใหม่ๆอีกในเกมนะ”โจวเหวินอยากจะอยู่บ้านฟาร์มเกมต่อ แต่วิญญาณชีวิตประกายดาวบังคับให้เขาต้องออกไปเดินทางถึงจะพัฒนาได้ ซึ่งโจวเหวินเองก็เลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน

โจวเหวินลองอ่านแผนที่ออนไลน์แล้ววางแผนเส้นทางว่ารอบนี้เขาจะไปที่ไหนดี เขาอยากจะรีบพัฒนาวิญญาณชีวิตประกายดาวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะมันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเป็นระดับเร้นลับของเขา

“พึ่งกลับมาจะออกไปอีกแลล้วเหรอ”อันหลานหยางถามตอนที่โจวเหวินบอกนางว่าจะออกจากลั่วหยางอีกครั้ง

“ผมคิดว่าจะออกไปตอนยังมีโอกาสครับ ในอนาคตเราไม่มีทางรู้เลยว่าพื้นที่ต่างมิติในเขตรัฐบาลกลางจะไม่เสถียรเมื่อไร และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าในอนาคตยังจะมีโอกาสได้ออกไปอีกไหม”โจวเหวินพูด

“พูดก็พูดเถอะ ฝากหยาเอ๋อไว้กับฉันซิ เดี๋ยวฉันดูแลให้”อันหลานหยางพูด

“รอบนี้ผมว่าจะพาหยาเอ๋อไปด้วยครับ”โจวเหวินพูด

“เธอยังเด็กมากอยู่เลยนะ ไปแบบนั้นจะไม่เป็นอันตรายเหรอ”อันหลานหยางพูดอย่างไม่สบายใจ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอชอบหยาเอ๋อเอามากๆ

“ผมจะหาเส้นทางที่ปลอดภัยครับ อีกอย่างก็น่าจะเห็นแล้วนะครับ ว่าหยาเอ๋อนั้นไม่ใช่เด็กธรรมดาเลย”โจวเหวินพูด

“โอเค ก็ได้ ระวังตัวด้วยละกันนะ อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงละ”อันหลานหยางถอดใจอีกครั้ง

โจวเหวินออกเดินทางไปทักทายหลายๆคน ตอนที่เขากำลังจะออกเดินทางออกนั้นเอง เขาก็ได้ยินข่าวเรื่องใครบางคนไปท้าทายอันดับ1ในตารางจัดอันดับ

โจวเหวินรีบเปิดช่องข่าวถ่ายทอดสดในโทรศัพท์ทันที แล้วเขาก็เห็นผู้ท้าชิงที่อยู่บนหน้าจอ

ผู้ท้าชิงที่ว่านั้น ดูเหมือนเป็นคนแต่สวมผ้าคลุมบางอย่างเอาไว้ ทำให้มองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วภายใต้ผ้าคลุมนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่ๆ

แต่ถึงอย่างนั้น ที่แน่ๆชุดเกราะผ้าคลุมของเขานั้นมันไม่ใช่ผู้พิทักษ์แน่ๆ เพราะที่แผ่นหลังของผ้าคลุมนั้นสลักตัวอักษรสีขาวขนาดใหญ่เอาไว้ และตัวอักษรที่ว่านั้นเขียนคำว่า”หยา”เอาไว้

แต่ที่น่าตกใจมากกว่าคือ ชายคนนั้นถือดาบโบราณเอาไว้ในมือ ตัวอักษรหยานั้นถึงจะไม่ได้ดัง แต่ดาบโบราณนั้นในการจัดอันดับนั้นเป็นสิ่งที่โด่งดังมาก เพราะมันคือสถานะสวมใส่ของเทพดาบโบราณ ผู้ฆ่าสัตว์อสูรจากต่างแดนไปมากมายแต่ตอนนี้มันกลับอยู่ในมือของชายคนนั้น

โจวเหวินเองก็ตกใจมากเหมือนกัน แต่ที่เขาตกใจ ไม่ใช่เพราะเทพดาบโบราณในมือของหยา แต่คนที่กำลังถือดาบตั่งหากที่โจวเหวินรู้สึกคุ้นๆ

“อย่าบอกนะว่านั้นคือจงซือหยาหน่ะ!”โจวเหวินคิดในใจ

ถ้าเขาคือจงซือหหยาจริงๆ นั้นหมายความว่าเขากำลังเดินทางไปตามเส้นทางเดียวกันกับหวังหมิงหยวน เพราะสภาพของจงซือหยาตอนนี้นั้น ต่างไปจากผู้พิทักษ์โดยสิ้นเชิง