I บทที่ 944 เมืองกุ๋ยไห

โทรศัพท์ของโจวเหวินดังขึ้นมาทันที โจวเหวินมองโทรศัพท์แล้วพบว่าคนที่โทรมานั้น คือหุยไหเฟิง หลังจากที่รับสายแล้ว เสียงของหุยไหเฟิงก็พูดขึ้นมาทันที “โจวเหวิน นายได้ดูการประลองลูกบาศก์รึเปล่า”

“ดูอยู่”โจวเหวินพูด

“นายคิดว่าเจ้าคนที่ชื่อหยานั้นมันคุ้นๆรึเปล่า”หุยไหเฟิงถามอีกรอบ

“นายคิดว่าเขาคือจงซือหยาเหรอ”โจวเหวินพูดตรงๆ

หุยไหเฟิงเงียบอยู่ซักพักใหญ่ๆ ก่อนจะพูด “เขาดูเหมือนเป็นเงาของอาจารย์มากกว่า”

โจวเหวินตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาคิดมากเกินไป แต่ตอนนี้แม้แต่หุยไหเฟิงยังพูดแบบเดียวกัน แสดงว่าเขาไม่ได้คิดมากเกินไปแล้ว จงซือหยานั้นเลือกที่จะเดินในเส้นทางที่แตกต่างอย่างชัดเจน

“บางทีเราอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่จงซือหยาก็ได้”โจวเหวินพูด

หุยไหเฟิงยิ้มแห้งๆ “โอกาสที่เรา2คนจะคิดในแบบเดียวกันนั้นมันน้อยมากๆเลยนะ เราว่าวางแผนแต่เนิ่นๆจะดีกว่า การหนีจากความจริงมันแก้ปัญหาไม่ได้หรอก”

“แล้วนายคิดว่ายังไงละ”โจวเหวินถาม ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจงซือหยาอยู่ที่ไหน เขาเลยคิดอะไรไม่ค่อยออก

“นายจำคำถามที่อาจารย์ถามเราได้ไหม”หุยไหเฟิงพูด

“จำได้ 2ตัวเลือกซินะ”โจวเหวินตอบ

“ฉันอยากจะลองทางเลือกที่1ดู”หุยไหเฟิงตอบ

“จะลองยังไงละ”โจวเหวินถามกลับ

“ในพื้นที่ต่างมิติ มีแร่ธาตุต่างๆที่ถูกค้นพบใหม่อย่างเช่นพวก แร่ปรกติที่เจอกันอย่าง แร่เงินพิเศษ หรือแร่ทองปราณ ฉันอยากจะลองตามหาแร่ธาตุพิเศษอื่นๆที่คนยังไม่เคยพบเคยเห็น หาแร่ที่สามารถใช้จัดการสู้กับพวกสิ่งมีชีวิตต่างมิติได้ ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา มนุษย์เราใช้สมองและสติปัญญาจนกระทั้งขึ้นเป็นจ้าวโลกได้ บางทีรอบนี้ เราอาจจะต้องพึ่งพาสติปัญญาของเราในการเอาชนะอีกรอบนึงก็ได้”หุยไหเฟิงพูด

“ทางนั้นมันไม่ง่ายหรอกนะ”โจวเหวินรู้ได้ว่าเส้นทางที่ว่านั้นมันยากแค่ไหน ตระกูลอันนั้นลงทุนไปเยอะมากเพื่อศึกษาวิจัย แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับ

“มันก็ต้องมีใครซักคนเดินไปให้สุดทางไง ให้รู้ว่าโลกนี้จะล้มสลายจริงรึเปล่า”หุยไหเฟิงพูดแล้วยิ้ม

“แล้วทำไมเราไม่เดินวนกลับมาละ บางทีเราอาจจะได้พบโลกใหม่ก็ได้นี้”โจวเหวินพูด

“ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะมีโลกใหม่ที่ว่านั้นไหม ฉันอยากได้เอาสิ่งที่มีกลับคืนมามากกว่า”หุยไหเฟิงหยุดแล้วพูดกับโจวเหวิน “โจวเหวินอย่าเดินเส้นทางนั้นเลยนะ”

“โจวเหวินรู้ดีว่าหุยไหเฟิงพูดถึงเรื่องอะไร แต่เขาก็เงียบ เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะเลือกทางเดินนั้นรึเปล่า

ถ้าเส้นทางของวิชาเซียนศักดิ์สิทธิ์ใช้ไม่ได้ผล โจวเหวินก็ต้องเลือกระหว่างการมีผู้พิทักษ์กับการใช้มนต์ย้ายวิญญาณ ซึ่งโจวเหวินรู้สึกว่าเขาอาจจะใช้มนต์ย้ายวิญญาณ เขาเลยไม่ได้ตอบไป

หลังจากความเงียบที่เนิ่นนานสุดท้ายหุยไหเฟิงก็ถอนหายใจออกมา “เอานะ ถ้าวันหนึ่งนายตัดสินใจทางเลือกของตัวเองได้ อย่างน้อยฉันก็หวังว่าจะได้มาเจอกับฉันอีกละกันนะ”

โจวเหวินยิ้มแล้วพูด “อย่าบอกแบบนั้นเลย ฉันเองก็มีทางเป็นของตัวเอง ถ้าดวงฉันไม่ได้แย่จริงๆละก็ ฉันเองก็คงไม่คิดจะเลือกทางนั้นหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ถ้ามีเวลาก็มาที่กุ๋ยไหหน่อยซิ ฉันมีอะไรดีๆจะให้นายดูด้วย”

“เออ ฉันเองก็คิดว่ากำลังจะไปพอดี”

ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ แล้วตัดสินใจไปพบกันที่กุ๋ยไหหลังจากที่ตกลงกันแล้ว

ถึงแม้ว่ากุ๋ยไหกับหวังไหจะต่างกันเพียงตัวอักษรเดียว แต่สถานที่นั้นห่างกันไกลมากๆ เมืองหวังไหนั้นอยู่ในทะเลจีนตะวันออกส่วนกุ๋ยไหนั้นอยู่แถบทะเลจีนใต้

โจวเหวินจำได้ว่าเฟิงชิวเยี่ยนเองก็มาจากเมืองกุ๋ยไหเหมือนกัน ตระกูลเฟิงเองก็โด่งดังที่นั้นพอสมควร

โจวเหวินเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ไหนๆเขาก็กลับมาแล้วเขาก็คิดว่าจะไปทักทายเฟิงชิวเยี่ยนซักหน่อย บางทีเขาอาจจะได้กลับบ้านเกิดของเฟิงชิวเยี่ยนพร้อมกันแล้วให้เขาอาสาเป็นไกด์ให้

แต่ตอนนี้เวลาไม่ค่อยมีให้คิดแล้ว โจวเหวินดูถ่ายทอดสดอีกครั้งแล้วพบว่าตอนนี้มารสวรรค์ยังไม่ตอบรับคำท้าเลย การนับเวลาถอยหลังท้าประลองเองก็เหลือเวลาอีกแค่24ชั่วโมงแล้วด้วย

หลังจากที่รอไปได้ครึ่งชั่วโมง ก็ยังคงไม่มีวี่แววของมารสวรรค์ที่จะเข้ารับคำท้าประลอง  โจวเหวินเลยโทรไปหาเฟิงชิวเยี่ยน แล้วบอกกับเขาว่าเขาจะไปที่เมืองกุ๋ยไห ก่อนจะถามว่าจะกลับไปด้วยกันไหม

“โค้ชครับ ทางฝั่งของกุ๋ยไหตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนะครับ มักจะมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติจากท้องทะเลโผล่มาบุกอยู่เรื่อยๆเลยครับ ตอนนี้คนส่วนมากย้ายจากกุ๋ยไหเข้าแผ่นดินใหญ่มาหมดแล้ว โค้ชจะไปที่นั้นทำไมกันละครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถามด้วยความแปลกใจ

“ฉันมีรุ่นพี่อยู่ที่นั้นน่ะ อยากจะไปหาเขาซักหน่อย”โจวเหวินพูด

“ตอนนี้คนที่อยู่ในเมืองกุ๋ยไหส่วนใหญ่เหลือแต่คนตระกูลใหญ่แล้วครับ รุ่นพี่ที่โค้ชว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหมครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถาม

“หุยไหเฟิงน่ะ”โจวเหวินบอกชื่อตรงๆ

“อย่างงี้นี่เอง ตระกูลหุยเองก็ครองที่ดินและสินแร่ในเมืองกุ๋ยไหอยู่เยอะเลยครับ ก็ไม่แปลกที่พวกเขาตั้งใจที่จะปกป้องเมืองขนาดนั้น”เฟิงชิวเยี่ยนอธิบายสถานการณ์ของเมืองกุ๋ยไหให้โจวเหวินฟัง

สถานการณ์ที่ว่านั้นมันแย่กว่าที่โจวเหวินคิดไว้มาก นอกจากเมืองที่มนุษย์เป็นคนดูแลแล้ว พื้นที่ส่วนมากของเมืองกุ๋ยไหยังเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำ ทำให้แยกแทบไม่ได้เลยระหว่างพื้นที่ต่างมิติกับส่วนที่ไม่ใช่พื้นที่ต่างมิติ

มีสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำจำนวนมากหลุดออกมาจากใต้ท้องทะเล ทำให้เป็นปัญหาที่ยากจะจัดการได้ เมืองกุ๋ยไหนั้นมี3ตระกูลใหญ่ที่คอยเป็นผู้นำอยู่ บวกกับตระกูลเล็กๆอีกเป็น10 ตอนนี้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านและสู้กับสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำโดยเฉพาะ

ตระกูลหุยกับตระกูลเฟิงเองก็เป็น2ตระกูลใหญ่เหมือนกัน ซึ่งเฟิงชิวเยี่ยนก็เป็นคนของตระกูลเฟิงด้วย

เฟิงชิวเยี่ยนบอกโจวเหวินว่าให้รออีกหน่อย เพราะเขาต้องทำเรื่องออกจากมหาลัยก่อนที่จะตามโจวเหวินกลับไปที่เมืองกุ๋ยไหได้

ในตอนที่ทั้ง2คนคุยกันอยู่นั้นเอง จู่ๆลูกบาศก์ก็ได้มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง มารสวรรค์เองได้ตอบรับคำท้าของหยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่เข้ามาอยู่ในสนามประลองเดียวกันพร้อมเข้าปะทะ

หยายืนอยู่กลางสนามประลองง มองมารสวรรค์อย่างสงบนิ่งเหมือนกับว่าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย

นาโอะในร่างมารสวรรค์นั้นช่วงนี้อารมณ์เสียสุดๆ เพราะเหตุการณ์ที่ลั่วหยางนั้นไม่เป็นที่พอใจเอาซะเลย เธอลองคิดหาหลายๆวิธีก็แล้ว แต่เธอก็ยังสืบข้อมูลเรื่องอาวุธลมปราณของตระกูลอันไม่ได้เลย

ถึงแม้ว่าเธอจะได้เจอกับอันเทียนโจวอยู่หลายครั้ง ตอนที่เขาอยู่ที่บ้าน แต่เธอก็ไม่เคยได้คุยกับเขาอย่างเป็นทางการเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อีกอย่างตอนที่อันเทียนโจอยู่บ้าน เขาก็ไม่ได้แบกรับภาระตำนานเหมือนที่เคยทำตอนทำงาน ตอนเขาอยู่บ้าน เขาแทบไม่ต่างอะไรจากผู้ชายธรรมดาๆที่รักครอบครัวคนนึงเลย

นอกจากเรื่องที่งานสืบไม่เดินแล้ว การโดนท้าทายอย่างต่อเนื่องก็ทำให้เธอแอบตึงเครียดอยู่ไม้น้อย

เพราะถึงแม้ว่านาโอะจะรู้ว่าตัวเองเหนือกว่าแต่นางก็ไม่เคยปรานีหรือออมมือให้ใคร

ก่อนหน้านี้เธอได้เห็นพลังของเทพดาบโบราณไปแล้ว มันเป็นพลังที่มากกว่างูยักษ์บาฉีซะอีก คนที่ครอบครองเทพดาบโบราณปรากฏตัวออกมาในตารางจัดอันดับแบบนี้ เธอเลยอนุมานไปว่าคนๆนี้ต้องเป็นคนที่ทำสัญญากับผู้พิทักษ์แบบเดียวกับเธอแน่ๆ

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่านาโอะจะมองยังไง ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นก็ดูไม่เหมือนทำสัญญากับผู้พิทักษ์แม้แต่น้อย ถ้าให้พูดกันตามตรง ปรกติแล้วเวลาผู้พิทักษ์จะเข้าต่อสู้ ผู้พิทักษ์นั้นจะผสานร่างของตัวเองรวมกันกับร่างต้นมนุษย์ และกลายเป็นชุดเกราะผู้พิทักษ์ แต่จากที่ หยา ชายตรงหน้าของเธอใส่นั้น มองยังไงมันก็เป็นแค่ชุดเกราะสัตว์อสูรธรรมดาแท้ๆ

เหตุผลที่ว่าทำไมนาโอะถึงรับคำท้าอีกเหตุผลนึงก็เป็นเพราะ เธอเองอยากจะรู้ว่าหยาคนนี้เป็นใครกันแน่เหมือนกัน