I บทที่ 945 เพลิงมารล้างผลาญ

เพราะว่านาโอะนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหยาเลย ยกเว้ยแต่ว่าเขาเป็นศัตรู และเป็นเจ้าของเทพดาบโบราณเพียงเท่านั้น เธอเองก็ไม่คิดจะประมาท เรียกดาบคุซานางิออกมาในทันที ภายใต้พลังของมารสวรรค์ที่แข็งแกร่ง ปราณมารไหลเวียนวนไปทั่วดาบคุซานางิ หยาเองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับดาบเทพโบราณไว้แน่นก่อนจะชักดาบออกมาจากฝั่งแล้วพุ่งตรงเข้าใส่นาโอะในทันที

นาโอะเองก็ฟันดาบเข้าปะทะอย่างแรง

เพล้ง

ดาบทั้ง2ปะทะกันทำให้เกิดแรงกระแทกมหาศาล กลายเป็นแรงระเบิดขนาดย่อมๆ แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้กระเด็นออกไป พวกเขาฟันดาบเข้าใส่กันอีกหลายยก

ถ้าให้อธิบาย คงอธิบายได้แค่ว่า เร็ว มันเร็วเกินไปมากๆ ความเร็วของทั้งคู่นั้นไปถึงระดับสุดยอดของระดับเร้นลับกันทั้งคู่ เร็วขนาดที่ว่าคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นการโจมตีของพวกเขาได้แล้ว

สิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงแค่เส้นแสงที่วิ้งวับไปมาเหมือนสายฟ้าแลบ ที่กระพริบขึ้นมาจากแรงปะทะของดาบ ก่อนจะดับไป อย่างว่าแต่วิถีดาบเลย ตอนนี้ตัวของทั้ง2คนก็เร็วเกินจะมองเห็นแล้ว

มีเพียงระดับมหากาพย์ไม่กี่คนที่มีความสามารถหรือของวิเศษ หรือไม่ก็คนที่มีสัตว์อสูรพิเศษเท่านั้นถึงจะสามารถมองเห็นการประลองนี้ได้ชัดๆ

โจวเหวินยิ่งมองวิชาดาบของหยาคนนั้นแล้ว เขาก็ยิ่งมั่นใจ ชายที่สู้อยู่ตรงนั้นคือจงซือหยาแน่ๆ ไม่ผิดเลย วิชาดาบของเขายังคงดุดัน บ้าคลั่งและไร้กฏเกณฑ์เหมือนเดิม เป็นวิชาดาบแบบที่มีแค่จงซือหยาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฝึกได้ไปถึงขั้นสุดยอด

วิชาดาบของนาโอะเองนั้นโจวเหวินเองก็คุ้นๆอยู่ มันทั้งเร็วและแม่นยำ ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะเคยสู้กับนางมาก่อน แต่นั้นไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จจริง ทำให้โจวเหวินไม่รู้เลยว่าความสามารถที่แท้จริงของนางนั้นจะเหนือกว่าขนาดไหน ตอนนี้เห็นชัดๆเลยว่าเป็นระดับสุดยอดของเร้นลับแล้ว

แต่ก็แน่นอนพลังทั้งหมดนั้นเป็นของมารสวรรค์ ถ้าไม่มีมารสวรรค์ นาโอะเองก็เป็นได้แค่ระดับมหากาพย์แบบเดียวกับเขา

ตัวของผู้พิทักษ์เองนั้น เป็นเหมือนกระสุน มันมีพลังมหาศาลก็จริง แต่มนุษย์ที่เชื่อมต่อนั้นก็เป็นเหมือนกระบอกปืนเหมือนกัน ถ้าวิชาดาบดีคนใช้เก่ง ก็สามารถรีดพลังของผู้พิทักษ์ออกมาได้อย่างเต็มที่

หลักการของผู้พิทักษ์กับสัตว์อสูรนั้นจะคล้ายๆกัน ถึงแม้ว่าพลังของมันจะต่างกันมากๆก็ตาม แต่สุดท้ายมันก็เป็นพลังที่ผสานกับร่างกายของผู้ใช้ เพราะงั้น ตราบใดที่ผู้ใช้สามารถควบคุมและใช้พลังนั้นได้อย่างดี พลังก็จะออกมาได้เต็มที่ที่สุด

นาโอะเองก็สามารถควบคุมพลังของมารสวรรค์ได้เป็นอย่างดีมากๆ นั้นทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตัวเธอเอง

ดาบคุซานางิกับดาบเทพโบราณนั้นฟันตัดกันไปปมา ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ พวกเขาใช้กลยุทธเชิงบุกกันทั้งคู่ ไม่มีท่าป้องกันแม้แต่น้อย การโจมตีทุกครั้งแฝงไปด้วยแรงอาฆาตและจิตสังหารที่พร้อมจะโจมตีสวนกลับฆ่าให้ตาย ไม่ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องตายและอีกฝั่งรอด

หลังจากผ่านไปได้ซักพัก นาโอะก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเธอนั้นกำลังเสียเปรียบอยู่ ไม่ใช่เพราะว่าพลังหรือทักษะของเธอด้อยกว่าหยา แต่มันเป็นเพราะความเร็วและความแรงของหยานั้นเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ใช้พลังงานร่างกายของตัวเองเลย

“อีกฝ่ายเก่งเรื่องการบุกน่าดูเลยแหะ”นาโอะตอนนี้เริ่มรู้สึกได้แล้วว่าเธอเองไม่ควรจะยื้อไปมากกว่านี้ คนที่มีความสามารถด้านการบุกแบบนี้ ยิ่งยื้อมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งได้มากขึ้นเท่านั้น และมันจะเป็นผลเสียของเธอต่อไป

นาโอเลยรวบรวมกำลังทั้งหมด เตรียมการโจมตีสุดท้ายด้วยท่าที่มีชื่อว่า ดาบพันอสูรเป็นสกิลของมารสวรรค์ ที่จะรวมเอาปราณมารทั้งหมดของร่างกาย โจมตีฟันเป็นคลื่นตรงเข้าหาหยา

เมื่อปราณมารพวกนั้นถูกฟันออกไปแล้ว มันจะไปกัดกินแสงสว่างรอบข้างทั้งหมดจนในพริบตาเดียวนั้น พื้นที่ทั้งหมดบนลูกบาศก็เหลือแต่ความมืด ไม่เห็นอะไรเลยซักอย่าง

โจวเหวินรีบวิ่งไปที่ลูกบาศก์ในเมืองทันที เพราะตอนนี้หน้าจอโทรศัพท์ของเขามันไม่เพียงพอที่จะทำให้เขามองเห็นในความมืดได้ เขาต้องมองผ่านเข้าไปในลูกบาศก์โดยตรงถึงจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น

พื้นที่ต่อสู้ทั้งหมดตอนนี้กลายเป็นสีดำมืด ตัดทั้งการได้ยิน กลิ่น เสียง และสายตาทั้งหมด แม้แต่ความรู้สึกก็โดนตัดทิ้งไปด้วยเช่นกัน เพราะงั้น ถึงโดนดาบฟันก็จะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

พอเห็นนว่าหยายังคงยืนนิ่งอยู่บนลานประลอง นาโอะจึงพุ่งเข้าไปฟันซ้ำอย่าเต็มกำลังทันที

นางรู้ดีว่าสกิลพันอสูรนั้น จะตัดประสาทสัมผัสทั้งหมดของงศัตรู แต่เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่า หยานั้นจะมีความสามารถในการทำลายสกิลพันอสูรได้รึเปล่า เพราะงั้น นางจึงอยากจะปิดฉากให้ไวที่สุดที่ทำได้

ชริ้ง!!

หยาขยับในความมืด และดาบเทพโบราณก็ป้องกันดาบของนาโอะได้อย่างแม่นยำ  ดาบทั้ง2นั้นปะทะและสู้กันท่ามกลางความมืดของพันอสูร  แต่หยาเองกลับเหมือนไม่ได้รับผลของสกิลนั้นเลย การโจมตีและการป้องกันยังคงไร้ข้อผิดพลาด

“หรือว่าความสามารถของมันจะก้าวข้ามประสาทสัมผัสทั้ง7ไปแล้วกัน” นาโอะเดาเหตุผล เพราะสกิลพันอสูรนั้นมีเพียงแค่คนที่สามารถควบคุมประสาทที่8เท่านั้นที่จะไม่ได้รับผล

ยกเว้นแต่ว่านาโอะจะใช้มารสวรรค์ในการกลายเป็นระดับความกลัวแล้ว สกิลพันอสูรก็จะมีผลกับคนที่มีสัมผัสที่8น้อยมากๆ

 

นาโอะพอรู้แบบนี้แล้ว นางก็ปลดสกิลพันอสูรทันทีเพื่อเป็นการไม่สิ้นเปลืองพลังงานลมปปราณ

ตอนที่โจวเหวินวิ่งไปถึงลูกบาศก์ นาโอะก็ปปลดสกิลพอดี ภาพทั้งคู่จึงปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอลูกบาศก์อีกครั้ง

โจวเหวินตอนนี้สวมผ้าคลุมล่องหนแล้วยืนอยู่บนอากาศมองดูการต่อสู้อยู่ การต่อสู้ตอนนี้กลายเป็นจุดสนใจของมวลมนุษยชาติ แต่ที่น่าสมเพชคือ คนที่สู้อยู่นั้น ไม่ได้พึ่งพาพลังของมนุษย์เลย

หยานั้นโจมตีถาโถมขึ้นมาเหมือนคลื่นซัด เขาไม่ได้ใช้กระบวนท่าหรือเทคนิคอะไรที่ซับซ้อน เขาใช้แค่เพลงดาบ ความเร็วและความรุนแรงในการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าคำว่าถอยไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเขา

นาโอะเองพอเห็นว่าสกิลพันอสูรใช้ไม่ได้ผล จึงไม่ลังเลที่จะใช้สกิล เพลิงมารล้างผลาญแทน

ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงก็ระเบิดออกมาจากรอบตัวของมารสวรรค์ มันเป็นท่าเดียวกับที่นาโอะใช้ฆ่ายักฆ์น้ำแข็ง

“มาแล้ว”โจวเหวินมองการโจมตีของนาโอะ แล้วเขาก็รู้ทันทีว่าท่านั้นมันคืออะไร

เพียงแค่ว่าตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าท่านั้นมันทำงานยังไงกันแน่ เลยยังหาวิธีทำลายมันไม่ได้

ถ้าเป็นโจวเหวินละก็เขาคงจะใช้กระบวนท่าและสกิลทั้งหมดในการหนีออกมา เขาไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ก็แค่หลบให้พ้นแล้วรอสวนกลับ เพื่อที่นาโอะจะได้ไม่มีโอกาสโจมตีโดนเขา แต่หยานั้นไม่ใช่คนแบบเดียวกับโจวเหวิน เขาเป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าถอยแต่แรกอยู่แล้ว เขาจึงใช้ดาบพุ่งตรงเข้าฟันสวนเข้าไป

ทั้ง6ตระกูลและเหล่าตระกูลใหญ่ๆทั้งหลายต่างก็มองดูการบุกเข้าไปครั้งนี้ แม้แต่คนใหญ่คนโตจากต่างแดนยังกังวลเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ทุกๆคนตอนนี้อยากรู้ว่าท่าที่สามารถฆ่ายักฆ์น้ำแข็งได้ในครั้งเดียวนั้นจะฆ่าหยาได้ไหม

ชริ้ง!!

ดาบคุซานางิกับดาบเทพโบราณนั้นกระแทกเข้าใส่กันอย่างรุนแรง เปลวเพลิงจากดาบนั้นแพร่กระจายเข้าใส่ตัวของดาบเทพโบราณและไม่ใช่แค่ดาบเทพโบราณด้วย ทั้งชุดเกราะและตัวของหยาเริ่มเผาไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงรุนแรงนั้น