มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 686
“หรือว่าจะเป็นกฎความตาย?” ซิงหลิงนึกขึ้นมาได้ว่าหลัวซิวฝึกฝนพลังแห่งความตาย แต่ Attr ความตายนั้นคือกฎระดับสูงสุด ความยากในการตระหนักรู้ Attr ความตายนั้นยากกว่า Attr โดยทั่วไปเป็นสิบเท่า หรืออาจเป็นร้อยเท่าเลยด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้นในตอนประลองยุทธ์ พลังแห่งความตายของหลัวซิวยังอยู่ในแดนบรรลุผลอยู่เลย นี่พึ่งผ่านไปแค่สี่เดือนกว่าเท่านั้น ต่อให้เหนือมนุษย์มนาเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะข้ามมาถึงแดนที่เข้าใจกฎเป็นอย่างดี

ดวงตาของซิงหลิงเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด เขาจ้องมองชั้นที่สามของหอคอยร่างทองตาไม่กะพริบ “แม้ข้าจะใช้พลังแห่งกฎทั้งสามชนิด ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งก้านธูปถึงสามารถทำลายพื้นที่สีทองในชั้นที่สามได้ ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะทำได้ถึงขั้นไหนกัน”

ในขณะเดียวกันนั้น ในพื้นที่สีทองของชั้นที่สาม หลัวซิวก็ได้ขมวดคิ้ว

กระแสพลังอันดุร้ายที่กระจายอยู่ในที่นี้ ได้บรรลุถึงมหายุทธ์ขั้นเจ็ดเป็นที่เรียบร้อย และมีกระแสพลังอันดุร้ายที่เทียบได้กับมหายุทธ์ขั้นดเก้าจู่โจมเข้ามาเป็นบางครั้ง

กระแสพลังอันดุร้ายกระจายไปในทุกหนทุกแห่งของพื้นที่สีทอง ไม่ว่าท่าร่างจะรวดเร็วเพียงใดก็ไม่อาจหลบได้

“ดูท่าชั้นที่สามจะมาสามารถผ่านไปได้แล้ว” หลัวซิวส่ายศีรษะ

ก่อนหน้านี้เมื่อสามเดือนกว่า ๆ ตอนอยู่ในพื้นที่สีทองของชั้นที่สองเขาก็ถูกทรมานจนไม่เหลือสภาพของคนอยู่เลย และสลบไปทันทีหลังจากที่ถูกส่งตัวออกไป ทั่วทั้งร่างกายไม่มีตรงไหนที่มีสภาพดีอยู่เลย

ในตอนที่เขาสะลึมสะลืออยู่นั้น เขาจำได้อย่างเลือนรางว่าชายชุดม่วงผู้นั้นได้พาเขาไปส่งที่ที่พัก

ที่โชคดีก็คือเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนั้นโดยเปล่าประโยชน์ พลังผู้เป็นอมตะได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว!

หนึ่งเดือนกว่าให้หลัง ในสภาพที่พลังผู้เป็นอมตะปะทุขึ้นมา อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และแดนร่างเนื้อของเขา ก็ได้พัฒนาจากแดนมกุฎช่วงปลาย บรรลุถึงแดนมหายุทธ์ช่วงกลาง!

จากนั้นเขาก็เข้าทะลวงหอคอยร่างทองอีกครั้ง และอยู่ในชั้นที่สองครบเวลาหนึ่งก้านธูปได้อย่างง่ายดาย และถูกส่งเข้ามายังชั้นที่สาม

กระแสพลังอันดุร้ายในชั้นที่สามนั้นบรรลุถึงขั้นมหายุทธ์ช่วงปลาย เขาทะลวงเข้าไปโดยอาศัยร่างยุทธ์แดนมหายุทธ์ช่วงกลาง และยากที่จะต้านทานได้เป็นธรรมดา หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา ทนได้ไม่ถึงหายใจเข้าออกห้าครั้งก็ถูกส่งออกมาแล้ว

แต่เขากลับทนมาได้โดยอาศัยพลังซ่อมแซมลายเส้นชีวิต สุดท้ายก็ทำให้ตัวเองบาดเจ็บไปทั้งตัวอีกครั้ง

เพียงแต่ว่าการปะทุขึ้นมาครั้งที่สองของผู้เป็นอมตะนั้น ผลลัพธ์เทียบไม่ได้กับครั้งแรก แดนร่างเนื้อเพียงเพิ่มระดับขึ้นมาจากแดนมหายุทธ์ช่วงกลาง เพิ่มถึงแดนมหายุทธ์ช่วงปลายขั้นเจ็ด

อาศัยแดนร่างเนื้อแดนมหายุทธ์ขั้นเจ็ด อยู่ในชั้นที่สามเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปนั้นไม่ยาก แต่ถ้าหากต้องการทำลายพื้นที่สีทอง อย่างน้อยต้องอาศัยร่างเนื้อแดนมหายุทธ์ขั้นสูงสุดถึงจะได้

“การปะทุของผู้เป็นอมตะนั้น ก็มีกฎเกณฑ์เช่นเดียวกัน”

นั่งขัดสมาธิอยู่ในชั้นที่สามของหอคอยร่างทอง หลัวซิวรำลึกถึงทุกครั้งที่ตนได้กระตุ้นให้ผู้เป็นอมตะปะทุขึ้นมา และได้พบกฎเกณฑ์บางอย่างอยู่ในนั้น

เขาพบว่าหลังจากที่ผู้เป็นอมตะปะทุขึ้นมาหหนึ่งครั้ง หากเว้นระยะเป็นเวลานานถึงกระตุ้นให้ปะทุขึ้นมาครั้งที่สอง ผลลัพธ์ก็จะชัดเจนเป็นพิเศษ แต่ถ้าหากกระตุ้นให้ปะทุติดต่อกัน เช่นนั้นผลลัพธ์ก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเพียงน้อยนิด

ก็เหมือนกับธนาคาร เอาเงินออกมาไม่หยุด เงินก็จะลดลงเรื่อย ๆ แต่แต่หากไม่เอาออกมาเป็นเวลานาน ก็จะได้รับดอกเบี้ย เงินก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

พลังผู้เป็นอมตะก็เป็นเหมือนดั่งพลังงานลึกลับบางอย่างที่สะสมอยู่ในร่างกาย พลังลึกลับชนิดนี้จะสะสมไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา จนกระทั่งพลังอมตะถูกกระตุ้นก็จะปะทุออกมาจนหมด

แต่ถ้าหากกระตุ้นให้ปะทุอยู่บ่อยครั้ง พลังลึกลับชนิดนี้ก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ก็จะต้องแย่ลงเป็นธรรมดา

“ดูท่าแดนร่างเนื้อของข้าได้มาถึงจุดคอขวดอีกแล้ว” การค้นพบนี้ทำให้ความคิดที่จะเพิ่มระดับแดนร่างเนื้อขึ้นไปอีกขั้นของหลัวซิวดับลงไป

หนึ่งก้านธูปให้หลัง หลัวซิวก็เลือกจากไป ร่างของเขาถูกส่งออกมาจากหอคอยร่างทอง

“ร่างยุทธ์แดนมหายุทธ์ขั้นเจ็ด ช่างเป็นการเพิ่มระดับที่น่ากลัวเสียจริง!”

ในกลางอากาศ ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงที่สตรีชุดม่วงเรียกเขาว่าเจ้าแดนหลิวได้มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

บทที่ 685

บทที่ 687