บทที่ 1238 ชื่อเสียง และความยิ่งใหญ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“หลิงซิ่ว..เจ้าเลิกเล่นสนุกได้แล้ว!”
  หลิงลี่ก้าวเออกไปยืนข้างหน้าพร้อมกับร้องตะโกนห้ามทุกคนให้หยุดเล่นสนุกจากนั้นจึงหันไปถามหลิงหยุนว่า
  “หลิงหยุน..แล้วของพวกนี้เจ้าคิดจะจัดการเช่นใด”
  สิ่งที่หลิงลี่พูดถึงนั้นก็คืออาวุธของเหล่าสมาชิกในหน่วยนภาและถุงสมบัติที่ทุกคนนำติดตัวมาด้วย..
  หลิงหยุนหันไปตอบหลิงลี่ยิ้มๆ“ท่านปู่.. อาวุธเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธชั้นดี ที่แม้แต่ยอดฝีมือในด่านสุดท้ายขั้นเซียงเทียนเห็นแล้วยังอยากได้มาครอบครอง ท่านปู่เลือกอาวุธที่ท่านชอบไปได้เลย คนอื่นๆด้วยเช่นกัน..”
  “ส่วนในถุงผ้านั้นล้วนแล้วแต่เป็นโอสถ และยันต์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอสถรักษาบาดแผล ข้าต้องการเก็บไว้ศึกษาก่อน จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจอีกครั้งว่าจะทำเช่นใด”
  หลิงลี่หัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“แต่อาวุธเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธชั้นเยี่ยม เวลานี้ตระกูลหลิงไม่ได้ขาดแคลนอาวุธดีๆเลยแม้แต่น้อย ข้าว่าเจ้าเก็บไว้มอบให้กับผู้ที่เจ้าคิดว่าเหมาะสมจะดีกว่า..”
  ใช่ว่าหลิงลี่ทำเช่นนี้เพราะต้องการเอาอกเอาใจหลิงหยุนแต่เวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่า หลิงหยุนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การมอบให้หลิงหยุนเป็นผู้จัดสรรทรัพยากรต่างๆภายในตระกูล จึงน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า..
  หลังจากเห็นว่าหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลิงลี่หลิงหยุนจึงไม่ปฏิเสธ..
  “ตกลง..ถ้าเช่นนั้นข้าจะเป็นผู้จัดสรรเอง!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงจัดการเรียกอาวุธและสมบัติทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลของตนทันที..
  สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลหลิงคืนนี้นั้นการพ่ายแพ้ของหน่วยนภาไม่เพียงจะกลายเป็นบันไดให้ตระกูลหลิงไต่เต้าขึ้นไปสู่ความยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังนำชื่อเสียงกลับมาให้กับตระกูลหลิงอีกด้วย
  นี่ยังไม่รวมเงินจำนวนสองพันล้านที่หลิงหยุนรีดไถมาได้จากเหล่ายอดฝีมือของหน่วยนภา!
  “หลิงเลี่วยเจ้ามานี่..”
  จู่ๆหลิงลี่ก็ร้องตะโกนเรียกหลิงเลีวยให้มาหา..
  “ท่านปู่..”
  หลิงลี่เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือในมือของหลิงเลี่วยมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คลิปวีดีโอนี้ห้ามเจ้านำออกไปเผยแพร่โดยเด็ดขาด รอดูการเคลื่อนไหวของหน่วยนภาที่มีต่อตระกูลหลิงในวันข้างหน้าเสียก่อน..”   “ฉะนั้นปู่จะเก็บโทรศัพท์มือถือของเจ้าไว้ก่อนรอให้ปู่ตัดสินใจว่าจะทำเช่นใดกับคลิปวีดีโอในนี้..”
  หลิงลี่รู้ว่าคลิปวีอีโอในคืนนี้หลิงเลี่วยตั้งใจบันทึกไว้เพื่อไปอวดเพื่อนๆของตนเอง เด็กอย่างหลิงเลี่วยคงไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงใด
  “ท่านปู่..ขอข้าเก็บไว้ดูก่อนได้หรือไม่ ข้ายังดูไม่พอเลย..” หลิงเลี่วยร้องขอ
  “หากเจ้าต้องการดูก็ไปที่บ้านปู่พรุ่งนี้เช้า..แต่ตอนนี้กลับไปนอนได้แล้ว!”
  หลังจากนั้นหลิงลี่ก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนและหลังจากที่หลิงเลี่วยเดินกลับไปแล้ว หลิงหยุนจึงบอกกับหลิงลี่ว่า..
  “ท่านปู่..ต่อให้คืนนี้คลิปวีดีโอนี้หลุดไป ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ”
  “เรื่องนั้นปู่รู้..แต่ในคลิปมีเหตุการณ์บางส่วนค่อนข้างดุเดือด จำเป็นต้องตัดออกก่อนเผยแพร่ ไม่เช่นนั้นหน้าตาของหน่วยนภาคงไม่เหลือ และโจวเหวินอี้จะมาต่อว่าข้าได้น่ะสิ!”
  หลิงหยุนถึงกับยิ้มกว้างและตอบไปว่า “อ่อ.. ท่านปู่คิดรอบคอบเช่นนี้นี่เอง!”
  หลิงลี่หัวเราะเสียงดังแล้วจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า“หลิงหยุน.. ต่อให้คลิปวีดีโอนี้ไม่ถูกเผยแพร่ออกไป แค่เราจัดการโยนยอดฝีมือทั้งสิบสี่คนของหน่วยนภาออกไปที่หน้าประตูเช่นนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตระกูลหลิงคืนนี้ ก็จะแพร่สะพรัดออกไปทั่วทั้งปักกิ่งอย่างแน่นอน!”
  ….
  เนื่องจากเป็นการมาเยี่ยมเยียมตระกูลหลิงของอาวุโสจากหน่วยนภาด้วยตัวเองถึงสองคนจึงได้มีการสั่งปิดการจราจรที่ถนนด้านหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิงในคืนนี้ รถและผู้คนจึงไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้..
  แต่เพียงแค่ยอดฝีมือทั้งสิบสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกจับโยนออกไปที่หน้าประตูเช่นนั้นข่าวลือต่างๆ ก็แพร่สะพรัดไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสายลม และไปเข้าหูของฝ่ายต่างๆในประเทศนี้จนได้
  จากนั้นจึงตามมาด้วยภาพถ่ายคลิปเสียง และคลิปวีดีโอ..
  และที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า..การจราจรด้านนอกนั้นควบคุมได้เฉพาะคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่ไม่สามารถรอดพ้นหูตาของตระกูลหลง และตระกูลเย่ไปได้
  หลงฮ่าวหลานรู้การเคลื่อนไหวของสองอาวุโสแห่งหน่วยนภาในคืนนี้ดีเพราะตนเป็นผู้ขอร้องคนทั้งคู่ด้วยตัวเอง..
  ด้วยเหตุนนี้ตระกูลหลงจึงได้จัดเตรียมยอดฝีมือให้มาซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับคฤหาสน์ตระกูลหลิงเพื่อสืบข่าวอยู่ก่อนแล้ว..
  “หึ..สองอาวุโสแห่งหน่วยนภา คนหนึ่งอยู่ในระดับหกขั้นพลังเหนือธรรมชาติ ส่วนอีกคนอยู่ในระดับห้า และยอดฝีมือที่เหลืออีกทั้งสิบสองคนต่างก็อยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติแล้วทั้งสิ้น ต่อให้ตระกูลหลิงแข็งแกร่งขึ้นมากแต่คืนนี้ต้องยอมก้มหัวให้ข้าเป็นแน่!”
  และนี่คือสิ่งที่หลงฮ่าวหลานคิดเพราะจากการที่เขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลซัน และตระกูลเฉินในคืนนั้น เฉินจิ้งเฉวียนซึ่งกลายเป็นปีศาจ และมีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับห้านั้น ได้สร้างความลำบากให้กับหลิงหยุนอย่างมาก และหลิงหยุนก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่าที่จะสังหารเฉินจิ้งเฉียวนได้สำเร็จ
  ด้วยเหตุนี้..หลังจากที่กลับมาจากอ่างเก็บน้ำมี่หยุน หลงฮ่าวหลานจึงได้นั่งดื่มชาด้วยความสบายอกสบายใจ และกำลังรอฟังข่าวดีจากเฉียวเปียวกับหลี่เจิ้งเฟิง..
  ความจริงแล้วสิ่งที่หลงฮ่าวหลานต้องการก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเขาต้องการให้หน่วยนภาเล่นงานจนหลิงหยุนกับตระกูลหลิงจนหวาดกลัว และยอมก้มหัวให้ จากนั้นให้ตระกูลหลิงส่งตัวตี๋ยั่วถังกลับคืนเท่านั้นเอง
  พูดง่ายๆก็คือว่า.. หลงฮ่าวหลานต้องการให้ตระกูลหลิงที่เพิ่งจะผงาดขึ้นมานั้น ได้รู้ว่าในปักกิ่งนั้นใครคือผู้มีอำนาจที่แท้จริง!
  หลงฮ่าวหลานมั่นใจอย่างมากว่าการบุกไปตระกูลหลิงของหน่วยนภาในคืนนี้ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี..
  แต่เมื่อหลงฮ่าวหลานได้รับข้อมูลและภาพที่ส่งมาให้ ใบหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดในทันที!
  “นี่มัน..เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน! ไม่.. เป็นไปไม่ได้!”
  หลงฮ่าวหลานผุดลุกขึ้นทันทีคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความตกใจ และมือข้างที่ถือถ้วยน้ำชาอยู่นั้น ก็เกร็งแน่นจนบีบถ้วยน้ำชาแตกละเอียด!
  “ตระกูลหลิงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะได้อย่างไรกัน!”
  จากรายงานลับที่หลงฮ่าวหลานได้รับมานั้นยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติทั้งสิบสองคน และสองผู้เฒ่าแห่งหน่วยนภา ได้ถูกจับโยนออกมากองอยู่หน้าบ้านตระกูลหลิง!   และจากรูปภาพที่เขาได้รับมานั้นเห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือทั้งสิบสี่คนของหน่วยนภาล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสิ้น และเกือบครึ่งมีสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย..
  “ผ่านไปเพียงแค่เจ็ดแปดวันเท่านั้นเหตุใดหลิงหยุนจึงแข็งแกร่งขึ้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ หรือในคืนวันประลองนั้น หลิงหยุนยังไม่ได้เผยไพ่ที่แข็งแกร่งในมืออกมาอย่างนั้นรึ?!”
  “หรือว่า..การที่หลิงหยุนดูดเอาปราณมังกรภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าในในวันนั้น ทำให้ขั้นของเขาพัฒนาขึ้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
  แต่แล้วหลงฮ่าวหลานก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพึมพำว่า“แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้! เพราะแม้แต่คนตระกูลหลงเองยังต้องค่อยๆ ใช้ปราณมังกรเหล่านี้ผ่านวิชามังกรจักรพรรดิ แต่หลิงหยุนไม่ใช่สายเลือดตระกูลหลง เหตุใดจึงสามารถฝึกฝนก้าวหน้ารวดเร็วเช่นนี้ได้!”
  หลงฮ่าวหลานเฝ้าครุ่นคิดและคาดเดาด้วยตัวเอง ในที่สุดก็พึมพำออกมา “หรือผู้ที่รับทัณฑ์สวรรค์ในคืนนี้จะเป็นหลิงหยุนจริงๆงั้นรึ!”
  “ล้มเหลว!ล้มเหลวไม่เป็นท่า..”
  หลงฮ่าวหลานร้องตะโกนออกมาพร้อมกับคว้ากาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาปาลงพื้นอย่างคับแค้นใจ!
  แน่นอนว่าเวลานี้หลงฮ่าวหลานรู้เพียงว่ายอดฝีมือจากหน่วยนภาทั้งสิบสี่คนนั้นได้พ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุนอย่างสิ้นท่า แต่ไม่รู้ว่าทั้งสิบสี่คนนั้นได้ถูกหลิงหยุนรีดไถทรัพยากรในการฝึกฝนไปถึงหนึ่งปีเต็ม..
  หากเขารู้..สีหน้าของเขาคงจะน่าเกลียดยิ่งกว่านี้เป็นแน่!
  ……
  ภายในสวนส่วนตัวของเย่ชิงเฟิงในบ้านตระกูลเย่ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปักกิ่ง..
  “รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!”   ทางด้านเย่ชิงเฟิงเองก็ได้รับรายงานลับนี้เช่นกันและท่าทางของเขาก็สงบนิ่งกว่าหลงฮ่าวหลานมากนัก แต่เมื่อได้เห็นภาพที่ส่งตามหลังมาเท่านั้น เขาก็ถึงกับผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที!
  ตระกูลเย่เองก็มีคนอยู่ในหน่วยนภาเช่นกันดังนั้นเรื่องที่อาวุโสทั้งสองจะพาคนบุกไปตระกูลหลิงในคืนนี้ เขาเองก็ได้รับรายงานมาก่อนแล้ว คำว่า ‘รวดเร็วถึงเพียงนี้’ ของเย่ชิงเฟิงจึงหมายถึงทั้งการต่อสู้ที่จบลงอย่างรวดเร็ว และการที่หลิงหยุนสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วด้วย..
  ยอดฝีมือจากหน่วยนภาทั้งสิบสี่คนนั้นแข็งแกร่งเพียงใดเย่ชิงเฟิงเองก็รู้ดีแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดว่าทั้งสิบสี่คนจะสามารถเอาชนะตระกูลหลิงได้ง่ายๆ และตระกูลหลิงเองก็คงต้องเจอศึกหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเป็นแน่..
  และอาจถึงขั้นที่ตระกูลหลิงจะต้องยอมมอบตัวตี๋ยั่วถังให้กับคนของหน่วยนภาหรือหากตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ต้องสูญเสียไม่น้อยเช่นกัน!
  และนี่คือสิ่งที่เย่ชิงเฟิงคาดการไว้!
  แต่ความจริงก็คือว่า..หลังจากที่เขากลับจากอ่างเก็บน้ำมี่หยุนนั้น ก็ได้รับรายงานแล้วว่าคนของหน่วยนภาทั้งหมดถูกจับโยนออกมากองไว้ที่หน้าบ้านตระกูลหลิง!
  หน่วยนภาไม่เพียงพ่ายแพ้ให้กับตระกูลหลิงแต่ยังพ่ายแพ้ในเวลาอันรวดเร็วอย่างน่าตกใจด้วย!
  และการพ่ายแพ้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันด้วยว่า ยอดฝีมือทั้งหมดของหน่วยนภาที่บุกเข้าไปในคืนนี้ ไม่สามารถทำอะไรตระกูลหลิงได้แม้แต่น้อย!
  เย่ชิงเฟิงถึงกับตกใจอย่างที่สุด!เวลานี้สายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ชั่วครู่..
  “ลุงสอง..เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ!”   เย่เทียนสุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆร้องถามขึ้นด้วยความสงสัย..
  เวลานี้เย่เทียนสุ่ยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฝึกฝนเย่ชิงเฟิงจึงให้เขาอยู่ที่บ้านด้วยเพื่อคอยให้คำชี้แนะ..
  “ไม่มีอะไรมาก..ก็แค่คลื่นลูกใหม่ กำลังไล่ซัดคลื่นลูกเก่า..”
  เย่ชิงเฟิงส่งโทรศัพท์มือถือให้กับเย่เทียนสุ่ยดูพร้อมกับถอนหายใจ“เจ้าดูเอาเองก็แล้วกัน ตอนนี้หลิงหยุนล้ำหน้าเจ้าไปแล้ว!”
  “ห๊ะ!แม้กระทั่งเฉียวเปียวกับหลี่เจิ้งเฟิง พร้อมด้วยยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติอีกสิบสองคน ยังถูกคนตระกูลหลิงทำร้ายบาดเจ็บได้สาหัสถึงเพียงนี้เชียวรึ?!”
  เย่เทียนสุ่ยจ้องมองภาพที่เห็นพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยความตกตะลึงในขณะที่เย่ชิงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ไม่ใช่คนตระกูลหลิง..แต่เป็นหลิงหยุนเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
  เย่เทียนสุ่ยได้ฟังถึงกับตกใจจนแทบช็อคและร้องถามออกมาด้วยความตกใจ “ลุงสอง.. เช่นนี้แล้วพวกเราควรทำเช่นไรดี”
  “ตระกูลเย่ต้องไม่ไปหาเรื่องกับตระกูลหลิงโดยเด็ดขาดจากสิ่งที่เห็นในคืนนี้.. เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าความแข็งแกร่งของหลิงหยุน และตระกูลหลิงเวลานี้ สามารถที่จะเอาชนะตระกูลเย่ของเราได้เช่นกัน!”
  เย่ชิงเฟิงรู้ดีว่าหากหลิงหยุนสามารถจะสังหารอาวุโสทั้งสองแห่งหน่วยนภารวมทั้งยอดฝีมืออีกสิบสองคนได้ในเวลานที่รวดเร็วเช่นนี้ ก็ย่อมสามารถเอาชนะตระกูลเย่ได้เช่นกัน..
  หลังจากนั้นเย่ชิงเฟิงก็ยิ้มออกมาและพูดต่อว่า “นับว่าโชคดีที่ตระกูลหลงชิงลงมือก่อนเช่นนี้ ทำให้หลงฮ่าวหลานสูญเสียแขนขาในหน่วยนภาไปเช่นนี้ แต่หากตระกูลหลงจะชิงลงมืออีกครั้ง ก็คงจะต้องคิดหนัก..”
  ……  บางแห่งในตัวเมืองปักกิ่ง..
  เวลานี้โจวเหวินอี้ได้แต่นั่งหลับตานิ่งเงียบไปนานหลังจากที่ได้คุยกับหลิงหยุนจากนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมกับถามขึ้นว่า
  “ท่านจ้าว..ท่านคิดเห็นกับเรื่องนี้เช่นใด”
  จ้าวซิงหวู่ตอบชายชรากลับไป“ท่านโจว.. ในความเห็นของข้า ความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ สามารถรับมือตระกูลหลง และตระกูลเย่ได้..”
  ชายชราได้แต่พยักหน้าช้าๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น.. เด็กหนุ่มผู้นั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
  “ความก้าวหน้าที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ของเขาเหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ!”
  “ครั้งนี้ที่หน่วยนภาพ่ายแพ้เป็นเพราะท่านโจวไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย..”
  จ้าวซิงหวู่แสดงความเห็นออกมาแต่ชายชรากลับนิ่งเงียบ แล้วทั้งคู่ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองตากัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ชายชราจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
  “จากนี้ไป..ไม่ว่าตระกูลหลิง ตระกูลหลง หรือตระกูลเย่ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต่อสู้กันเอง หน่วยมังกรของท่านก็ไม่ควรยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยว!”
  “ข้าก็คิดเช่นนั้น..”
  ชายชราลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงหันไปยิ้มให้กับจ้าวซิงหวู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า“เห็นทีข้าคงต้องไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
  จ้าวซิงหวู่พยักหนักแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองโจวเหวินอี้พร้อมกับยิ้มให้..
  ……
  เวลานี้..ข่าวคราวเกี่ยวกับยอดฝีมือทั้งสิบสี่คนของหน่วยนภา ที่บุกมาบ้านตระกูลหลิงได้ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และนำไปโยนกองไว้หน้าบ้านตระกูลหลิงนั้น ได้แพร่สะพรัดไปถึงหูของบุคคลระดับสูงของปักกิ่งแล้ว  และเวลานี้ทั้งตระกูลเกาและตระกูลหลี่ต่างก็ทราบข่าวนี้แล้วเช่นกัน ส่วนตระกูลเกานั้นก็ไม่ได้รับรายงานจากที่ไหน แต่เป็นหลิงลี่ที่โทรเล่าให้เกาจิ้นสงฟังโดยตรง
  หลังจากที่ได้รับทราบข่าวดีนี้เกาจิ้นสงก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี และรีบตรงไปหาหลิงลี่ที่บ้านตระกูลหลิงเพื่อดื่มแสดงความยินดีทันที
  ……
  ในค่ำคืนนี้..ผู้คนที่เจ็บปวดที่สุดเห็นจะเป็นเหล่าสมาชิกของหน่วยนภา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนด้วยตัวเอง แต่การที่คนของหน่วยนภาทั้งสิบสี่คนถูกจับโยนออกมาเช่นนั้น ทำให้ทุกคนในหน่วยนภาต่างก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก!
  ทางด้านโจวเหวินอี้นั้น..ก็ได้นำคนของหน่วยนภาไปนำตัวคนเจ็บทั้งสิบสี่คนออกมาจากหน้าบ้านตระกูลหลิงด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ได้ออกไปพบโจวเหวินอี้ และโจวเหวินอี้ก็ไม่ได้เข้าไปพบหลิงหยุนเช่นกัน ทั้งสองคนต่างก็พูดจาแลกเปลี่ยนกันไม่กี่ประโยคผ่านทางกระแสจิตเท่านั้น
  หลิงหยุน–ขอบคุณอาวุโสยิ่งนัก!-
  โจวเหวินอี้–เป็นแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่-
  หลิงหยุน–ถูกต้อง!-
  –พ่อหนุ่ม..คราวหน้าคราวหลังไว้หน้าหน่วยนภาบ้าง- นี่เป็นคำพูดประโยคสุดท้ายของโจวเหวินอี้
  –น้อมรับคำสั่งท่านหัวหน้า!-หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
  ระหว่างทางที่กลับไปยังที่ทำการของหน่วยนภานั้นโจวเหวินอี้ก็หันไปพูดกับเฉียวเปียว และหลี่เจิ้งเฟิงว่า
  “หึ..ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้ากลับคิดว่าข้าเข้าข้างตระกูลหลิง ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่”
  โจวเหวินอี้ร้องบอกทั้งสองคนด้วยสีหน้าเจ็บปวดพร้อมกับมืออีกข้างก็ลูบไล้แหวนพื้นที่บนนิ้วไปด้วย