เมื่อข่ายอาคมป้องกันถูกทำลายสัญญาณเตือนก็ดังขึ้นภายในใจของผู้คนที่อยู่ในพระราชวัง
ดังนั้น เฟิงโป๋วหยุน จักรพรรดิพิรุณ มู่หลงชิง เฮ่อเหลียนเทียนหยุนและคนอื่นๆต่างรีบออกมาจากพระราชวังพร้อมกับกลุ่มทหารองครักษ์หลายคนเข้าล้อมรอบพาหนะแหวกเมฆา
“หึ่ม ข้าจะเป็นผู้ทำลายพาหนะลำนี้เอง!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าวด้วยความโกรธและปล่อยหมัดคลื่นมังกรทมิฬออกไป แม้ร่างของเขาจะดูเหมือนเด็กอายุไม่ถึงสิบปี แต่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมานั้นดูศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับมังกรไม่มีผิด
“บรู๊ววว-” สัตว์อสูรตัวใหญ่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน กรงเล็บของมันสามารถทำลายคลื่นมังกรทมิฬได้อย่างง่ายดาย “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจักรพรรดิจอมอสูรกลับมาแล้ว!”
อะไรกัน!
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนและคนอื่นรู้สึกตกใจ แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิจอมอสูรเป็นใคร ก่อนที่หม่าตั๋วเป่าจะเปิดสวรรค์ จักรพรรดิจอมอสูรมักหาโอกาสที่จะพยายามฆ่าหลิงฮันอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ใช่ว่ามันถูกหลิงฮันจัดการไปแล้วหรอกหรือ? ทำไมมันถึงปรากฏตัวที่นี่อีกครั้งและยังมีพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากด้วย ถึงขั้นทำลายการโจมตีของเฮ่อเหลียนเทียนหยุนได้อย่างง่ายดาย!
ต้องทราบก่อนว่าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนเพิ่งก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น แต่หลังจากเปิดสวรรค์ เขาเองก็สามารถใช้พลังแห่งจักรพรรดิได้ แม้ว่าจะไม่เท่าหลิงฮัน แต่พลังต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นสองดาว
ดังนั้น เขาจึงมีพลังต่อสู้สิบหกดาว ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคง เมื่อใดที่เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารี พลังต่อสู้ของเขาก็อาจมากกว่าสี่ดาว นี่ถือว่าค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว
แต่ทว่าจักรพรรดิจอมอสูรกลับสามารถทำลายการโจมตีสุดพลังของเขาได้อย่างง่ายดาย เจ้าปีศาจนี่แข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
ประเด็นคือจักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัวที่นี่ แล้วหลิงฮันล่ะ? เขาถูกฆ่าไปแล้ว?
เพี๊ยะ!
ทันใดนั้นเองก็มีชายร่างผอมเพรียวยกมือขึ้นและตบหัวหมาป่าปีศาจ “ใครบอกให้เจ้าลงมือกัน?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย จักรพรรดิตัวน้อยได้กลับบ้านเกิดมันทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นเกินไปหน่อย” หมาป่าปีศาจที่ทรงพลังกลายเป็นสุนัขที่แสนเชื่องในพริบตาและกระดิกหางไปมา
นี่เจ้าเปลี่ยนสีเร็วเกินไปแล้ว!
“น้องสี่!”
“ฝ่าบาท!”
“นายท่าน!”
“อาจารย์!”
“หลิงฮัน!”
เฟิงโป๋วหยุน ติ่งผิง ชางเย่ ราชาทั้งเจ็ด และเหล่าองครักษ์อุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของพวกเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความสุข หลิงฮันกลับมาแล้ว!
“พี่ใหญ่! พี่รอง! พี่สาม!” หลิงฮันรีบวิ่งไปหาพวกเขาและกอดพวกเขาทั้งสามคน
พวกเขาร้องไห้ออกมาด้วยความปิติยินดี ถึงกระนั้นก็หัวเราะไปด้วยความสุข สุ่ยเยี่ยนยวี่ที่ตามหลิงฮันมาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะนางไม่เคยเห็นหลิงฮันเป็นแบบนี้มาก่อน
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของหลิงฮัน ในเมืองจักรพรรดิที่ไม่คุ้นเคย เขามักสวมหน้ากากและปิดหัวใจ แต่ว่าตอนนี้เขาเปิดใจและแสดงตัวตนที่่แท้จริงออกมาให้เห็น
เมื่อเห็นพวกเขามีความสุข มันก็ทำให้นางรู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน
“นางคือ-” ทุกคนหันไปมองสุ่ยเยี่ยนยวี่ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแรงกล้าของนาง
“โอ้ว นางคือภรรยาของข้า สุ่ยเยี่ยนยวี่” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลายเป็นสีแดงด้วยความอายและความสุข แต่ที่นี่มีคนมากเกินไป และพูดแนะนำตัวด้วยความเขินอายว่า “เยี่ยนยวี่คารวะพี่ใหญ่ พี่รองและพี่สาม!” จากที่นางเห็นเมื่อครู่ หลิงฮันเรียกพวกเขาทั้งสามคนว่าพี่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะรู้ว่าพวกเขาทั้งสามคนเป็นพี่น้องร่วมสาบานของหลิงฮัน
“เอ่อ แล้วข้าล่ะ?” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนดูไม่พอใจ ข้ามีอายุมากที่สุดในที่แห่งนี้ แต่ทำไมถึงไม่ทักทายเขา?
“อย่าไปสนใจเขาเลย เขาก็แค่คนแก่คนหนึ่ง” หลิงฮันกล่าวและผลักเฮ่อเหลียนเทียนหยุนออกไป
“อาจารย์!” ติ่งผิงตะโกนและไม่กล้าสบตาหลิงฮัน
หลิงฮันเหลือบมองเขาและพูดว่า “ทั้งที่ข้าจากไปนานกว่าหนึ่งปี แต่ระดับพลังของเจ้ายังอยู่ที่ระดับตัวอ่อนวิญญาณ! ครั้งนี้ข้าจะชี้แนะเจ้าและช่วยเจ้าทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าก่อนที่ข้าจะออกเดินทางอีกครั้ง!”
“น้องสี่ เจ้าจะจากไปอีกแล้วรึ?” เฟิงโป๋วหยุนถามด้วยความเศร้าใจ
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ครั้งนี้จะไม่ได้มีแค่ข้าเท่านั้นที่ออกเดินทาง แต่พี่ชายทั้งสามของข้าก็จะไปกับข้าด้วย ข้าได้วางรากฐานในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะไว้แล้ว ซึ่งข้าต้องการพี่ชายทั้งสามคนมาช่วยข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฟิงโป๋วหยุน จักรพรรดิพิรุณ และมู่หลงชิงดูต่างก็ดูประหลาดใจ เพียงแค่เวลาๆสั้นๆ แต่หลิงฮันก็สามารถวางรากฐานในจักรวรรดิราชวงศ์หายนะได้แล้ว ถึงกระนั้นพวกเขาก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ออกเดินทางร่วมกับหลิงฮัน
“น้องสี่ เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งมาก ข้าคิดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีถึงจะได้พบเจอเจ้าอีกครั้งซะอีก” จักรพรรดิพิรุณหัวเราะเสียงดัง นี่ไม่ใช่การคุยโว ต้องทราบก่อนว่าบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลิงฮันเริ่มต้นจากศูนย์
มีเพียงแค่สุ่ยเยี่ยนยวี่เท่านั้นที่รู้มากกว่าคนอื่นว่าหลิงฮันประสบความสำเร็จมากแค่ไหนในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนั้นก็ทำให้นางรู้สึกใจเต้น
“น้องสี่มากับข้า ข้าอยากได้ยินเจ้าเล่าประสบการณ์ที่เจ้าได้รับในหนึ่งปีที่ผ่านมา!” มู่หลงชิงดึงแขนหลิงฮัน “จะว่าไปแล้วน้องสี่ ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับไหนแล้ว?”
คำถามของมู่หลงชิงดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที นั่นเป็นเพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับจอมยุทธคือระดับบ่มเพาะพลัง
ในที่แห่งนี้ทุกคนต่างก็เป็นคนของเขา หลิงฮันจึงไม่คิดจะปิดบังอะไรและพูดว่า “ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุด”
อึก!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฮ่อเหลียนเทียนหยุนแทบจะกระอักเลือดออกมา มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เคยทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้ว่ากว่าจะฝึกฝนทะลวงผ่านแต่ละขั้นนั้นยากเย็นแค่ไหน อย่าว่าแต่ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุดเลย แค่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!
ต้องเข้าใจก่อนว่าในอดีตเขาเคยทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น หากพูดถึงความก้าวหน้าแล้วมันแทบจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
“เจ้าช่างเป็นเด็กหนุ่มที่แปลกประหลาดยิ่งนัก” เขาไม่อาจเทียบกับหลิงฮันได้เลย
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกประหลาดใจ นางรู้ว่าจักรวรรดิต้าหลิงมาจากการเปิดสวรรค์ และได้ยินหลิงฮันพูดถึงที่มาของคนที่อยู่รอบตัวเขา ทำให้นางรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีภูมิหลังที่โดดเด่นอะไรเลย
แต่พวกเขาก็มาจากโลกใบเล็กด้วยการเปิดสวรรค์ และรวมอัจฉริยะไว้ที่นี่แล้ว!
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “พวกเราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยระหว่างเดิน”
ชายสี่คนกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนและติงผิงเดินอยู่ใกล้หลิงฮัน และฟังประสบการณ์ของหลิงฮันในหนึ่งปีที่ผ่านมา แล้วอยากจะผจญภัยบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหมือนหลิงฮันบ้าง
หลังจากที่ฟังหลิงฮันพูดจบ เฟิงโป๋วหยุนและคนอื่นก็พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของจักรวรรดิต้าหลิง มันมีปัญหาใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น!