เฉินเข่อเอ๋อร์ที่ใบหน้าแสดงออกถึงความตื่นเต้น “เจี่ยจิ้งอาน เหมือนจะเป็นเถ้าแก่ของหอสมบัติ ครั้งก่อนที่งานวันเกิดของฉันเขาก็มาร่วมงานด้วย ดูสิว่าครั้งนี้พี่เฉินโม่จะทำยังไง ฮึ่ม!”

เมื่อได้ยินชื่อขงอเจี่ยจิ้งอาน เฉินโม่ก็ตื่นเต้นขึ้นแล้ว “มาแล้ว เถ้าแก่เจี่ยก็มาด้วย!”

เฉินตงเยว่ขมวดคิ้ว มองเฉินตงหวาด้วยสีหน้าที่สงสัยและตื่นเต้น แล้วถาม ตงหวา “หรือว่าเถ้าแก่เจี่ยคนนี้ยังเก่งกว่าประธานฉู่เหรอ?”

เฉินตงหวามองไปที่เฉินตงเยว่ หัวเราะร่าแล้วพูด “ตงเยว่ ปกตินายชอบอัญมณีของร้านไหนมากที่สุด?”

เฉินตงเยว่ตกตะลึง ราวกับว่าคิดอะไรขึ้นได้ มองเฉินตงหวาอย่างสหยดสยอง “ไม่ใช่มั้ง หรือว่าเถ้าแก่เจี่ยคนนี้ก็คือ…….”

เฉินตงหวาพูดขักเขา พยักหน้าอย่างจริงจัง “นายคิดไม่ผิด เถ้าแก่เจี่ยคนนี้ก็คือเถ้าแก่ใหญ่ของหอสมบัติ”

ขณะที่พูด “เจียจิ้งอานลากร่างที่อ้วนท้วนของเขา และเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เจียจิ้งอานที่แก้มยุ้ย ตาที่เดิมทีก็เล็กอยู่แล้วเวลายิ้มตาหยีเป็นเส้น กวาดมองในกลุ่มคน ก็เห็นเฉินโม่

เจียจิ้งอานไม่ได้ทำเหมือนฉู่เหวินสงที่เดินเข้าไปโดยตรง แต่ได้เดินไปตรงหน้าของเฉินกั๋วเหลียง โค้งคำนับให้กับเฉินกั๋วเหลียง “ผู้นำเฉิน ผมเจียจิ้งอานขอคำนับ!”

ท่าทางของเจียจิ้งอานไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตน ราวกับถามถ่ายคนรุ่นเดียวกัน แม้เฉินกั๋วเหลียงจะแก่กว่าเขา แต่ว่าฐานะทางสังคมของเจียจิ้งอานไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินกั๋วเหลียงเลย ดังนั้นการที่เจียจิ้งอานใช้น้ำเสียงที่ปกติคุยกับเฉินกั๋วเหลียง ก็ไม่ถือว่าเสียมารยาท

เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะ ทำมือคารวะกลับ “เถ้าแก่เจี่ยเกรงใจไปแล้ว เชิญ!”

เจียจิ้งอานเอาตัวขึ้น ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเฉินกั๋วเหลียงมากนัก หันหลังแล้วเดินไปทางเฉินจิงเย่โดยตรง

เฉินตงหวาที่อยู่ด้านข้าง อุทานเสียงเบา “ไม่ใช่มั้ง เขาก็มาเพราะเฉินจิงเย่เหรอ!”

เฉินตงเยว่ที่ได้ยินเสียงอุทานของเฉินตงหวา ก็ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเจียจิ้งอาน จนกระทั่งเจียจิ้งอานหยุดอยู่ตรงหน้าของเฉินจิงเย่

“นี่…….มาเพราะเฉินจิงเย่จริงๆด้วย!” ทุกคนต่างตกตะลึง

เจียจิ้งอานแอบมองเฉินโม่ที่หลับตาอยู่ด้านหลังของเฉินจิงเย่แล้ว ถึงได้โล่งใจ โค้งคำนับเฉินจิงย่แล้วกล่าว “คุณเฉิน เจียจิ้งอานมาสวัสดีปีใหม่คุณ!”

เฉินจิงเย่งุนงง ชื่อของเจียจิ้งอานเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำไมอีกฝ่ายถึงดั้นด้นเดินทางไกลมาจากฮ่านหยางเพื่อมาสวัสดีปีใหม่ตัวเขาที่หนานซู?

อย่างไรก็ตามมีฉู่เหวินสงเป็นตัวอย่างแล้ว ไหวพริบการรับมือของเฉินจิงเย่ก็เก่งขึ้นมาก

“เถ้าแก่เจี่ยเชิญ!” เฉินจิงเย่ยื่นมือไปพยุงเจียจิ้งอาน คาดไม่ถึงว่าเจียจิ้งอานจะตื่นตกใจ รีบทำตัวตรง ในปากพูดไปด้วย “มิได้ครับ!”

เฉินจิงเย่ยิ่งสงสัย เขาดูออก เถ้าแก่เจี่ยคนนี้เหมืนอจะเกรงกลัวเขาอย่างมาก

เฉินจิงเย่เป็นคนที่ไม่ชอบเก็บความรู้สึก เมื่อกี้ก็ฉู่เหวินสง ตอนนี้ก็เจียจิ้งอาน ทำให้เขาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

เฉินจิงเย่ที่มีความรู้สึกอัดอั้น มองเจียจิ้งอานแล้วถาม “เถ้าแก่เจี่ย ขอผมถามคุณหน่อย พวกเราไม่เคยรู้จักกัน ทำไมคุณต้องมาสวัสดีปีใหม่ผม?”

เจียจิ้งอานผงะไปชั่วครู่ แอบมองเฉินโม่ที่อยู่ด้านหลังของเฉินจิงเย่ พบว่าเฉินโม่ยังคงหลับตาอยู่ เขากลอกตาไปหนึ่งที ยิ้มแล้วพูด “ผมนั้นชื่นชมคุณเฉินมานานแล้ว พอดีวันนี้ผ่านเมืองหนานซู ดังนั้นจึงถือวิสาศะเข้ามา หากล่วงเกินแล้ว ขอคุณเฉินโปรดอภัย!”

เฉินจิงเย่รับรู้ได้ แม้ว่าคำพูดของเจียจิ้งอานนั้นพูดกับเขา แต่เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าคำพูดของเจียจิ้งอานนั้นกำลังพูดให้ใครอีกคนฟัง

แต่ที่นี่นอกจากเขาแล้ว ยังมีคุณเฉินอีกคนที่ไหนกันละ?

ความสงสัยของเฉินจิงเย่ยิ่งทวีคูณขึ้น คำพูดของเถ้าแก่เจี่ยคนนี้ เหมือนกับฉู่เหวินสงที่เพิ่งจะกลับไปเลย

เฉินจิงเย่กำลังคิดอยากจะถาม แต่ว่าเจี่ยจิงอันไม่ได้ให้โอกาสเขาพูด

“ขอขวัญเล็กๆน้อยๆ ขอคุณเฉินโปรดรับไว้!” เจี่ยจิ้งเอาของขวัญในมือวางไว้ข้างกายของเฉินจิงเย่ โค้งคำนับกล่าว “ผมยังมีธุระ ไม่รบกวนคุณเฉินแล้ว ขอตัวก่อน!”