บทที่ 2610 ถ้าไม่เก่งจะเป็นแม่เจ้าได้อย่างไร / บทที่ 2611 จะทิ้งไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2610 ถ้าไม่เก่งจะเป็นแม่เจ้าได้อย่างไร

ตี้เฮ่าก็กินอิ่มแล้วเช่นกัน เกาะอยู่หน้าโต๊ะมองกู้ซีจิ่ววาดตาแป๋ว…

เมื่อเห็นแต่ละเส้นสายที่กู้ซีจิ่วตวัดมีดขีดไขว้ทับกันไปมา ตี้เฮ่าแอบเลื่อมใสอยู่ในใจ

ท่านแม่ของเขาเป็นอัจฉริยะโดยแท้! ผังกระดานหมากที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้นางก็ยังจดจำได้แจ่มแจ้งปานนี้! แถมยังไม่ผิดเพี้ยนเลยด้วย!

นางลืมเลือนเรื่องราวส่วนใหญ่ของสองคนนั้นในความฝันไปแล้ว ทว่ายังจดจำกลหมากที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้ได้…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็วาดกระดานหมากเสร็จแล้ว จึงส่งคืนให้ตี้ฝูอีพลางอธิบายถึงกฎกติกาของกลหมากชนิดนี้

เนื่องจากกติกาซับซ้อนอย่างยิ่ง กู้ซีจิ่วนึกว่าอย่างไรก็คงต้องอธิบายให้เขาฟังสักสองสามรอบ คาดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งอธิบายไปได้เพียงหนึ่งในสาม ตี้ฝูอีก็เริ่มจัดวางหมากแล้ว

“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ เข้าเข้าใจแล้ว มาเถอะ!”

มิเสียทีที่เป็นอดีตเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ต่อให้เขาเสียความทรงจำของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ไปแล้ว ถือกำเนิดใหม่แล้ว แต่ความสามารถบางอย่างก็ยังฝังอยู่ในกระดูก ชี้นำเพียงเล็กน้อยก็กระจ่างแจ้งแล้ว

ทั้งสองคนเดินหมากกันแล้ว กู้ซีจิ่ววางหมากดำทั้งหมด หมากที่กู้ซีจิ่วเดินยึดตามวิถีหมากของคนชุดดำ เธอมีใจอยากมองการเดินหมากของตี้ฝูอีในตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ชี้แนะให้เขาเดินหมากตามความฝันแต่อย่างใด…

ภายในห้องรับรองเงียบสงบนัก เงียบจนมีเพียงเสียงวางหมากกระทบกระดาน

ตี้เฮ่าชมอยู่เงียบๆ เขาบอกได้เลยว่าวิถีการเดินหมากของบิดาตนในที่สุดก็แตกต่างไปจากในอดีตบ้างแล้ว

ในความฝันเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์สังหารอย่างเฉียบขาด หมากไหนควรทิ้งก็ทิ้ง ควรรั้งก็รั้ง ท่วงท่าดั่งอสุนิบาตที่ฟาดกวาดทุกสิ่ง พบเทพสังหารเทพ พบพุทธะสังหารพุทธะ ไร้อารมณ์ต่อตัวหมากในเกม ไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ประสบชัยในวาระสุดท้าย สามารถสังหารตัวหมากทรงพลังของตนทิ้งได้ ทำให้คนไม่กล้าสกัดขวาง

แต่ตอนนี้ในการเดินหมากของตี้ฝูอีกลับมีความรู้สึกนิดหน่อยแล้ว เขาพยายามรักษาตัวหมากทั้งหมดไว้เท่าที่จะทำได้ แต่ล่ะย่างก้าวมั่นคง เพียงกระแสหมากยังคงเฉียบคมเย็นชาอยู่ เมื่อสมควรลงมือก็เด็ดขาดไร้ลังเล!

ส่วนกู้ซีจิ่ว ก็คัดลอกวิถีหมากของคนชุดดำได้สมบูรณ์แบบ…

ไม่สนใจว่าตี้ฝูอีจะลงหมากอย่างไร เธอสนใจเพียงเดินหมากไปตามวิถีของตนเท่านั้น

ในช่วงสุดท้ายตี้ฝูอีก็เริ่มเดินหมากตามเกมของเธอแล้ว…

หมากเกมนี้เดินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตี้ฝูอีจะแพ้! พ่ายแพ้แล้ว!

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในความฝันเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้ชัยชัดๆ!

อาจเป็นเพราะถึงแม้เขาจะเข้าใจกติกาเดินหมากแล้ว แต่อย่างไรก็ยังไม่คุ้นเคย ดังนั้น…

“มีหมากหลายก้าวที่ท่านเดินไม่ถูกต้อง สมควรต้อง…”

กู้ซีจิ่วหยิบตัวหมากสีขาวของเขาขึ้นมาสาธิตให้เขาดูตามสัญชาตญาณ…

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ มองดูนาง ไม่ได้พูดอะไร มองนางจัดเรียงหมากขาวเหล่านั้นใหม่ทีละก้าวๆ ตามความทรงจำของนาง

กลหมากที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้ไม่น่าเชื่อว่านางจะจดจำวิถีของแต่ละคนได้ ตัวหมากเกือบหนึ่งพันสองร้อยเม็ด นางจำได้ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด!

แม้แต่ตี้เฮ่าก็เคารพเลื่อมใสอย่างหมดหัวใจแล้ว!

ตอนนั้นเขาก็ร่วมชมอยู่ที่นั่นเช่นกัน ยังจดจำไม่ได้มากขนาดนี้เลย ถ้าให้เขาจัดวางใหม่ ต้องไม่เหมือนเดิมแน่นอน…

ที่แท้ท่านแม่เขาเป็นผู้ใดกลับชาติมาเกิดกันแน่?

ช่างเป็นตัวตนที่ขัดต่อสวรรค์เหลือเกิน!

ระยะเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็จัดเรียงหมากขาวดำทั้งสองฝั่งเสร็จสิ้นแล้ว

“ดูสิ สมควรเป็นหมากขาวที่มีชัย”

ตี้ฝูอีหมุนหมากตัวหนึ่งอยู่ในมือ มองกลหมากนั้น คล้ายจะใคร่ครวญสิ่งใดอยู่

กู้ซีจิ่วก็ไม่รบกวนเขา ให้เขาค่อยๆ ไต่ตรองไป

“ท่านแม่ ความจำของท่านเลิศล้ำเกินไปแล้ว ข้ายังไม่เคยเจอผู้ที่มีความจำดีจนน่าสะพรึงเช่นนี้มาก่อนเลย”

ตี้เฮ่าหยิบส้มขึ้นมาแล้วเริ่มแกะ แกะกลีบส้มใส่มือของกู้ซีจิ่ว

“ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว!”

กู้ซีจิ่วยิ้มละไม

“ถ้าไม่เก่งจะเป็นแม่เจ้าได้อย่างไร?”

————————————————————————————-

บทที่ 2611 จะทิ้งไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?

ในใจเธอก็ยินดียิ่งนักเช่นกัน ตั้งแต่รู้ว่าตี้ฝูอีคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาสูงส่งเกินไปศักดิ์สิทธิ์เกินไปห่างชั้นกับเธออยู่บ้าง ตนไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด ลึกๆ ในใจจึงน้อยเนื้อต่ำใจอยู่นิดๆ

แต่ตอนนี้ ความน้อยเนื้อต่ำใจนั้นล้วนสลายไปดุจหมอกควัน เธอก็เก่งกาจมากเหมือนกัน! ทักษะบางอย่างถึงขั้นที่ก้าวล้ำกว่าตี้ฝูอีไปแล้ว…

จิตใจกู้ซีจิ่วดียิ่งอารมณ์จึงดียิ่งนัก เธออุ้มตี้เฮ่าขึ้นมา นั่งบนตักตน

“เฮ่าเอ๋อร์ เจ้ายังเล็ก ไม่ต้องปรนนิบัติแม่หรอก มาเถอะ เจ้าอยากกินอะไร? ข้าจะแกะให้เจ้า”

มารดาช่างอ่อนโยนถึงเพียงนี้…

ตี้เฮ่ายื่นมือไปหยิบเมล็ดแตงกำหนึ่งมา ใส่ไว้ในมือกู้ซีจิ่ว

“ท่านแม่ พวกเรากินสิ่งนี้กันเถอะ”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน ฉากนี้คุ้นตาเป็นพิเศษ ราวกับเคยประสบฉากนี้ในความฝันมาก่อน

กู้ซีจิ่วไม่ได้คิดมากอีก ขณะที่กำลังแกะเมล็ดแตงให้ตี้เฮ่า จู่ๆ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมา

“จู๋ตู๋ชิงน่าจะไปจากแดนอสุราแล้ว”

หา?

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ มิใช่ว่าเขากำลังศึกษากลหมากชนิดใหม่อยู่หรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงเบี่ยงไปที่จู๋ตู๋ชิงได้เล่า?

“เขายอมหรือ?”

กู้ซีจิ่วยังคงเอ่ยถามประโยคหนึ่ง

คนผู้นี้วางแผนใหญ่โตขนาดนี้ สิ้นเปลืองชีวิตจิตใจกับแดนอสุราไปมากมายถึงเพียงนี้ จะทิ้งไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?

ตี้ฝูอีตอบกลับ

“มองจากวิถีการลงหมากแล้ว คนผู้นี้ซ่อนเร้นตลบตะแลงเก่ง ทุกก้าวหมากดูเหมือนไร้พิษภัย แท้จริงกลับแฝงเร้นเจตนาสังหารไว้ อสรพิษเลาะพงทิ้งร่องรอย ห่างหมื่นลี้ยังเชื่อมโยง และถ้าแผนการทั้งหมดที่วางไว้ถูกคนจับได้ เขาจะทิ้งขว้างได้อย่างไม่ลังเลเลย แม้จะต้องโยนหมากทั้งหมดทิ้งก็ตาม…จากวิถีหมากสามารถอนุมานถึงนิสัยใจคอของเขาได้ แผนชั่วของเขาเปิดเผยแล้ว ประชาชนไม่ยอมติดกับเขาอีก อวิ๋นเยียนหลีย่อมไม่ยอมเช่นกัน ถ้าเขารั้งอยู่ที่นี่ต่อ นอกจากจะสร้างความเสียหายบางส่วน สร้างความเดือดร้อนบางอย่างให้พวกเรา ก็ไม่อาจก่อคลื่นลมอย่างแท้จริงได้แล้ว ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะละทิ้งทุกอย่างที่นี่ มุ่งไปที่อื่นแล้ว”

ที่แท้เขาให้เธอเดินหมากตามวิถีหมากของคนชุดดำ เป็นเพราะจะอนุมานถึงลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย แล้วคาดคะเนแผนขั้นต่อไปของอีกฝ่ายออกมานี่เอง

ท่านเทพก็คือท่านเทพ ศึกษาผู้คนอย่างแจ่มแจ้งในจุดที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ!

กู้ซีจิ่วรู้ว่าตามปกติแล้วยามที่ตี้ฝูอีทำการสันนิษฐานจะแม่นยำจนน่ากลัว แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย ดังนั้นเธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

เธอยังนึกอยู่เลยว่าเจ้าคนผู้นั้นไปหลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบลับตา รอโอกาสเล่นงานเธออยู่!

ตอนนี้พอเห็นเช่นนี้ก็เบาใจลงไปมาก พวกเขาสามารถทำลายผังดาราอย่างไร้พะวงได้แล้ว ทำให้แดนอสุรากลับเป็นปกติ!

ความจริงพิสูจน์แล้ว ข้อสันนิษฐานของตี้ฝูอีถูกต้องทั้งหมด ทันทีที่พวกเขาทำลายผังดาวของเมืองสุดท้ายเสร็จสิ้น ก็ไม่เห็นจู๋ตู๋ชิงโผล่หัวมาเลย คนผู้นี้ราวกับสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดพบเห็นร่องรอยของเขาอีก

เมื่อวิญญาณอาฆาตในผังดาวอันสุดท้ายถูกสวดส่งวิญญาณ บนฟ้าก็เสมือนปลดผนึกโดมที่ครอบคลุมทั้งแดนอสุราออกแล้ว มีสายลมนภาโชยลงมา ปัดเป่าความมืดมนทั้งหมดไป

“มีไอวิญญาณแล้ว!”

“สวรรค์! มีไอวิญญาณแล้ว! ใต้หล้าปรากฏไอวิญญาณแล้ว!”

“ดีเหลือเกิน! พวกเราไม่ต้องล่าสัตว์ประหลาด เพื่อฝึกฝนอีกแล้ว สามารถดูดซับจากฟ้าดินรู้แจ้งด้วยตัวเองได้แล้ว…”

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จงเจริญ!”

“แม่นางกู้จงเจริญ!”

ได้พบแสงแดด ได้สูดอากาศที่แฝงไอวิญญาณเอาไว้อีกครั้ง เหล่าประชาชนปิติยินดีจนแทบคลั่งแล้ว!

ฝูงชนโห่ร้องยินดี บ้างก็ตีลังกาบนท้องถนน บ้างก็กอดกันไว้ทั้งตะโกนทั้งกระโดด และมีบางคนพยายามเช็ดน้ำตาอย่างสุดชีวิต ยิ่งมีคนเลือดร้อนบางส่วน ความปิติยินดีมหาศาลทำให้พวกเขาแทบนึกอยากระเบิดออกมา กระชากอาภรณ์ทิ้งทันที เผยแผ่นอกออกมา วิ่งร้องตะโกนอยู่บนท้องถนนอย่างคุ้มคลั่ง…

ส่วนกู้ซีจิ่ว ทันทีที่ไอวิญญาณจากฟ้าดินสายแรกบรรจบเข้าหากัน รอบกายของเธอก็มีแสงว่างวาบออกมา มีลำแสงสีขาวสายหนึ่งตรงลงมาจากนภาครอบคลุมเธอไว้ ดึงเธอขึ้นสู่อากาศ…