บทที่ 2033 – น่าอับอาย ความสิ้นหวังในตัวหัวหน้าตระกูล
ชิงสุ่ยไม่แสดงความโกรธ ขณะที่เขามองคนที่กล่าวประโยคนั้นออกมาสีหน้าของเขายังคงเดิม ตรงหน้าของเขาคือชายหนุ่มที่มีส่วนสูงสูงกว่าชิงสุ่ยเล็กน้อย ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาดวงตาสดใส อย่างไรก็ตามสีหน้าท่าทางอารมณ์ของเขาให้ความรู้สึกเย็นชาพร้อมจะหยุดทุกสิ่งมีชีวิตที่เขาไกล
ชิงสุ่ยคิดว่าคนผู้นี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่แสนภาคภูมิแห่งตระกูลอวี้ เขาคงจะเป็นคนที่เคยแข็งแกร่งกว่าอวี้ซีหยวน และมีความแข็งแกร่งประมาณ 1 พันล้านเต๋า
โดยที่ด้านข้างมีชายวัยกลางคนยินดีด้วย ชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงไปหาอวี้ติงเห้อและภรรยาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าน้อยขอคารวะ ท่านอาหก และท่านน้าหก”
“เจี้ยนหมิง เจ้าก็มาด้วยหรือ”อวี้ติงเห้อยิ้มกว้างและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง อวี้ซีหยวนจ้องมองอวี้เจี้ยนหมิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ถ้าหากเจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งแล้ว ก็อย่ามาร้องไห้ทีหลังละ”
คำพูดของอวี้ซีหยวนคลุมเครือมาก ไม่มีใครรู้ว่าเธอพูดถึงใครและมีจุดประสงค์เพื่ออะไร แต่มันรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังพูดถึงชิงสุ่ย แต่ก็สะท้อนไปหาอวี้เจี้ยนหมิงในเวลาเดียว
อวี้เจี้ยนหมิงจ้องมองอวี้ซีหยวน “ซีหยวน เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
“อืม ชิงสุ่ย ข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จัก นี่คือลูกชายท่านลุงใหญ่ของข้า อวี้เจี้ยนหมิง”อวี้ซีหยวนกล่าวแนะนำกับชิงสุ่ย
อวี้เจี้ยนหมิงรู้สึกอึดอัดใจมาก แม้แต่คนภายนอกก็มองรู้ทันทีว่าอวี้ซีหยวนกับชิงสุ่ย มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตัวของอวี้ซีหยวนเองก็ค่อนข้างไม่พอใจ ในเมื่ออวี้เจี้ยนหมิงไม่ให้เกียรติเพื่อนของเธอ แล้วเธอจะให้เกียรติอีกฝ่ายไปทำไมกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นอวี้เจี้ยนหมิงยังแสดงกิริยาต่อพ่อแม่ของเธอด้วยท่าทางที่ไม่ดี แม้ภายนอกจะดูสุภาพแตก เขาเลือกที่จะพูดขวางกลางระหว่างผู้ใหญ่ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่สนใจคำพูดของพ่อแม่เธอ
อวี้ติงเห้อเป็นคนที่ไม่สนใจสถานการณ์ต่างๆ เขาเป็นคนที่มีน้ำใจจึงเลือกที่จะปล่อยปละเรื่องที่ไม่สำคัญทั้งหมด
อวี้ติงเห้อไม่ได้ต่อสู้เพื่อตระกูลอวี้ แต่ก็ไม่ได้มีส่วนร่วม เขาแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลเลย และไม่เคยคิดสนใจจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแม้แต่น้อย มันจึงทำให้คนในตระกูลไม่ได้มองว่าเขาเป็นศัตรู
“ยินดีที่ได้พบ ข้าชิงสุ่ย เป็นหมอ”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างใจเย็น
“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะมั่นใจในทักษะการรักษาของตัวเองเอามากๆเลยสินะ?”อวี้เจี้ยนหมิงเผยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่กำลังล้อเลียนและดูถูกเหยียดหยาม เหมือนตัวเขาเป็นเศรษฐีในขณะที่ชิงสุ่ยเป็นเพียงขอทาน
“ใช่ มันคือความจริง แล้วมันก็เป็นความจริงเอามากๆ”ชิงสุ่ยตอบกลับ
คำตอบของชิงสุ่ย ทำให้อวี้เจี้ยนหมิงประหลาดใจอย่างหนัก แม้ว่าคนคนหนึ่งจะมีทักษะการรักษาที่ยอดเยี่ยมแต่ก็ควรมีความถ่อมตน อวี้เจี้ยนหมิงไม่คิดเลยว่าคำพูดที่เขาใช้เพื่อข่มผู้อื่นจะมีคนกล้าหน้ามืดตามัวปฏิบัติต่อเขากลับมาด้วยวิธีเดียวกัน
“โอ้ จริงเหรอ? แล้วเจ้ารักษาอะไรได้บ้างอ่ะ?”อวี้เจี้ยนหมิงถามต่อ
“ข้ารักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกประเภท แม้แต่คนพิการ ความบกพร่องทางจิต หรือสติด้อยพัฒนา ข้าก็รักษาได้”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อวี้เจี้ยนหมิงไม่อ่านตั้งเสียงหัวเราะของตัวเองได้ ดูเหมือนว่าคำพูดของชิงสุ่ยจะแอบหลอกด่าอวี้เจี้ยนหมิงว่าเป็นคนพิการทางจิตด้อยพัฒนา
“คนหยิ่งยโสไม่รู้จักความกลัว สำหรับเจ้า การอวดดีไร้ยางอายคงจะติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากไม่ใช่เพราะซีหยวนเชิญเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าก็คงโยนเจ้าออกจากบ้านไปแล้ว”อวี้เจี้ยนหมิงพยายามจะยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่แสนเย็นชา
“บอกตามตรง ถ้าหากไม่ใช่เพราะซีหยวน ข้าก็คงไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”ชิงสุ่ยส่ายหน้าแสดงความผิดหวัง
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!! ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่เจ้าจะแสดงความหยิ่งยโสก็ได้!!”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างอวี้เจี้ยนหมิง พุ่งเข้าหาชิงสุ่ยด้วยความเร็วปานสายฟ้า เขาสะบัดฝ่ามือหมายจะเอาชีวิตชิงสุ่ย
ดูชื่อเสียงของอวี้เจี้ยนหมิง เขาคงไม่อาจลงมือได้ด้วยตัวเอง แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนที่คอยรับใช้เขา เขาเพียงแค่อ้างว่าเขาไม่สามารถควบคุมลูกน้องของตนเองได้เท่านี้ทุกอย่างก็ถือว่าคลี่คลาย
ชิงสุ่ยช่องมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความรำคาญใจ เขาเหยียดมือออกไปด้วยท่าทางขี้เกียจ ก่อนจะคว้าข้อมือชายที่พยายามจะสังหารชิงสุ่ย และบิดหมุนมันด้วยท่าทางง่ายๆ กร๊อบบบบ!!
เสียงกระดูกแตกดังชัด ชิงสุ่ยยืนนิ่ง ในขณะที่ข้อมือของชายคนดังกล่าวบิดงอ ชิงสุ่ยเองก็ไม่อยากแสดงพลังกดขี่ผู้อื่นต่อหน้าอวี้ซีหยวน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้แสดงความเคารพเธอเลย
ทุกคนจงอยู่กับความเงียบ มองดูความโหดร้ายของชิงสุ่ย
“ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่ก็หลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าแสดงความหยิ่งผยองในตระกูลของเรา”เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้า
สีหน้าการแสดงออกของอวี้ซีหยวนเปลี่ยนไป “ชิงสุ่ย ท่านลุงใหญ่และคนอื่นๆกำลังมา”
ชิงสุ่ยลูบหัวและจ้องมองกลุ่มคนกว่า 10 คนที่มุ่งตรงมาหาเขา คนที่เป็นผู้นำคือชายวัยกลางคนผมขาวหิมะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาดูแก่เลย
ชายคนนี้ก็คือท่านลุงใหญ่ของอวี้ซีหยวนผู้นำตระกูลอวี้ในปัจจุบัน
“พี่ใหญ่!!”
“น้องหกก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”อวี้ติงซานกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่เหลือความประทับใจต่อตระกูลอวี้อีกแล้ว เขารู้สึกดีก็เพียงแต่กับอวี้ซีหยวนและพ่อแม่ของเธอ
“วิธีที่ตระกูลอวี้ปฏิบัติต่อแขกช่างน่าสนใจจริงๆ ซีหยวน ดูเหมือนว่าข้าไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ”ชิงสุ่ยไม่อยากทำให้อวี้ซีหยวนต้องเจอกับเรื่องยุ่งยาก
“ชิงสุ่ย ข้าจะออกไปกับท่าน”อวี้ซีหยวนกัดฟันกล่าว
“ซีหยวน!!”อวี้ติงซานส่งเสียงตะโกน
อวี้ซีหยวน จ้องมองอวี้ติงซาน “ท่านลุงใหญ่ ท่านเป็นอะไร?”
” ไปเตรียมตัวแต่งงาน งานแต่งของเจ้ากับนายน้อยสามจะต้องถูกจัดขึ้นในอีก 3 วันหลังจากนี้”อวี้ติงซานกล่าว อวี้ซีหยวนตัวสั่นไปหน้าซีด เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล ตระกูลจึงเริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวกบีบบังคับให้อีกฝ่ายเสียประโยชน์เพื่อตัวเอง โดยอ้างผลประโยชน์หลัก
“ท่านลุงใหญ่ ข้าได้ยินมาว่าพวกเรากำลังจะจัดงานต่อรองกับตระกูลหลิว ถ้าหากตระกูลหลิวพ่ายแพ้…..”อวี้ซีหยวนกล่าวอย่างระแวดระวัง
“นายน้อยหลิวที่สามยืนยันกับปากตัวเองว่างานประลองจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อหลังจากงานแต่งงาน พวกเขาจะหารือเรื่องนี้กับพวกเราเอง ส่วนเจ้าก็เตรียมตัวเข้าไปเป็นคนของตระกูลหลิว ซีหยวน เจ้าควรพึ่งรู้เอาไว้ว่าตระกูลอวี้ของเราไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองรุ้งคราม เรายังต้องพึ่งพาผู้อื่น เจ้าจงไปเตรียมตัวซะ!!”
ตอนนี้อวี้ซีหยวนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า ในขณะเดียวกันนั้น อวี้ติงเห้อพ่อของเธอก็กล่าวว่า ” พี่ใหญ่ นายน้อยสามตระกูลหลิวกลายเป็นคนพิการไปแล้ว ข้าว่าซีหยวนไม่สมควรแต่งงานกับเขา”
“น้องหก ข้ารู้ดีว่าซึหยวนเองก็คงต้องเสียใจ แต่นี่เป็นโอกาสอันดีที่ตระกูลอวี้และหลิวจะได้ประสานกำลังรวมกัน พวกเราต้องทำเพื่อตระกูลของเรา”อวี้ติงซานพยายามอธิบายด้วยสีหน้าที่ดูใจเย็น
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นะหรือคือเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่? มันช่างน่าสมเพชกว่าตระกูลสามัญชนทั่วไปเสียอีก ในเมื่อไม่ได้ขายลูกสาวของตัวเองใครๆก็พูดได้ คนพูดไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างเลยหรือ? ช่างเป็นตระกูลที่สิ้นหวังเหลือเกิน ข้าชักสงสัยแล้วว่าหัวหน้าเผ่าอย่างท่านมีลูกสาวหรือไม่ ทำไมไม่ให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานออกเรือนไปแทนละ?”
ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นสีหน้าหมดหวังของอวี้ซีหยวน