บทที่ 2034 – การให้โอกาส ยืมมือผู้อื่นสร้างความประทับใจ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 2034 – การให้โอกาส ยืมมือผู้อื่นสร้างความประทับใจ
  “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นะหรือคือเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่? มันช่างน่าสมเพชกว่าตระกูลสามัญชนทั่วไปเสียอีก ในเมื่อไม่ได้ขายลูกสาวของตัวเองใครๆก็พูดได้ คนพูดไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างเลยหรือ? ช่างเป็นตระกูลที่สิ้นหวังเหลือเกิน ข้าชักสงสัยแล้วว่าหัวหน้าเผ่าอย่างท่านมีลูกสาวหรือไม่ ทำไมไม่ให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานออกเรือนไปแทนละ?”
  ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นสีหน้าหมดหวังของอวี้ซีหยวน
  คำพูดของชิงสุ่ยมันทำให้สีหน้าของอวี้ติงซานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าที่เคยดูเป็นมิตรเปล่งประกายจิตสังหารรุนแรง “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย”
  คงไม่มีตระกูลใด ทนคำพูดของชิงสุ่ยได้ คำพูดที่ออกมาจากปากของเขานั้นเปรียบ
บทที่ 2034 – การให้โอกาส ยืมมือผู้อื่นสร้างความประทับใจ
  “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นะหรือคือเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่? มันช่างน่าสมเพชกว่าตระกูลสามัญชนทั่วไปเสียอีก ในเมื่อไม่ได้ขายลูกสาวของตัวเองใครๆก็พูดได้ คนพูดไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างเลยหรือ? ช่างเป็นตระกูลที่สิ้นหวังเหลือเกิน ข้าชักสงสัยแล้วว่าหัวหน้าเผ่าอย่างท่านมีลูกสาวหรือไม่ ทำไมไม่ให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานออกเรือนไปแทนละ?”
  ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นสีหน้าหมดหวังของอวี้ซีหยวน
  คำพูดของชิงสุ่ยมันทำให้สีหน้าของอวี้ติงซานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าที่เคยดูเป็นมิตรเปล่งประกายจิตสังหารรุนแรง “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย”
  คงไม่มีตระกูลใด ทนคำพูดของชิงสุ่ยได้ คำพูดที่ออกมาจากปากของเขานั้นเปรียบเสมือนการตบหน้าผู้นำตระกูล ทำให้ชายแก่ที่อยู่ด้านหลังทนไม่ไหวและเริ่มลงมือทุบตีชิงสุ่ย
  การโจมตีอาจจะดูเรียบง่ายแต่ชิงสุ่ยก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาล
  ตูมมม!!
  การโจมตีของเขาทำให้ชิงสุ่ยต้องถอยหลัง แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขามองไปยังชายอาวุโสและกล่าวว่า “ข้าไม่อยากจะสร้างศัตรู แต่ข้าก็หวังว่าพวกท่านจะยังให้เกียรติข้าบ้าง ข้าบอกได้เลยว่าเขามิใช่คู่ต่อกรของข้า พวกท่านควรเชื่อว่าข้าไม่มีคนคอยหนุนหลัง แต่ถ้าหากข้าเริ่มลงมือเมื่อไหร่ ทั้งตระกูลอวี้ก็หยุดข้าไม่ได้ “
  คำพูดของชิงสุ่ยมันเหนือกว่าความคาดหวังของอวี้ติงซานเป็นอย่างมาก ในระหว่างที่เขาประหลาดใจ เขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าชิงสุ่ยกำลังจะโต้กลับชายชรา “เดี๋ยวข้าจะแสดงให้ดูว่า ตาแก่คนนี้จะทนการโจมตีของข้าได้สักกี่ท่า”   ตราประทับพุทธองค์วชิระ ตราประทับพุทธองค์เมธา
  ตราประทับแสงพุทธองค์!!
  ชิงสุ่ยทุบเข้าที่จุดซานจงที่อยู่ตรงกลางหน้าอกด้วยพลังที่รุนแรงราวกับภูเขาพุ่งชน
  พรวดดด!!
  ชายชรากระอักเลือด กระวนกระวายหลบหนี อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ยังคงปลดปล่อยกระบวนท่าโจมตีอย่างต่อเนื่องเข้าที่จุดชีพจร ตัวของชายชราไม่อาจตอบโต้อะไรได้เลย ในไม่ช้าพลังปราณของเขาก็เริ่มติดขัดไม่อาจโคจร เมื่อผู้ฝึกยุทธไร้ลมปราณ พวกเขาก็ไม่สามารถเรียกพลังได้
  การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงพริบตา เมื่อชิงสุ่ยก้าวเดินกลับมาที่ด้านข้างอวี้ซีหยวน ชายชราก็ล้มฟุบลงกับพื้นพร้อมหมดสติ อวัยวะภายในและช่องลมปราณทั้งหมดของเขาล้วนบาดเจ็บหนัก กลายเป็นเพียงผู้พิการ ถ้าหากนับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ชายชราคงถูกสังหารตายคามือชิงสุ่ย แต่เพราะความเห็นใจชายชราจึงยังมีชีวิตรอดอยู่ได้
  หัวใจของอวี้ติงซานตกสู่ตาตุ่ม ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นยิ่งกว่าอัจฉริยะ ไม่มีอัจฉริยะคนใดในตระกูลอวี้เทียบเขาได้ สายตาของเขาที่มองอวี้ซีหยวนก็บอกได้เลยว่าหลานสาวคนนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมถึง 2 เท่า และแข็งแกร่งยิ่งกว่าลูกชายอัจฉริยะของเขา หรือว่ามันจะเป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้
  เขายังคงไม่เชื่อว่าชิงสุ่ยจะไม่มีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คนอื่นเองก็เช่นกัน ไม่มีใครเชื่อ ตระกูลอิทธิพลที่เหนือกว่าตระกูลอวี้ก็ยังไม่สามารถเลี้ยงดูยอดยุทธอายุน้อยเช่นนี้ได้ นับประสาอะไรกับตระกูลอวี้ของพวกเขา
  “ผู้นำตระกูลอวี้ เพราะว่าซีหยวน ข้าจึงไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลอวี้ ที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่ทางผ่านของข้า และข้าก็เตรียมจะจากไปอีกในไม่ช้า ข้าไม่สนใจเรื่องที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด แต่ตอนนี้ก็เริ่มสงสัยแล้วว่าท่านวางแผนจะทำสิ่งใดต่อ?”
  คำพูดของชิงสุ่ยเป็นไปด้วยความมั่นใจเขาไม่ได้สนใจเมืองรุ้งคราม เหตุผลเดียวที่เขาเลือกมาที่นี่ก็เพราะอวี้ซีหยวน
  ในฐานะผู้นำตระกูลโดยเฉพาะตระกูลพิเศษอย่างตระกูลอวี้ งานแต่งงานของอวี้ซีหยวนและนายน้อยสามแห่งตระกูลหลิวไม่ใช่เรื่องที่จะยกเลิกกันได้ง่ายๆ
  “แล้วเจ้ามีแผนจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”อวี้ติงซานถามคำถามกลับไปหาชิงสุ่ย
  “เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของท่านกับซีหยวน ก็อย่างที่ข้าบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ ข้าคือหมอ ข้าย่อมสามารถช่วยท่านรักษาใครก็ได้ที่ยังไม่สิ้นใจ โดยข้าสามารถฟื้นฟูให้เขากลับไปอยู่สภาพเดิมได้ ข้าจะพักอยู่ในเมืองรุ้งครามสักพักใหญ่ ท่านไม่ต้องรีบร้อน และค่อยๆคิดว่าจะให้ใครเป็นผู้โชคดีคนนั้น ท่านคิดว่าอย่างไร?”ชิงสุ่ยนำเสนอ
  “ข้าก็รู้ดีว่าท่านคงจะสงสัยในทักษะการรักษาของข้า ฉะนั้นข้าจะแสดงให้ท่านดูเป็นขวัญตา เชิญท่านหาคนบาดเจ็บ หรือไม่ก็ลองไปทำร้ายใครสักคนนึงดูให้บาดเจ็บเจียนตายตราบใดที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตยังมีลมหายใจ ข้าก็สามารถรักษาได้หมด”ชิงสุ่ยเชื่อว่าอวี้ติงซานคงเต็มไปด้วยความสงสัย
  อวี้ติงซานยิ้ม “เจ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงใจ ฉะนั้น หากท่านต้องการแสดงให้เห็นเป็นสักขีพยาน ท่านก็ต้องรักษาผู้อาวุโสโซว่ละกัน”
  “อาการบาดเจ็บของเขาเบาเกินไป”
  อวี้ติงซานสีหน้ากระตุกแล้วรีบกล่าวว่า ” ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าผู้อาวุโสโซว่กลายเป็นคนพิการ ไม่มีทางฟื้นฟูได้อีกแล้ว”
  ใครๆก็บอกได้ทันทีว่าผู้อาวุโสโซว่กลายเป็นคนพิการอย่างสมบูรณ์ แม้เขาจะไม่ตาย แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากคนตายเดินได้ ดังนั้นหากชิงสุ่ยรักษาได้สำเร็จจริง มันก็ไม่ต่างจากการสร้างปาฏิหาริย์ในเมืองรุ้งคราม
  ในระหว่างนั้น ผู้อาวุโสโซว่ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาจากการสลบ เขาไม่รู้สึกโกรธแค้นชิงสุ่ยเลย ดวงตาของเขามองเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่เขาหมายปองจะทำร้าย กลับกลายเป็นฝ่ายที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาวะชะตากรรมเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย
  หลังจากที่ได้เห็นชิงสุ่ยทุบตีผู้อาวุโสโซว่อยู่ฝ่ายเดียว อวี้ติงซานก็ไม่กล้าจะทำร้ายชิงสุ่ยอีก แม้ชิงสุ่ยจะยืนนิ่งไม่ขยับ เขาก็ไม่กล้าแตะต้องชิงสุ่ย ท้ายที่สุดแล้ว การที่ชิงสุ่ยเอาชนะผู้อาวุโสโซว่ได้โดยที่ผู้อาวุโสของเขาไม่อาจตอบโต้ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว มันก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้แล้วว่าช่องว่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายไม่ต่ำกว่า 3 เท่าตัว ความต่างของพลังและช่วงอายุนี่มันอะไรกัน?
  ชิงสุ่ยนำเข็มทองคำและเริ่มโคจรปราณเบญจธาตุและปราณหวนคืน เวลาผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ชิงสุ่ยก็ดึงเข็มออกจากร่างกาย
  แม้ว่าผู้อาวุโสโซว่จะไม่หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ทุกคนก็บอกไม่ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้ดูบาดเจ็บสาหัสหนักเหมือนตอนแรก เขาจะฟื้นฟูพลังได้หลังจากพักผ่อนไปซักวันสองวัน  สิ่งที่เกิดขึ้นใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานและสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนอย่างน่าเหลือเชื่อ
  “ผู้นำตระกูลอวี้ ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การรักษา ดังนั้น ข้าจึงคิดจะตั้งหอรักษาในเมืองรุ้งคราม ท่านสามารถแนะนำผู้ป่วยให้กับข้าได้ โอกาสแห่งโชคชะตามันขึ้นอยู่กับมือของท่าน ท่านจะคว้ามันหรือไม่ก็ตามใจ ส่วนข้า คงต้องขอตัวลา”
  ใบหน้าของอวี้ติงซานเหลือเพียงแค่ความชื่นชม เขาก็ยังมีความสุขมาก “ขอบคุณมาก อย่าเพิ่งรีบไปไหนเลย ให้ข้าได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านก่อน”
  “วันนี้ ข้าคงต้องตามหาสถานที่เหมาะสมในการก่อตั้งของรักษา ต้องขออภัยที่ไม่ว่าง ไว้วันหลังแล้วกัน”ชิงสุ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ
  “ท่านไม่จำเป็นต้องออกแรงด้วยตัวเอง ตระกูลอวี้แม้จะไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุด แต่พวกเราก็สามารถจัดหาสถานที่ให้ท่านตั้งหอรักษาได้ หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธและยอมรับมัน ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทน”คำพูดของอวี้ติงซานเปลี่ยนไปเป็นสุภาพในทันที
  การกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์ อย่างน้อย ผู้นำตระกูลอวี้ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย เพื่อเห็นแก่หน้าอวี้ซีหยวน ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจให้โอกาศตระกูลอวี้
  เขาไม่ปฏิเสธคำขอและเดินตามอวี้ซีหยวนเข้าไปในห้องโถงตระกูลอวี้ ใบหน้าของอวี้เจี้ยนหมิงเป็นไปด้วยความอับอายไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับชิงสุ่ยได้อย่างไร ตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองภาคภูมิใจในตนเอง จึงไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน