“นังหนู เจ้าจงใจล่อข้ามาที่เหวลึกอนันต์ คิดจะใช่ประโยชน์จากเหวลึกอนันต์หลอกฆ่าข้าใช่หรือไม่ อันที่จริงเส้าหยีก็ไม่ได้อยู่ที่นี่”

“ขั้นต้นระดับสี่คนหนึ่ง ขั้นสูงสุดระดับหกคนหนึ่ง ท่านคิดว่าข้าหลอกฆ่าท่านได้หรือ?”

“เจ้าทำไม่ได้ แต่ที่นี่ทำได้”

สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ากู้ชูหน่วนมีเจตนาร้าย

เขาเกิดความคิดอยากสังหารขึ้น

ด้านหนึ่งขับเคลื่อนกำลังภายในต่อเนื่องเพื่อต่อต้านหินหลอมเหลวของทะเลโลหิต ด้านหนึ่งก็จับตามองทางหนีทีไล่ของกู้ชูหน่วนอย่างติดๆ ตั้งใจว่าหลังจากที่หลุดพ้นจากพันธนาการของทะเลโลหิตแล้ว ก็จะสังหารผู้หญิงตัวน้อยจอมสับปลับผู้นี้ไปซะ

ทำไมกู้ชูหน่วนจะไม่รู้ว่าตาแก่หนังเหนียวผู้นั้นมีความคิดอยากจะฆ่านาง

นางไม่มั่นใจว่าหินหลอมเหลวของทะเลโลหิตชั้นที่สามนี้จะสามารถควบคุมสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยได้

ทำได้เพียงฝืนบังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ พยายามสลัดให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากในตอนนี้

ดวงตาสีดำและขาวที่แยกกันชัดเจนคู่นั้นกลอกไปมา

ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนก็ชี้ไปที่ผ้าพันแผลเปื้อนเลือดที่อยู่ไม่ไกล “ดูสิ ผ้าชิ้นนั้นเหมือนจะเป็นของเวินเส้าหยี”

สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยเหลือบมองตามสายตาของนางไป

ในที่ไม่ไกลนักมีผ้าอยู่ชิ้นหนึ่งจริง ผ้าทั้งชิ้นเกือบจะถูกย้อมเป็นสีแดง แขวนอยู่บนกำแพงหิน ลมร้อนพัดผ่าน พัดให้แกว่งไกวจนจะร่วงตก

“นั่นไม่ใช่เสื้อผ้าของเส้าหยี แต่กลับเป็นเลือดของเขา”

“แค่นี้ท่านก็สามารถจำได้ด้วยเหรอ?”

กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกประหลาดใจแล้ว

ในเวลานั้นเวินเส้าหยีได้รับบาดเจ็บสาหัส เสื้อผ้าบนร่างกายก็ถูกเลือดย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด และถูกกรีดขาดทั้งหมด นางหาเสื้อผ้าของพี่เฉินเฟยชุดหนึ่งมาให้เขาสวมใส่ชั่วคราว

ต่อมาก็ได้เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆอีก จึงทำให้เสื้อผ้าที่ยืมมาจากพี่เฉินเฟย ถูกฉีกขาดไปทั้งหมดอีกเช่นกัน

อาศัยเพียงแค่คราบเลือดก็สามารถจดจำได้ กู้ชูหน่วนยอมรับว่าตัวเองไม่มีความสามารถนั้น

คราบเลือดบนเสื้อผ้าถูกลมพัดจนแห้งแล้ว ผ้าที่ถูกแขวนอยู่ตรงนั้นก็เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งวันแล้ว

ทีแรกสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยไม่เชื่อกู้ชูหน่วน เมื่อได้เห็นผ้าผืนนั้นก็ต้องเชื่อแล้ว

เมื่อดูจากลักษณะการฉีกขาดของเสื้อผ้า เส้าหยีน่าจะถูกสัตว์ร้ายอะไรฉีกกัด ดังนั้นรอยฉีกของเสื้อผ้าจึงมีรอยฟันของสัตว์ร้ายอยู่

อั้นเฮยเป็นห่วงเวินเส้าหยี เขามีใจอยากจะเก็บแรงความแข็งแกร่งไว้ แต่เวลานี้สนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว

เขาขับเคลื่อนกำลังภายในเกือบทั้งหมด ใช้วิทยายุทธขั้นสูงสุดของตัวเองฝืนบังคับให้หินหลอมเหลวของทะเลโลหิตสลายออก

“ครืน…..”

ทะเลโลหิตกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง กลับไปในสระทะเลโลหิตของตัวเอง ไม่พัดเป็นคลื่นขึ้นมาโจมตีสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยอีก

ทว่าสีหน้าของสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยก็ซีดขาวไปไม่น้อย กำลังวังชาก็ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อครู่ขนาดนั้นแล้ว คิดว่าน่าจะเปลืองแรงมากเกินไป

กู้ชูหน่วนชี้ไปทางชั้นที่สี่ “หากว่ากำลังแรงกายของท่านไม่ได้ งั้นพวกเราก็อย่าลงไปเลย รอเพื่อนของท่านมาแล้วค่อยไปช่วยเวินเส้าหยีละกัน”

รอเพื่อนของเขา?

ลูกศิษย์ธรรมดาทั่วไปก็ไร้ประโยชน์

ที่ระดับเดียวกับเขาก็น่าจะถูกกักไว้หมดแล้ว

หลุดจากการกักขังต้องใช้เวลา

ลงไปที่เหวลึกอนันต์ก็ต้องใช้เวลา

แต่ใครจะให้เวลากับเวินเส้าหยีได้?

“ไป ลงไปเดี๋ยวนี้”

แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันอันตรายเขาก็ต้องบุกฝ่าไป ใครใช้ให้เขาเป็นคนที่เลี้ยงดูเวินเส้าหยีมาตั้งแต่เล็กจนโตล่ะ

“ก็ได้ นี่เป็นท่านที่ให้ข้าลงไปนะ หากว่าพบอันตรายอะไรอีก ท่านก็อย่าโทษข้าละกัน”

กู้ชูหน่วนกระโดดลงไปชั้นที่สี่

ไม่เหนือความคาดหมายของพวกเขา ยิ่งลงไปก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น

ทุกชั้นที่กู้ชูหน่วนลงไปก็ล้วนหวังว่ากลไกสังหารเบื้องล่างจะสามารถหลอกฆ่าสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยได้ แต่ก็ล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าจะล้มเหลว แต่นางก็รู้สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวเกินไปแล้ว

พลังของเขาแทบจะหมดสิ้นไปตอนที่อยู่เบื้องล่างแล้ว

ที่ทำให้นางคิดไม่ถึงคือ แม้จะอันตรายขนาดนั้น แม้ชีวิตจะมีภัยอันตราย สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยก็ยังคงกระโดดลงไปด้านล่างโดยไม่ลังเล

กระทั่งอึดใจเดียว ก็บุกผ่าต่อเนื่องกันสิบหกชั้นโดยตรงแล้ว

ในชั้นที่สิบหก สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยหอบไม่หยุด นั่งตรงหัวมุมเพื่อปรับลมหายใจ ขับเคลื่อนพลังเพื่อฟื้นฟู

“ลงไปอีกเพียงสองชั้น ก็จะพบเส้าหยีได้แล้วใช่หรือไม่?”

“แน่นอน ท่านมีศักยภาพของขั้นสูงสุดระดับหก อยู่ตรงนี้ก็น่าจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของเวินเส้าหยีได้ไม่มากก็น้อยสินะ”