ตอนที่ 1078

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ติ่งผิงกรีดร้องด้วยความเหน็ดเหนื่อยทุกคน แต่ผลลัพธ์ของการฝึกก็แสดงออกมาให้เห็นได้ชัด เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะพลังทางสายเลือดหรือโชคอะไรหรือไม่ ที่ทำให้เขารู้สึกว่าสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนได้เป็นร้อยเท่า

มันน่ากลัวมาก ความสามารถแค่นั้นเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขามีพลังต่อสู้สองดาวในขอบเขตพระเจ้าแล้ว!

ในฐานะที่ติ่งผิงเป็นศิษย์ของหลิงฮันเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องบีบศักยภาพของติ่งผิงออกมาให้ได้มากที่สุด

สี่วันต่อมา ต้นสังสารวัฏก็เติบโตอย่างสมบูรณ์ มันดูเหมือนต้นไม้ธรรมดา แต่ก็ดูลึกลับและทรงพลังมาก ทั้งยังปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ออกมาระหว่างกิ่งไม้และใบไม้ เมื่อหลิงฮันเห็นมันเติบโต มันทำให้เขารู้สึกว่าเวลาได้ผ่านไปหลายพันล้านปีแล้ว

ต้นสังสารวัฎจะต้องใช้เวลาสิบสองล้านล้านปีถึงจะเติบโตได้ขนาดนี้!

หอคอยทมิฬช่างทรงพลังยิ่งนัก

หลิงฮันรู้สึกว่าความสำเร็จทั้งหมดของเขาเป็นเพราะความช่วยเหลือจากหอคอยทมิฬ มิฉะนั้นเขาคงเป็นได้แค่จักรพรรดินักปรุงยาและความสำเร็จคงถูกจำกัด แล้วการฝึกฝนวรยุทธของเขาคงไม่มีความก้าวหน้า

“ต้นสังสารวัฎต้นนี้ไม่ได้เติบโตตามธรรมชาติ แต่เติบโตจากพลังของข้า ดังนั้นประสิทธิภาพของมันจึงอ่อนแอกว่าที่ควรเป็น” หอคอยน้อยปรากฏตัวออกมาและพูดอธิบายให้หลิงฮันฟัง “ดังนั้นหากเจ้าฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎเป็นเวลาหนึ่งวันมันเทียบได้กับเวลาหนึ่งปีเท่านั้น!”

แค่นี้ก็น่าทึ่งพอแล้ว!

“ในเวลาสิบปี เจ้าสามารถเห็บใบพวกนั้นไปทำชาได้ แล้วหลังจากที่เจ้าดื่มมันจะทำให้พลังวิญญาณของเจ้าเพิ่มขึ้นมาก”

“แต่น่าเสียดายที่พลังต้นกำเนิดของข้าถูกใช้หมดไปแล้วอีกครั้ง ข้าจึงไม่สามารถปลูกต้นสังสารวัฏได้อีกต้น”

หลิงฮันประหลาดใจมากและพูดว่า “แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่รู้ว่ามีสมบัติมากมายประเภทเร่งเวลา-” หอคอยน้อยรีบหุบปากทันทีและพูดเปลี่ยนประเด็นว่า “ข้าคงต้องขอตัวไปซ่อมหอคอยทมิฬก่อน หากเจ้าไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรอย่าได้รบกวนข้า!”

หลังพูดจบมันก็หายไปและปล่อยให้หลิงฮันไม่สบอารมณ์

“มันเป็นข้าไม่ใช่หรือที่เป็นเจ้านายของเจ้า แล้วคำพูดอวดดีพวกนั้นมันอะไรกัน!”

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม อย่างแรกที่เขาต้องทำคือยกระดับความแข็งแกร่งของคนรอบข้าง!

หลิงฮันพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ เฟิงโป๋วหยุนและคนอื่นๆ เข้าไปในหอคอยทมิฬ และให้พวกเขาฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎ

สิ่งที่เขาขาดตอนนี้คือเวลา แต่ถ้าฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎหนึ่งวันจะเท่ากับหนึ่งปี นั่นหมายความว่าอะไร? แม้แต่หมูโง่ก็ยังสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าได้!

คนที่ทะลวงผ่านคนแรกคือหลิงฮัน ด้วยความช่วยเหลือของต้นสังสารวัฎ ทำให้ความเร็วในการรู้แจ้งของเขารวดเร็วเหมือนกับแสง

อัจฉริยะปกติจะใช้เวลาหลายร้อยปีในการทะลวงผ่านแต่ละระดับ แต่หลิงฮันนั้นเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ สามัญสำนึกทั่วไปจึงใช้ไม่ได้ผล

ตัวช่วยที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณจ้าวอสูรที่แก้ปัญหาเรื่องการสะสมพลังปราณของเขา ด้วยความช่วยเหลือทั้งสองทางนี้ แล้วเขาจะไม่ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

ในเมื่อทลวงผ่านระดับ หลิงฮันจึงขึ้นพาหนะแหวกเมฆาออกไปจากจักวรรดิต้าหลิงและมุ่งหน้าไปยังดินแดนรกร้างเพื่อรับทัณฑ์สวรรค์

ทัณฑ์สวรรค์ที่ฝ่าลงได้ชำระล้างกระดูกของหลิงฮันและยกขึ้นไปอีกระดับ นี่ทำให้หลิงฮันถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และถ้าติ่งผิงได้ยินเข้า เขาจะต้องรู้สึกสะใจอย่างแน่นอน

ครึ่งวันต่อมา หลังจากที่รับทัณฑ์สวรรค์ หลิงฮันก็เริ่มโคจรเทคนิคสวรรค์นิรันดร์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับ แล้วใดทันนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอันเอ่อล้นในร่างกายและกระดูกของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก มันบรรลุถึงระดับสี่แล้ว

“ตอนนี้ แม้ว่าข้าจะไม่สามารถเอาชนะศัตรูที่อยู่ในระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดได้ แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ทั้งยังมีโอกาสที่จะสังหารอีกฝ่ายได้!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

การป้องกันและความยืดหยุ่นของร่างกายเขาอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัว ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่สามารถฆ่าเขาได้ภายในไม่กี่วินาทีก็จะหมดหวัง

นอกจากหลิงฮันแล้ว ความก้าวหน้าของจักรพรรดิพิรุณถือว่าไม่ธรรมดา

พรสวรรค์ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน แต่เขาไม่ได้โชคดีเหมือนกับหลิงฮันที่มีหอคอยทมิฬ

สองเดือนต่อมาความแข็งแกร่งของจักรพรรดิพิรุณก็บรรลุระดับทลายมิติสิบเก้าดาว!

ต้นสังสารวัฎแสดงประสิทธิภาพของมันได้อย่างเต็มที่

จักรพรรดิพิรุณเริ่มเข้าใจความลึกลับของขอบเขตพระเจ้า และด้วยคำแนะนำของหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่บวกกับพรสวรรค์ของเขาแล้ว เขาน่าจะเข้าใจในสองสามวัน แต่สองสามวันที่พูดถึงหมายถึงการฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎ ซึ่งเทียบเท่ากับโลกภายนอกสองสามปี

สิบวันต่อมา เฟิงโป๋วหยุนก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติสิบแปดดาว ส่วนมู่หลงชิงทะลวงผ่านระดับทลายมิติสิบเจ็ดดาว

ผลของการฝึกแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่แตกต่างกันของพี่น้องทั้งสี่คน จักรพรรดิพิรุณและหลิงฮันอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เฟิงโป๋วหยุนเป็นรองกว่าเล็กน้อย ตามมาด้วยมู่หลงชิง

ถึงกระนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ดี

คนอย่างพวกเขาในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะจะมีสักกี่คนกัน?

แต่จักรวรรดิเล็กๆอย่างจักรวรรดิต้าหลิงกลับมีถึงสี่คน!

ยิ่งไปกว่านั้น เฮ่อเหลียนเทียนหยุนยังบรรลุระดับทลายมิติสิบหกดาว และศิษย์ของหลิงฮัน ติ่งผิงก็ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย พลังของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนถึงร้อยเท่า ถ้าเขาทะลวงผ่านระดับทลายมิติคงจะมีพลังต่อสู้สิบแปดดาวหรือสิบเก้าดาว แล้วหลังจากที่เขาทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้า พลังต่อสู้ของเขาก็อาจมากกว่าหกดาว!

พลังต่อสู้หกดาวแค่สุ่ยเยี่ยนยวี่คิดก็ทำให้นางหวาดกลัวแล้ว เพราะขนาดอัจฉริยะระดับตำนานยังมีพลังต่อสู้แค่ห้าดาวเท่านั้น แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีอัจฉริยะระดับหกดาว?

แม้แต่หลิงฮันก็ไม่สามารถเทียบได้!

หลิงฮันไม่อิจฉาลูกศิษย์ของตัวเอง นอกจากนี้พลังต่อสู้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเท่านั้น มันไม่ใช่ทั้งหมด เขาเชื่อว่าถ้าจักรพรรดิพิรุณและติ่งผิงต่อสู้ในระดับเดียวกัน คนที่จะพ่ายแพ้จะต้องเป็นติงผิงอย่างแน่นอน และไม่มีโอกาสที่จะชนะเลย

ไม่กี่วันต่อมา จักรพรรดิพิรุณ เฟิงโป๋วหยุนและมู่หลงชิงก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารี

ในที่สุดจักรวรรดิต้าหลิงก็เริ่มมีเค้าโครงของจักรวรรดิราชวงศ์สักที