กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1215
ตอนนี้ชาร์ลีถือว่าจัสมินเป็นเพื่อนสนิทของเขา และยินดีที่จะปกป้องเธออย่างสุดกำลัง
ส่วนในดวงตาของไทเลอร์และรูเบนกลับร้อนผ่าวไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความรู้สึกอยากฆ่าคน
พวกเขาเฝ้ารอคอยตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวมาหลายปี จึงไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าจัสมินได้รับตำแหน่งนี้ไปครองได้
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านแน่ ๆ ถ้าอยากจะได้ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกนี้มาครอง
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องวางแผนกลยุทธ์อย่างชาญฉลาด พวกเขาตัดสินใจที่จะทำการเคลื่อนไหว และต้องแน่ใจว่าจะได้รับชัยชนะ
ในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ จัสมินเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ความรู้สึกจากก้นบึ้งของจิตใจจัสมินในตอนนี้คือ เธอรู้สึกรักและสำนึกในบุญคุณของชาร์ลีอย่างสูงสุด
ผู้หญิงที่ชาญฉลาดอย่างเธอจะไม่รู้ถึงความตั้งใจของเขา ในการให้อายุวัฒนะกับเธอได้อย่างไรกัน?
ใครจะได้ประโยชน์จากอายุวัฒนะนี้มากที่สุดล่ะ? ก็ต้องเป็นคนแก่อย่างแน่นอน คนที่แก่มาก ๆ
เธอมีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น จึงไม่ต้องการยาอายุวัฒนะนั่นเลย ดังนั้นจึงต้องใช้เป็นของขวัญเพื่อมอบให้คุณปู่ของเธออีกต่อหนึ่ง
คุณปู่ของเธอก็คลั่งไคล้กับยาอายุวัฒนะนี้เช่นกัน ฉะนั้นเมื่อเขารู้ว่าชาร์ลีได้มอบยานั้นให้เธอแบบสบาย ๆ หนึ่งเม็ด ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนตัดสินใจมอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้เธอตรงนั้นเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ… ชาร์ลีได้ช่วยเธอเป็นอย่างมากในการทำความฝันของเธอให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้
ตอนนี้จัสมินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลมัวร์แล้ว งานเลี้ยงวันเกิดของเธอจึงให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และสูงส่งมากกว่าเดิม
เมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เหล่าคนรับใช้ก็ดันรถเข็นเค้กวันเกิดก้อนมหึมาเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง
โดยมีเทียน 26 เล่มส่องแสงอยู่บนเค้กวันเกิดนั้น ทันทีที่แสงไฟดับลง จัสมินก็ยืนอยู่ตรงหน้าแสงเทียนเหล่านั้นคนเดียว แสงเทียนได้สะท้อนความวิบวับให้แกว่งไกวอยู่บนใบหน้าที่สวยงามและมีเสน่ห์นั้น เธอช่างดูงดงามเสียจริง ๆ
จัสมินประสานมือไว้ตรงหน้าอก หลับตาลง แล้วตั้งจิตอธิษฐานอยู่เงียบ ๆ
จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมาและจ้องมองชาร์ลีอย่างหลงใหลได้ปลื้ม
ในขณะนี้เธอรู้สึกราวกับว่าชาร์ลีเป็นดั่งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แดนสุขารมณ์ และสวรรค์ของเธอ
แต่อย่างไรก็ตาม ชาร์ลีไม่ได้สังเกตเห็นการจ้องมองของจัสมิน
เมื่อแสงไฟดับลงและจัสมินยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เขาเฝ้าสังเกตไทเลอร์และรูเบนอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยวิสัยทัศน์ที่อยู่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป
ตอนที่แสงไฟกำลังดับลงนั้น สีหน้าไทเลอร์และรูเบนที่แสร้งทำเป็นเยือกเย็นและฝืนยิ้มอยู่นั้น ก็เปลี่ยนเป็นดูเย็นชาและบูดบึ้งขึ้นทันที
นับเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการซ่อนความรู้สึกเกลียดชังต่อจัสมินต่อหน้าผู้คนมากมาย ดังนั้นการเสแสร้งของพวกเขาจึงสิ้นสลายไปทันทีที่ไฟในห้องนั้นมืดดับลง
หลังจากนั้นแสงไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง
จัสมินตัดเค้กวันเกิดด้วยตัวเองสองชิ้น ชิ้นหนึ่งมอบให้แก่คุณปู่ของเธอ และอีกหนึ่งชิ้นมอบให้กับชาร์ลี
หลังจากรับประทานเค้กวันเกิดกันเสร็จ งานเลี้ยงวันเกิดก็ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ
นับเป็นงานเลี้ยงที่สนุกสนานรื่นเริงทั้งกับเจ้าภาพและแขกเหรื่อที่มาในงาน
สมาชิกของตระกูลมัวร์ที่ยอมรับการมีสิทธิ์ในการสืบทอดมรดกของจัสมิน ต่างก็ไม่มีความคิดเห็นในการรับตำแหน่งของเธอ
มีเพียงไทเลอร์และรูเบนเท่านั้นที่รู้สึกดูหมิ่นเหยียดหยามในการตัดสินใจครั้งนี้
เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง พอลซึ่งนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งก็เดินเข้าไปหาชาร์ลี แล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพว่า “ให้ผมไปส่งคุณนะครับ ปรมาจารย์เวด”