ตอนที่ 1274 มักใหญ่ใฝ่สูง โดย Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่หมอกแดงข้ามยอดเขาแล้วไหลทะลักลงมา ทุกสรรพสิ่งก็เหมือนมีเยื่อบางๆ มาปกคลุมเอาไว้อยู่ เดิมมาร์เวน ไพค์นึกว่าตัวเองจะรู้สึกทรมานเหมือนอยู่ในเหมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน แต่ความจริงแล้วร่างกายเขากลับไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลย
ถ้าสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เขาจะรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้นและความเย็นสบาย จากที่ผู้บังคับบัญชาของปีศาจบอกเขามา หมอกแดงพวกนี้มีส่วนประกอบสำคัญของชีวิตอยู่ มันไม่เพียงแต่จะไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย มีเพียงแค่แม่มดเท่านั้นที่จะได้รับอันตรายจากมันจนถึงแก่ชีวิต
เอิร์ลมาร์เวนเองก็ไม่รู้ว่าคำพูดนี้มีความน่าเชื่อถืออยู่เท่าไร แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว นอกจากเรื่องที่ทัศนวิสัยของเขาได้รับผลกระทบนิดหน่อย เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะส่งผลเสียอย่างอื่นต่อเขาเลย ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในหมอกแดงไปเสียแล้ว
“ท่านดยุค ท่านสกายลอร์ดส่งคนมาขอรับ” ในเวลานั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องหนังสือ “ตอนนี้มันกำลังรอท่านอยู่ในสวนขอรับ”
มาร์เวนพยักหน้าอย่างเงียบๆ “ให้มันรออยู่ที่นั่นก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
“ขอรับ”
หลังองครักษ์ปิดประตูลง มาร์เวนก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ถูกต้อง ดยุค ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ล้วนแต่ทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ตอนที่ปีศาจบุกเข้ามาในปราสาทรีเฟลคสโนว์ เขานึกว่านั่นจะเป็นวันสิ้นโลกอย่างที่ร่ำลือกันเสียแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายอีกฝ่ายจะไว้ชีวิตตน
เมื่อตัดอคติที่มีอยู่ออกไป มาร์เวนพบว่าปีศาจที่เรียกตัวเองว่าสกายลอร์ดตัวนั้นไม่ได้สื่อสารยากเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ตัวมาร์เวนเองรู้สึกด้วยซ้ำว่ามันยังพูดคุยได้ง่ายกว่าคนเกรย์คาสเซิลเสียอีก อย่างน้อยปีศาจก็ไม่ยึดเอาที่ดินของเขาไป
ปีศาจไม่มีการเก็บภาษี ไม่แย่งที่ดิน ไม่ยึดอำนาจ ขอเพียงเขาจงรักภักดีต่อมัน เขาก็สามารถรักษาทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ได้ แถมยังมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนมากขึ้นด้วย นอกจากเรื่องที่พวกมันโหดร้ายป่าเถื่อนไปหน่อยแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี โดยเฉพาะหลังจากที่สกายลอร์ดมอบหมายเมืองอีกสามเมืองให้เขาดูแล เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ปราสาทรีเฟลคสโนว์เป็นเหมือนเกาะที่โดดเดี่ยว ง่ายต่อการป้องกันแต่ยากต่อการโจมตี คนอื่นยากที่จะทำอะไรดินแดนของเขาได้ ส่วนเขาเองก็ยากที่จะบุกออกไปเหมือนกัน เดิมเขาคิดว่าตัวเองจะอยู่ในตำแหน่งเอิร์ลไปตลอดชีวิต แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนที่วันสิ้นโลกมาถึง เขากลับจะก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้เขาได้กลายเป็นดยุคที่ดูแลพื้นที่ทางเหนือทั้งหมดของอาณาจักรแล้ว
มาร์เวนเอามือขึ้นมาปิดปากที่กำลังยิ้มของตัวเอง ก่อนจะพยายามสะกดรอยยิ้มเอาไว้ เขาปิดหน้าต่างแล้วหมุนตัวเดินลงไปข้างล่าง
ถูกต้อง ตอนที่ปีศาจบุกเข้ามาในเมือง มันฆ่าทหารไปหลายสิบคนกับชาวเมืองอีกหลายร้อยคน แต่มีสงครามไหนที่ไม่มีคนตายบ้างล่ะ? พวกขุนนางเองก็ใช้สงครามในการแบ่งเขตแดนของกันและกันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เขาปกครองเมืองอยู่ทั้งหมดสี่เมือง ทหารไม่เพียงแต่จะไม่ลดลง แต่กลับจะเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่านึงด้วยซ้ำ ยิ่งชาวเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขอเพียงมีที่ดินมีเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาได้ใช้เพาะปลูก อีกแค่ไม่กี่ปีทุกอย่างก็จะชดเชยกลับคืนมาได้
ส่วนเรื่องพวกที่แอบนินทาเขาลับหลังว่าที่เขาเลือกสวามิภักดิ์ต่อปีศาจเป็นเพราะว่าหวาดกลัว พวกนั้นก็สมควรที่จะถูกจับไปแขวนคอ
เมื่อเข้ามาในสวน มาร์เวนก็เห็นปีศาจส่งสารที่สกายลอร์ดส่งมากับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่หมอบอยู่ข้างๆ มัน บอกตามตรง เขาไม่สามารถแยกแยะเจ้าพวกนี้จากหน้าตาของพวกมันได้เลย พวกมันทั้งน่าเกลียดและป่าเถื่อน ไม่มีมารยาทและการศึกษาแม้แต่น้อย ซึ่งแตกต่างจากสกายลอร์ด ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นแก่ตัวผู้บังคับบัญชาของปีศาจ เขาเองก็ไม่อยากจะคุยกับสัตว์ป่าพวกนี้แม้แต่นิดเดียว
“ไม่ทราบว่าท่านสกายลอร์ดมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือ?”
อีกฝ่ายล้วงเอาหินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เขา จากนั้นมันจึงอ้าปากแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เจ้าฟัง!”
พูดคุยด้วยพลังเวทมนตร์อีกแล้วเหรอ….
กลิ่นคาวที่พุ่งออกมาจากปากของปีศาจทำเอามาร์เวนถึงกับต้องผงะไปด้านหลัง เขาพยายามสะกดความรู้สึกคลื่นไส้เอาไว้ “ข้าฟังอยู่”
ก้อนหินส่องแสงวาบๆ ขึ้นมาสองสามครั้ง จากนั้นจึงมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“ได้เป็นผู้ปกครองของดินแดนแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าเจ้าคงจะยังไม่ลืมคำสัญญาของตัวเองหรอกนะ ท่านดยุค”
“ไม่ลืมแน่นอน ท่านสกายลอร์ด” มาร์เวนรีบพูด “ข้าเตรียมตัวที่จะรับใช้ท่านมาโดยตลอดขอรับ”
“ดีมาก ข้าเชื่อว่าเวลาหนึ่งเดือนนี้น่าจะทำให้คนของเจ้าเคยชินกับการมีอยู่ของพวกข้าแล้ว ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ข้าอยากจะให้เจ้าจัดกองกำลังไปช่วยพวกข้าสร้างค่ายหน่อย ไม่ใช่ที่อีเทอร์นอลวินเทอร์ หากแต่เป็นที่วูล์ฟฮาร์ท ข้าต้องการคนอย่างน้อยประมาณ 2,000 แต่แน่นอน…ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี”
เอาไปทำงานเป็นกรรมกรเหรอ? มาร์เวนครุ่นคิดเล็กน้อย ถ้ารวบรวมคนมาจากสี่เมืองมันก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ “เรื่องนี้ข้าจัดการเองขอรับ”
“ข้าเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงของสกายลอร์ดฟังดูพึงพอใจ “นอกจากนี้ พวกอาวุธที่ข้าเอาให้เจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าศึกษาแล้วเป็นยังไงบ้าง? คนของเจ้าสามารถสร้างเลียนแบบมันขึ้นมาได้ไหม?”
“เอ่อ….” มาร์เวนทำสีหน้าลำบากใจขึ้นมา “ถ้าให้ใช้มันก็ไม่มีปัญหาอะไรขอรับ แต่ถ้าอยากจะสร้างเลียนแบบมันขึ้นมา ข้าเกรงว่าต้องใช้เวลา….ตอนนี้ข้ารวบรวมช่างฝีมือดีที่สุดของดินแดนทางเหนือมาแล้ว แล้วก็ให้พวกเขารับผิดชอบดูเรื่องชิ้นส่วนไปคนละชิ้น แต่กลับไม่ค่อยมีความก้าวหน้าเท่าไร ข้าคิดว่านี่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับแม่มด เพราะจากที่พวกช่างบอกกับข้า ชิ้นส่วนพวกนั้นเหมือนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสร้างขึ้นมาได้ขอรับ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” ที่โชคดีก็คือ น้ำเสียงของสกายลอร์ดไม่ได้แสดงการกล่าวโทษเขาแม้แต่น้อย “แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็น่าจะใช้มันในการโจมตีกลับพวกคนเกรย์คาสเซิลได้ นี่คือคำสั่งที่สองที่ข้าจะมอบหมายให้เจ้า เจ้าจงส่งคนไปหยุดการแย่งชิงคนของพวกเกรย์คาสเซิลที่วูล์ฟฮาร์ทซะ ข้าจะเอาอาวุธอื่นๆ ที่ยึดมาได้เอามาให้เจ้าอีก”
“แต่ในมือข้าไม่มีอัศวินมากพอ…”
“ก็ไปเกณฑ์มาเพิ่ม!” สกายลอร์ดพูดตัดบท “พวกมนุษย์อย่างเจ้าชอบใช้วิธีนี้ในการเพิ่มจำนวนลูกน้องในมือไม่ใช่เหรอ? แบ่งที่ดินของตัวเองให้ เพื่อดึงเอาคนที่มีความสามารถมาทำงานให้กับตน อย่ามัวแต่เสียดาย ถ้าเรื่องนี้ทำสำเร็จ เผลอๆ เจ้าอาจจะกลายเป็นราชาของอีเทอร์นอลวินเทอร์ด้วยซ้ำ”
มาร์เวนสะดุ้งขึ้นมาทันที…ราชาของอีเทอร์นอลวินเทอร์ นี่เป็นคำเรียกที่เขาเคยแต่คิดอยู่ในความฝัน แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว? เขาพยายามสะกดหัวใจที่เต้นเร็วและทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูเป็นปกติ “รับทราบ ท่านสกายลอร์ด ข้าจะพยายามทำอย่างเต็มที่ขอรับ”
“เร่งมือหน่อย ข้าอยากจะเห็นผลงานของเจ้าโดยเร็วที่สุด”
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังขอรับ”
แสงบนก้อนหินหายไป
“ข้า อีกหนึ่งสัปดาห์ จะมาใหม่”
ปีศาจส่งสารพูดจบก็ปีนขึ้นสัตว์ประหลาดไป ก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา ก่อนจะกระพือปีกบินออกไปนอกเมือง จากนั้นจึงหายลับไปอย่างรวดเร็ว
ฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมาปะทะเข้าที่หน้าของมาร์เวน
บ้าเอ้ย! เขาแอบคิดในใจพร้อมกับไอออกมา ถ้าการพูดการจาของปีศาจพวกนี้เป็นเหมือนอย่างสกายลอร์ด เกรงว่าพวกมันคงไม่ถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาดจากนรกหรอก
เมื่อกลับมาถึงปราสาท เขาก็เรียกปราชญ์แก่เข้ามาทันที ถึงแม้ครั้งที่แล้วอีกฝ่ายจะฉี่ราดกางเกงออกมาตอนที่อยู่บนกำแพง แต่ตอนนี้้เขาก็ไม่มีคนช่วยออกความคิดที่น่าเชื่อถือคนอื่นอีก
หลังบอกเล่าเรื่องความต้องการของสกายลอร์ดให้อีกฝ่ายฟังแล้ว มาร์เวนก็ถามขึ้นมาว่า “เจ้าคิดว่ายังไง?”
“นายท่าน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเลยนะขอรับ!” ปราชญ์แก่รีบกุมมือของเขาเอาไว้ “นับตั้งแต่ยุคสมัยของพ่อท่าน ข้าก็รับใช้ตระกูลไพค์มาโดยตลอด ความฝันของพ่อท่านคือการขยายอำนาจของปราสาทรีเฟลคสโนว์ออกไป ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่จะทำสำเร็จไปแล้วก้าวหนึ่ง แต่ท่านยังมีโอกาสที่จะได้ปกครองอีเทอร์นอลวินเทอร์ด้วย ไม่ว่ายังไงก็ห้ามปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปนะนายท่าน!”
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่…เจ้าคิดว่าอัศวินที่พวกเราหามาจะเอาชนะคนเกรย์คาสเซิลได้จริงๆ เหรอ?” มาร์เวนพูดความสงสัยที่อยู่ในใจออกมา “ความสุดยอดของหน้าไม้ผงหิมะพวกนั้นเจ้าก็ได้เห็นแล้ว ไม่มีทางที่พวกเราจะสร้างเลียนแบบได้เลย ส่วนอาวุธที่ปีศาจยึดมาได้ก็มีจำกัด ถ้าใช้จนหมดแล้วจะทำยังไง?”
“ไม่ นายท่าน พวกเราไม่จำเป็นต้องไปปะทะกับกองทัพเกรย์คาสเซิลแบบซึ่งๆ หน้า” ปราชญ์แก่ส่ายหัว “ท่านสกายลอร์ดเองก็ไม่ได้คิดแบบนี้เหมือนกัน ท่านสกายลอร์ดบอกว่า ‘หยุดการแย่งชิงคน’ จากที่ข้ารู้มา กองทัพของเกรย์คาสเซิลแตกกระสานซ่านเซ็นอย่างมาก ขอเพียงมีอาวุธพร้อม พวกเรากลับจะสามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบได้! ถ้าสามารถจัดการพวกกองกำลังที่ไปเกณฑ์ชาวบ้านได้ พวกมันจะต้องมือไม้ปั่นป่วนแน่ ความจริงแล้วในตอนที่ฟังท่านเล่ามาเมื่อครู่นี้ ข้าก็คิดแผนการดีๆ ขึ้นมาได้แผนหนึ่ง”
“โอ้? ไหนว่ามาซิ”
ปราชญ์แก่โน้มตัวเข้าไป ก่อนจะกระซิบข้างๆ หูดยุค
มาร์เวนยิ้มดีใจขึ้นมาทันที
“น่าจะได้ผลนะ!” เขาพยักหน้า “แบบนี้ความเสียเปรียบของพวกเราก็จะกลายเป็นความได้เปรียบ ทำตามที่เจ้าว่านี่แหละ!”
…………………………………………………………….