ตอนที่ 1275 อุตสาหกรรมยาเนเวอร์วินเทอร์ โดย Ink Stone_Fantasy
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
หลังจากนั้นสองวัน เวนดี้นำเอาบันทึกผลการทดสอบความสามารถของแม่มดใหม่ทั้งสองคนมาที่ห้องทำงานของโรแลนด์
“ฝ่าบาท ความสามารถของพวกนาง…ซับซ้อนอย่างมากเลยเพคะ” เธอยื่นรายงานให้โรแลนด์ “หม่อมฉันเพิ่งจะเคยเห็นความสามารถที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายขนาดนี้เป็นครั้งแรก แถมนี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะเพคะ ถ้าอยากจะทดสอบให้ชัดเจนมากกว่านี้ เกรงว่าพระองค์คงต้องรออีก 2 – 3 วันเพคะ”
“โอ้?” โรแลนด์วางงานในมือลง ก่อนจะรับพลิกดูรายงานที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทางทาคิลาน่าจะรู้สึกสนใจอย่างมากใช่ไหม?”
เวนดี้พยักหน้าทันที “พวกนางรีบส่งฟิลลิสให้มาทำการทดสอบว่าทั้งสองคนใช่ผู้ถูกเลือกหรือเปล่า แต่เสียดายที่ลำแสงของทั้งสองคนยังเล็กเกินไป ยังห่างไกลจาก ‘กุญแจ’ ที่จะเปิดใช้ทัณฑ์สวรรค์มากนักเพคะ”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ โรแลนด์กลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาเพิ่งจะวางระบบโทรศัพท์ทั้งเมืองเสร็จเรียบร้อย แกนเวทมนตร์ทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นเครื่องลูน่ากันหมดแล้ว ถ้าตอนนี้จู่ๆ เกิดมีผู้ถูกเลือกปรากฏขึ้นมา เกรงว่าเขาคงต้องโดนเซลีนบ่นแน่ เพราะว่าการจะเปลี่ยนแกนเวทมนตร์กลับไปเป็นรูปแบบทัณฑ์สวรรค์นั้นต้องใช้เวลา 10 ปี การที่ต้องมานั่งเฝ้าอยู่หน้าแกนเวทมนตร์ทั้งวันตลอดสิบปีคงจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีซักเท่าไร
นอกจากนี้ฮันนี่ยังมารายงานข่าวเล็กๆ น้อยๆ ให้เขาฟังว่าช่วงนี้แม่มดระดับสูงของทาคิลาเหมือนจะหลงใหลการ ‘อาบแดด’ มันไม่ใช่การอาบแดดแบบที่ต้องไปตากแดด หากแต่เป็นการปีนออกไปนอกถ้ำในเวลากลางคืน แล้วก็นอนอยู่ข้างนอกจนพระอาทิตย์ขึ้นค่อยกลับลงมาในถ้ำ เนื่องจากแสงอาทิตย์ที่รุนแรงจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกาย พวกเธอน่าจะไม่ชื่นชอบการออกไปข้างนอกถึงจะถูก ถึงแม้โรแลนด์จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมพวกพาซาร์ถึงทำแบบนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็มองออกว่าช่วงนี้อารมณ์ของพวกเธอค่อนข้างดีทีเดียว
นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี
โรแลนด์พลิกดูหน้าสุดท้ายของบันทึกอย่างรวดเร็ว
ความสามารถของไทเลนหลักๆ แล้วจะส่งผลต่ออารมณ์ แล้วก็ต้องกินมันลงไปถึงจะเกิดผลได้ ความสามารถของเธอก็เหมือนกับแม่มดที่มีพลังแบบเกาะติดที่มีระยะเวลาจำกัดเอาไว้ โดยระยะเวลาในการแสดงผลจะขึ้นอยู่กับขนาดของวัตถุและพลังเวทมนตร์ที่ใส่ลงไป
ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ‘ยาเวทมนตร์’ สามารถส่งผลต่ออารมณ์ต่างๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะความสุขกับความเจ็บปวดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความง่วง ความเหนื่อยล้า ความกังวล ความหวาดกลัว…ขอเพียงเป็นอารมณ์ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้ มันก็สามารถส่งผลกระทบได้ทั้งสิ้น ในตอนที่ยาหมดฤทธิ์ อารมณ์ที่สะสมเอาไว้เหล่านี้ก็จะระเบิดออกมาพร้อมกันทีเดียว
โรแลนด์เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมผลของยาเวทมนตร์ที่มีความซับซ้อนอย่างมาก แต่ลำแสงของเธอกลับเป็นลำแสงธรรมดาๆ ในอีกแง่หนึ่งยาของเธอเป็นเหมือนกับยากดประสาทชนิดหนึ่งที่สามารถชะลอผลจากการนำกระแสประสาทกับผลจากฮอร์โมนให้ยืดเวลาออกไปได้อีกหน่อย ยาบางตัวในโลกสมัยใหม่ก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน เพียงแต่มันมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก แล้วก็ง่ายต่อการเสพติดด้วย
แต่แน่นอน การที่ลำแสงจะธรรมดาหรือไม่นั้นไม่สามารถเอามาใช้วัดคุณค่าของความสามารถได้ หากเอา ‘ยาเวทมนตร์’ ของไทเลนไปขายในโลกสมัยใหม่ เกรงว่าประสิทธิภาพและกำไรของมันคงจะทำให้บริษัทยาใหญ่ๆ ต้องอิจฉาอย่างมากแน่
โรคทางจิตชนิดต่างๆ นั้นมีความซับซ้อนทางกลไกมากกว่าพวกอาการบาดเจ็บที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แล้วก็รักษาได้ยากกว่าด้วย ถึงแม้ยาเวทมนตร์จะไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ แต่มันกลับสามารถทอดเวลาออกไปได้ ขอเพียงควบคุมให้เหมาะสมก็จะสามารถทำให้ผลกระทบจากโรคลดลงไปจนต่ำที่สุดได้ พวกอาการเหนื่อยล้าและวิตกกังวลนั้นมักจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำของคนเรา ถ้าหากทุกครั้งสามารถเลื่อนเวลาแสดงอาการของมันไปจนถึงตอนที่นอนหลับแล้วค่อยแสดงอาการออกมาได้ ก็จะทำให้อาการเหล่านั้นมันหายไปในตอนที่เรานอนหลับโดยที่เราไม่รู้ตัว ทันทีที่คนเราไม่ต้องถูกอารมณ์ต่างๆ ภายในใจมารบกวนจนนอนไม่หลับ ร่างกายก็จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
และต่อให้เป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงจนถึงชีวิต ประโยชน์ของยาเวทมนตร์ก็ยังมีอยู่มาก เมื่ออยู่ต่อหน้าความเจ็บปวดอันรุนแรง สติของคนเรามักจะแตกกระตาย แล้วก็ไม่อาจทำการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิตไป ถ้าสามารถปฐมพยาบาลตัวเองได้ในทันทีหรือไม่ก็ทำให้ตัวเองอดทนจนกระทั่งเจ้าหน้าที่พยาบาลมาถึง โอกาสรอดชีวิตก็จะสูงขึ้นมาก หลังจากนั้นผู้ช่วยเหลือก็แค่เตรียมรักษาอาการบาดเจ็บเหล่านั้น ผู้บาดเจ็บก็จะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้
นอกจากนี้ แม่มดที่มีความสามารถในการรับมือกับอาการเจ็บป่วยก็ไม่ได้มีแค่คนเดียว โรแลนด์จำที่น้องสาวของตัวเองเล่าให้ฟังได้ว่าบนเกาะสลีปปิ้งมีแม่มดคนหนึ่งชื่อเดลลาที่สามารถกำจัดอาการเจ็บปวดออกไปได้ แล้วก็มีฮีโร่ของสโมสรแม่มดที่สามารถย้ายอาการเจ็บป่วยไปยังร่างสิ่งมีชีวิตอื่นได้ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเธอสามารถย้ายอาการด้านลบทางจิตใจได้หรือไม่ แต่มันก็น่าลองดูอย่างมาก
ประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่ว่าถ้าไม่มียาเวทมนตร์ของไทเลน ความสามารถของพวกนางก็ยากที่จะใช้ประโยชน์ออกมาได้ — ทหารที่อยู่บนสนามรบมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ทุกเมื่อ แต่เหล่าแม่มดกลับมีอยู่จำนวนอยู่ไม่เท่าไร ความจริงกองทัพที่หนึ่งก็มีทหารจำนวนไม่น้อยที่หมดสติไปหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ทันท่วงที จนสุดท้ายก็เสียชีวิตลงระหว่างทางที่พาไปส่งหน่วยพยาบาล
ตอนนี้ สถานการณ์ตรงนี้เหมือนจะมีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้แล้ว
จากผลการทดสอบของเวนดี้ ตอนนี้ไทเลนยังสามารถควบคุมได้แค่ทิศทางของผลจากยาเวทมนตร์เท่านั้น อย่างเช่นผลด้านลบหรือผลด้านดี แต่ไม่สามารถกำหนดให้ยาเวทมนตร์ออกฤทธิ์ต่ออารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งโดยเฉพาะได้
ซึ่งแม่มดที่เข้ามาใหม่หลายๆ คนก็ล้วนแต่เป็นเช่นนี้ พวกเธอยังไม่สามารถควบคุมความสามารถของตัวเองได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อมีการชี้แนะจากอกาธาและเวนดี้ โรแลนด์ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ เอาไว้ไทเลนสามารถผลิตยาเวทมนตร์ที่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งได้สำเร็จ จุดอ่อนสุดท้ายของมันก็จะหายไป
จากรายงานที่ได้รับมา ตอนนี้เขามองเห็นภาพอุตสาหกรรมยาที่จะเจริญเติบโตขึ้นอย่างมาก ตลาดของอุตสาหกรรมนี้เรียกได้ว่าใหญ่กว่าเครื่องดื่มยุ่งเหยิงเสียอีก
ส่วนอีกคนหนึ่ง….
โรแลนด์เปิดดูตารางบันทึกอันสุดท้าย ภายในใจรู้สึกทอดถอนใจออกมา
“ฝ่าบาท นี่มัน…” เห็นได้ชัดว่าไนติงเกลสังเกตเห็นถึงสีสันต่างๆ จำนวนมากที่ถูกแบ่งเอาไว้บนตาราง เธอเงยหน้าขึ้นมาถามเวนดี้ “แน่ใจนะว่ารายงานนี้ถูกต้อง?”
“ตอนนี้คงพูดได้แค่ว่าประมาณนี้ เพราะว่าในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งที่พวกเราขาดแคลนอยู่ก็คือตัวอย่างที่จะเอามาเทียบเคียง” เวนดี้ตอบ “ตอนนี้สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือตัวเลขที่โมโม่มองเห็นนั้นไม่ได้หมายถึงการลดลงเพียงอย่างเดียว”
พูดง่ายๆ ก็คือตัวเลขแปลกๆ ที่โมโม่มองเห็นนั้นสามารถมองว่าเป็นเส้นตายตามธรรมชาติของช่วงชีวิตในปัจจุบันก็ได้ ส่วนสีนั้นหมายถึงแนวโน้มการลดลลงของตัวเลข ในรายงานเวนดี้ได้รายงานผลที่เธอกับโมโม่ไปสำรวจคนทั้งเมืองเนเวอร์วินเทอร์อย่างละเอียด สีของชาวบ้านที่อยู่ในเขตที่อยู่อาศัยนั้นอ่อนกว่าผู้อพยพที่อยู่ในเขตที่อยู่อาศัยชั่วคราว
ข้อสรุปที่เธอได้มาก็คือปัจจัยที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของร่างกาย อย่างเช่น ความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บล้วนแต่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีได้ คนที่สียิ่งเข้ม ตัวเลขก็มักจะยิ่งเล็ก โดยในรายงานเธอยังพูดถึงตัวอย่างหนึ่งขึ้นมา นั่นคือมีผู้อพยพจากวูล์ฟฮาร์ทคนหนึ่งที่พอดื่มน้ำวิเศษเข้าไปแล้ว ตัวเลขสีน้ำตาลเข้มบนหัวของคนๆ นั้นก็เปลี่ยนจากเลข 5 กลายเป็นเลข 7
ถ้าตัวเลขนี้มีความแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะมองได้ว่าบนตัวผู้อพยพคนนี้มีโรคระบาดบางอย่างอยู่ และจากสภาพนี้เขาก็มีชีวิตเหลืออยู่อีกแค่ 5 ปี แต่หลังจากที่ได้ดื่มน้ำวิเศษ สภาพที่ว่านี้ก็เปลี่ยนไป และความสามารถของโมโม่ก็จะคำนวณอายุขัยของเขาออกมาใหม่
ถึงแม้ตอนนี้เวนดี้จะไม่ทราบความหมายที่แน่ชัดของสีแต่ละสี แต่โดยสรุปแล้วก็คือตัวเลขเหล่านั้นสามารถสื่อถึงสภาพที่ไม่แข็งแรงของร่างกายได้
“ฝ่าบาท…” ไนติงเกลมีสีหน้ากังวล
“ก็ดีกว่าที่คิดเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?” โรแลนด์พูดปลอบ “อย่างน้อยมันก็ยังเพิ่มได้ ขอเพียงหาวิธีที่ถูกต้องได้”
เวนดี้อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกมา
โรแลนด์หันกลับมาดูรายงานอีกครั้ง เมื่อดูจากพื้นที่ที่แบ่งสีเอาไว้ แต่ละพื้นที่ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นแทบจะเรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตัวเลขเฉลี่ยของเขตเหมืองเนินทิศเหนือนั้นต่ำที่สุด รองลงมาคือเขตที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ ส่วนตึกแม่มดกับมนตร์แห่งสลีปปิ้งนั้นมีตัวเลขสูงกว่าตัวเลขภาพรวมอยู่ 10 – 20 จุด นี่ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าร่างกายของผู้ตื่นรู้นั้นดีกว่าคนทั่วไปมาก
………………………………………………………………….