หินพลังชีวิตเหล่านี้เป็นหินที่หลิงหยุนกว้านซื้อมาจากตลาดค้าของเก่าในเมืองจิงฉูส่วนที่เป็นหินพลังชีวิตธาตุทองกับธาตุไฟนั้น หลิงหยุนได้ดูดซับพลังชีวิตเข้าไปจนหมดแล้วเมื่อครั้งที่เขาฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์
  ค่ายกลเล็กๆภายในห้องวีไอพีของหลิงหยุนนั้น สามารถปิดกั้นจิตหยั่งรู้จากคนภายนอกได้ แต่ไม่ได้ปิดกั้นการใช้จิตหยั่งรู้ของผู้ที่อยู่ภายในห้อง..
  ในบรรดาหินพลังชีวิตทั้งห้าธาตุอันได้แก่ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดินนั้น หินพลังชีวิตธาตุดินนับว่าสามารถปิดกั้นจิตหยั่งรู้ของคนภายนอกได้ดีที่สุด แต่เนื่องจากภายในห้องวีไอพีมีพื้นที่จำกัด และหินที่มีพลังชีวิตธาตุดินแต่ละก้อนก็ใหญ่โต หลิงหยุนจึงต้องใช้หินที่มีพลังชีวิตธาตุอื่นแทน แม้ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดลงไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็สามารถปิดกั้นจิตหยั่งรู้ของยอดฝีมือที่ต่ำว่าขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ได้..
  “นี่เรียกว่าค่ายกลสกัดดวงจิต..”
  หลิงหยุนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาประหลาดใจของอีกสี่คนภายในห้องและได้อธิบายคุณสมบัติของค่ายกลที่ว่านี้ผ่านทางกระแสจิตให้ทุกคนในห้องฟัง
  –ค่ายกลนี้จะสกัดกั้นได้เฉพาะจิตหยั่งรู้ของคนภายนอกเท่านั้นแต่ไม่สามารถสกัดกั้นการได้ยินด้วยหูของพวกเขาได้ ฉะนั้นแล้วนับจากนี้ไปพวกเราจะคุยเรื่องสำคัญผ่านทางกระแสจิตเท่านั้น!-
  หลังจากที่เอ่ยเตือนทุกคนแล้วหลิงหยุนก็ชี้ไปทางลิฟท์ด้านนอกพร้อมกับพูดขึ้นว่า “มีแขกวีไอพีกำลังขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติเสียด้วย!”
  ผู้ที่จะได้บัตรเชิญระดับวีไอพีจากตระกูลเย่นั้นต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้น หากไม่เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของประเทศนี้ ก็ต้องเป็นสมาชิกของหน่วยนภา หรือหน่วยมังกรเท่านั้น หรือไม่อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับเจ้าสำนัก หรือหัวหน้าพรรค
  แต่ตระกูลนักธุรกิจธรรมดาทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับยุทธภพก็สามารถได้รับบัตรเชิญวีไอพีจากตระกูลเย่ได้ด้วยเช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่าพวกเขาจะต้องร่วมประมูลสินค้าด้วยจำนวนเงินที่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านหยวน..
  นั่นเพราะตระกูลเย่จะได้ค่าคอมมิชชั่น20% จากเงินประมูลสินค้าแต่ละชิ้น และนั่นหมายความว่าหากประมูลด้วยเงินหนึ่งหมื่นล้าน ตระกูลเย่จะได้ค่าคอมมิชชั่นเป็นจำนวนเงินถึงสองพันล้านหยวนเลยทีเดียว
  ส่วนผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับบัตรเชิญวีไอพีจากตระกูลเย่อีกก็คือผู้ที่มีสมบัติล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง เพราะตระกูลเย่จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากสมบัติชิ้นนั้นๆ ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ตระกูลเย่จึงต้องต้อนรับคนเหล่านี้เป็นอย่างดี
  และเมื่อใดก็ตามที่สินค้าถูกประมูลไปแล้วและได้รับการอนุมัติจากตระกูลเย่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าผู้ที่ทำการประมูลไปจะเป็นใคร ฐานะอะไร? พวกเขาก็จะได้รับการยกระดับชั้นขึ้นเป็นแขกวีไอพีของตระกูลเย่ และได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ชั้นสองทันที..
  เรียกได้ว่าผู้ที่จะมีสิทธิ์ขึ้นไปนั่งอยู่บนห้องรับรองชั้นสองของหอประมูลนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อ หรือว่าผู้ขาย ต่างก็ต้องเป็นผู้ที่นำผลประโยชน์มาให้ตระกูลเย่ทั้งสิ้น..
  และนี่คือสิ่งที่หลิงหยุนเคยได้พูดไว้ว่าประโยชน์หลักที่จะได้จากการเป็นผู้จัดการประมูลนั้นก็คือ – เครือข่าย ทรัพยากร ข้อมูล และผลกำไร
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจพร้อมกับใช้วิชาเคลื่อนย้ายธาตุบดบังจิตหยั่งรู้ของตนเองไว้ และเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าคนผู้นี้ค่อนข้างคุ้นเคยกับพนักงานต้อนรับเป็นอย่างดี จึงน่าจะเคยมาที่นี่บ่อยครั้ง
  ชายผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ดูน่ายำเกรงและอายุอานามน่าจะราวห้าสิบปีได้ แววตาที่เปล่งประกายของเขานั้นบ่งบอกว่าเป็นคนเฉลียวฉลาดไม่น้อย
  “หมั่นเทียนซิงผู้โดดเดี่ยว..”
  เย่ซิงเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้นมาเพียงสั้นๆหลิงหยุนจึงหันกลับไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
  “หมั่นเทียนซิงผู้โดดเดี่ยวงั้นรึ!”
  เย่ซิงเฉินจึงอธิบายให้หลิงหยุนฟังว่า“ในโรงประมูลตระกูลเย่.. ทุกคนต่างก็ให้ฉายาคนผู้นี้ว่าหมั่นเทียนซิงผู้โดดเดี่ยว”
  “คนผู้เป็นคนลึกลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทุกคนรู้เพียงแค่ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดสามสิบปี มักจะปรากฏตัวอยู่ตามป่าเขา หรือบางครั้งก็ทะเลทราย ทุกครั้งที่เขามาโรงประมูล ก็มักจะมีสมบัติที่ล้ำค่า และหาได้ยากมาประมูลด้วยอยู่เสมอ..”
  “แต่ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าครั้งนี้เขาจะนำสมบัติล้ำค่าใดมาประมูล..”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..ชายผู้นี้นับเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภของตระกูลเย่จริงๆ ไม่แปลกที่เหล่าพนักงานต้อนรับล้วนแล้วแต่สุภาพนอบน้อมกับเขายิ่งนัก
  เมื่อหมั่นเทียนซิงผู้โดดเดี่ยวก้าวเท้าออกมาจากลิฟท์ผู้คนต่างก็พากันส่งเสียงฮือฮา ชายผู้นี้เพียงแค่ยกฝ่ามือหุ้มกำปั้นโน้มตัวคาราวะทุกคนพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ ก่อนจะเดินตามพนักงานต้อนรับขึ้นไปชั้นสองทันที
  ‘เจ้าหม่าเทียนซิงผู้โดดเดี่ยว..เจ้าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว!’
  หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเย่ซิงเฉินแววตาของหลิงหยุนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เย่ซิงเฉินยิ้มออกมาราวกับรู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดอะไร จึงได้แต่พูดขึ้นว่า
  “นี่..หลายปีมานี้มีผู้ที่คิดจะลองดีกับหม่าเทียนซินมีตั้งมากมาย แต่เจ้าดูสิ.. เขายังมีชีวิตรอดเป็นปกติสุขดีมาจนถึงตอนนี้ ในขณะที่หลายคนซึ่งคิดอยากจะลองดีกับเขา ได้หายหน้าหายตาไปจากยุทธภพเลยทีเดียว!”
  “คนผู้นี้น่าจะเข้าสู่ระดับหกขั้นพลังเหนือธรรมชาติแล้ว..แต่ถึงแม้เขาจะเป็นคนลึกลับ แต่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยว หรือหาเรื่องใคร เขามาที่นี่เพียงเพราะเรื่องของตนเองเท่านั้น นับว่าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก..”
  แต่หลิงหยุนกลับพึมพำออกมาว่า“หมอนี่ไม่ต่างจากหัวขโมยต่างหากเล่า..”
  ระหว่างที่หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินพูดคุยกันนั้นหม่าเทียนซิงผู้โดดเดี่ยวก็ได้เดินผ่านห้องของหลิงหยุนไปยังห้องวีไอพีหมายเลข 6 ซึ่งอยู่ถัดจากห้องของเขาไปอีกสองห้อง
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า..เมื่อหม่าเทียนซิงเดินผ่านห้องของตนนั้น สายตาของเขาได้เหลือบมองมาทางห้องของหลิงหยุนด้วย
  ‘หึ..เจ้าไม่มีทางใช้จิตหยั่งรู้สำรวจภายในห้องของข้าได้แน่ อย่าเสียแรงเปล่าเลย!’
  หลิงหยุนคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา..
  หลังจากเข้าไปในห้องแล้วหม่าเทียนซินผู้โดดเดี่ยวก็ได้สั่งเหล้าเหมาไถจากพนักงานต้อนรับ หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบถอนจิตหยั่งรู้ของตนกลับมา และคร้านที่จะสนใจคนผู้นี้อีก..
  “ในโลกยุทธภพ..มีนักล่าสมบัติดังเช่นหม่าเทียนซิงอยู่หลายคนเลยทีเดียว นักล่าสมบัติเหล่านี้มักชอบไปสำรวจตามสถานที่ลี้ลับต่างๆ เพื่อเสาะหาสมบัติล้ำค่ามาประมูลเอาเงิน หรือไม่ก็แลกเปลี่ยนกับทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการฝึกวิชาของตน..”
  เย่ซิงเฉินอธิบายให้หลิงหยุนฟังเพิ่มแล้วจึงหันหน้าไปทางจอทีวีขนาดใหญ่ตรงหน้า..
  หลิงหยุนเข้าใจสิ่งที่เย่ซิงเฉินอธิบายได้ไม่ยากนักเพราะเขาเองก็ทำเช่นนี้เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน เขาไม่มีสำนัก ไม่ว่าอาวุธ หรือทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝน ล้วนแล้วแต่ต้องต่อสู้แย่งชิงมาทั้งสิ้น
  เหลือเวลาอีกไม่ถึงสี่สิบนาทีการประมูลก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้วผู้คนจึงเริ่มทยอยเข้ามาภายในหอประมูลกันเนืองแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลิงหยุนสนใจเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น คนอื่นๆ เขาคร้านที่จะใส่ใจ..
  เวลานี้..สินค้าที่เหล่ายอดฝีมือนำออกมาประมูลนั้น ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทีวีแล้ว และได้ระบุรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อสินค้า จำนวน และราคาเริ่มต้นไว้อย่างละเอียด
  หลิงหยุนจ้องมองสินค้าที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทีวีด้วยความรู้สึกผิดหวังเพราะสิ่งที่เหล่าชาวยุทธนำมาประมูลนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธบ้าง โอสถชำระล้างไขกระดูกบ้าง ยันต์สำหรับรักษาบาดแผลบ้าง หรือแม้แต่สมุนไพรชนิดต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของพื้นๆ ธรรมดาทั่วไปในความรู้สึกของหลิงหยุน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับยอดฝีมือที่ต่ำกว่าด่านกลางขั้นเซียงเทียนลงไปเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย!
  เย่ซิงเฉินที่นั่งอยู่ข้างหลิงหยุนนั้นสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเขา จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ทำไม.. เจ้าผิดหวังมากงั้นรึ”   หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมา“เฮ้อ.. จะไม่ให้ข้ารู้สึกผิดหวังได้อย่างไรกันเล่า ของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์กับข้า แม้แต่ผ้าแพรไหมดำยังไม่มี..”
  หลิงหยุนมาที่โรงประมูลของตระกูลเย่คืนนี้ก็เพื่อผ้าแพรไหมดำ แต่กลับไม่มีปรากฏในหน้าจอทีวี..
  เย่ซิงเฉินส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าดูด้านนอกสิ.. ยอดฝีมือส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในขั้นโฮ่วเทียนทั้งสิ้น สินค้าที่ปรากฏอยู่ในจอทีวีตอนนี้ จึงล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ..”
  “สำหรับสิ่งของที่เราต้องการนั้นรอให้สิ้นสุดการประมูลชุดนี้ก่อน เจ้าภาพจึงจะนำออกมาจัดวางบนโต๊ะประมูล พร้อมกับถ่ายทอดไปตามหน้าจอทีวี และจะมีการแนะนำสินค้าแต่ละชนิดอย่างละเอียด..”
  แต่หลิงหยุนก็อดที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้“หากดูจากจอทีวี แต่ไม่สามารถสัมผัสของจริงได้เช่นนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของจริง หรือว่าของปลอมกันแน่! เช่นนี้แล้วจะมีผู้ใดกล้าเสี่ยงประมูลกันเล่า?”
  เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับอธิบายว่า“จุดเด่นของโรงประมูลตระกูลเย่นั้นก็คือ การตรวจสอบสินค้าก่อนนำขึ้นประมูล สินค้าที่จะนำมาประมูลในหอนี้ จะต้องผ่านการตรวจสอบก่อนแล้วทั้งสิ้น..”
  “และหากประมูลไปแล้วพบว่าเป็นของปลอมตระกูลเย่จะชดเชยค่าเสียหายให้ถึงสิบเท่าเลยทีเดียว!”
  “และนี่คือจุดเด่นของโรงประมูลตระกูลเย่!”
  ….
  ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง..
  หลิงหยุนเพิ่งจะเข้าใจว่า..เหตุใดสินค้าที่นำมาประมูลกันนับพันๆชิ้นนั้น ตระกูลเย่จึงสามารถทำการประมูลให้สิ้นสุดได้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
  สินค้าที่เหมาะสำหรับยอดฝีมือตั้งแต่ด่านกลางขั้นเซียงเทียนลงไปนั้นจะถูกนำขึ้นประมูลผ่านทางคอมพิวเตอร์ โดยผู้ที่จะทำการประมูลไม่จำเป็นต้องเสียเวลาตรวจสอบ
  หากผู้ใดสนใจที่จะประมูลสินค้าชิ้นใดก็สามารถคีย์จำนวนเงินที่ต้องการประมูลลงไปในคอมพิวเตอร์ได้ทันที อีกทั้งยังสามารถเพิ่มจำนวนเงินได้อีกตลอดเวลาที่การประมูลยังไม่สิ้นสุด
  หากครบกำหนดเวลาการประมูลแล้วผู้ใดที่ให้ราคาสูงสุดก็จะได้สินค้าชิ้นนั้นไปครอบครอง..
  และหากการประมูลดำเนินไปด้วยวิธีนี้ก็จะใช้เวลาในการดำเนินการเพียงแค่สั้นๆ
  หลังจากนั้น..ก็จะเป็นช่วงเวลาของเหล่ายอดฝีมือตั้งแต่ด่านกลางขั้นเซียงเทียนขึ้นไป ซึ่งมีอยู่ราวร้อยกว่าคนเท่านั้น ยอดฝีมือเหล่านี้จะนำสินค้าของตนออกไปวางบนโต๊ะประมูล เพื่อให้คนที่สนใจทำการประมูล..
  ในช่วงเวลานี้..สินค้าที่จะนำขึ้นประมูลจึงมีจำนวนไม่มากนัก เท่าที่ผ่านมามากที่สุดก็เพียงแค่สิบกว่ารายการเท่านั้น ซึ่งจะใช้เวลาในการประมูลราวสองสามชั่วโมง หากจะล่าช้าไปบ้างก็เพียงแค่สิบ หรือยี่สิบนาทีเท่านั้น
  “ข้าเข้าใจแล้ว..”
  หลิงหยุนพยักหน้าเข้าใจแต่ก็อดถามต่อไม่ได้ “แต่เหตุใดพวกเขาจึงไม่นำขึ้นประมูลในคอมพิวเตอร์เล่า วิธีนี้จะรวดเร็วกว่ามาก”
  เย่ซิงเฉินเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับอธิบายว่า“ที่นี่คือโรงประมูล.. ไม่ใช่ห้องจัดนิทรรศการ เจ้าภาพที่จัดก็ต้องการให้มีบรรยากาศของการประมูลหลงเหลืออยู่บ้างน่ะสิ!”
  “อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ..สินค้าที่จะนำขึ้นประมูลในช่วงนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ของที่หาได้เกลื่อนกลาด ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆนี้ ผู้ประเมินของตระกูลเย่เองจึงไม่สามารถตรวจสอบ และให้การรับรองได้ จึงให้ผู้ที่ต้องการประมูลไปดูด้วยตัวเอง!”   หลิงหยุนพยักหน้าแต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้จึงถามออกไปว่า “แล้วเหตุใดคนเหล่านี้จึงไม่นำของที่ต้องการประมูลออกมาตั้งโชว์ไว้ก่อนเล่า เหตุใดจึงต้องเก็บงำไว้เฉพาะช่วงเวลานี้เท่านั้น?”
  เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“มันเป็นเรื่องของจิตวิทยา!”
  “ในเมื่อเป็นสมบัติล้ำค่า..ก็ต้องเก็บซ่อนไว้ก่อน แต่เมื่อถึงเวลาค่อยนำออกมา ก็จะทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจ และยิ่งเป็นของล้ำค่าที่มีเพียงชิ้นเดียวในเวลานั้น ต่อให้จะอยากได้ หรือไม่อยากได้ ก็ต้องประมูลมาเป็นของตนเองให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วหากถูกผู้อื่นชิงประมูลไป ก็คงน่าเสียดายแย่..”
  วิธีนี้..ไม่เพียงเป็นการกระตุ้นให้สมบัติล้ำค่าต่างๆ ประมูลได้ในราคาสูงขึ้น แม้แต่สมบัติล้ำค่าธรรมดาทั่วไป ก็อาจมีราคาพุ่งขึ้นจนน่าตกใจก็ได้!
  และนี่คือวิธีทำกำไรสูงสุดและเป็นความลับของการจัดการประมูล..   “หึ..น่าโมโหจริงๆ! หลอกให้ข้าเสียเวลาจ้องหน้าจอทีวีอยู่ตั้นนาน..”
  หลิงหยุนได้แต่บ่นพึมพำและเลิกสนใจสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทีวีอีก..
  เย่ซิงเฉินยิ้มเยาะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ในเมื่อเจ้าบอกว่าต้องการจะให้ตระกูลหลิงจัดการประมูลขึ้นบ้าง เจ้าก็ควรจะศึกษาไว้ทุกขั้นตอน แต่ไม่ว่าตระกูลเย่ ตระกูลหลง หรือหน่วยนภา ก็ล้วนแล้วแต่ใช้วิธีการประมูลที่คล้ายๆกัน จะแตกต่างกันก็ที่จำนวนผู้เข้าร่วมประมูลเท่านั้น..”
  “เท่าที่ข้าสังเกต..โรงประมูลที่จัดโดยตระกูลเย่กับตระกูลหลง จะมีเหล่ายอดฝีมือจากที่ต่างๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมมากที่สุด! อาจเป็นเพราะสามารถนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาประยุกต์ให้เหมาะกับเหล่ายอดฝีมือในยุทธภพได้อย่างเหมาะเจาะ..”
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับคิดในใจว่านี่คงเป็นพลังอำนาจของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปตามยุคสมัย!   การเดินทางที่สะดวกสบายการสื่อสารที่รวดเร็ว และการบริการที่ยอดเยี่ยม ไม่มีเหตุผลที่จะไม่อยากมาไม่ใช่รึ
  “อีกราวครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาเปิดการประมูลแล้วเจ้ารอดูก็แล้วกัน อาจจะมีอะไรให้ประหลาดใจก็เป็นได้..”
  เย่ซิงเฉินกระซิบบอกหลิงหยุน..