บทที่ 2036 – ภัตตาคารเปิดทำการ สั่งสอนนายน้อยสามแห่งตระกูลหลิว

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 2036 – ภัตตาคารเปิดทำการ สั่งสอนนายน้อยสามแห่งตระกูลหลิว
  หลังจากตรวจสอบรายละเอียดพื้นที่ ชิงสุ่ยก็เริ่มเตรียมวางแผนจะเปิดหอคอยจักรพรรดิเพื่อทำการค้าในอีกไม่ช้า เขาได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ทั้งยังได้แวะไปตามร้านขายยาต่างๆเพื่อเก็บตัวอย่างสมุนไพรฃ
  ทางอวี้ซีหยวนก็ใช้อาคารอีกหลังนึงเพื่อทำเป็นภัตตาคารของตน
  การกระทำของเธอมันดูเรียบง่ายเหมือนกับการอพยพจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่างให้เข้ากับสถานที่ แต่ก็เน้นไปในการตกแต่งให้เหมือนกับภัตตาคารหยกรัญจวนที่เคยสร้างขึ้นมากับมือ
  ในครั้งนี้เธอมีความสุขมาก อย่างน้อยเธอก็ได้เปิดภัตตาคารใกล้บ้านตัวเอง ชิงสุ่ยก็ปฏิเสธความช่วยเหลือต่างๆจากตระกูลอวี้อย่างสุภาพ ภัตตาคารจะเริ่มเปิดทำการในอีก 3 วันข้างหน้า เวลา 3 วันมากพอจะให้ทั้งสองเตรียมการทุกอย่าง
  นับตั้งแต่เหตุการณ์ในตระกูลอวี้ อวี้ซีหยวนก็เปลี่ยนแปลงไปอีกเล็กน้อย เธอมีความเป็นมิตรกับชิงสุ่ยมากขึ้น และได้รับความรู้สึกใหม่ที่เธอเหมือนเกือบลืมไปแล้ว มันคือความอิสระ
  3 วันหลังจากนั้น ภัตตาคารของอวี้ซีหยวนก็เปิดทำการ
  ทั้งสองคนลงแรงลงงานอย่างหนักเป็นเวลา 3 วัน แม้มันอาจจะไม่พร้อมสมบูรณ์ แต่พวกเขาก็บรรลุเป้าหมาย
  ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่คนตระกูลอวี้จะคอยให้การสนับสนุนอวี้ซีหยวน คนจากตระกูลอื่นก็คอยช่วยเหลือเช่นกัน มันคงเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างตระกูลใหญ่
  ชิงสุ่ยไม่ได้ออกไปช่วยอวี้ซีหยวนในการต้อนรับลูกค้า เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับผู้คนในท้องที่ นอกจากนี้ คนตระกูลอวี้ก็ได้มาคอยช่วยทักทายผู้มาเยือนแทนเขาแล้ว
  “คนของตระกูลหลิวมากันแล้ว”ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังว่างเขาก็ได้ยินเสียงตะโกน
  คำพูดดังกล่าว ทำให้ชิงสุ่ยฉุกคิดขึ้นได้ว่าการประลองระหว่างตระกูลหลิวและตระกูลอวี้กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 วันข้างหน้า ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่นายน้อยหลิวเข้าแต่งงานกับอวี้ซีหยวน
  “ดูนั่นสิ นั่นมันน้อยสามแห่งตระกูลหลิวที่ว่ากันว่าพิการไม่ใช่หรือ?”
  “ถ้าหากเขาพิการ ก็คงไม่มีหน้าออกมาเจอผู้คนภายนอกหรอก ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาพิการจริงๆ?”
  “สุดท้ายมันก็เป็นขยะ!! มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากแม่นางอวี้ต้องตกอยู่ในมือขยะแบบนี้!!”
  “น้องสาม ระมัดระวังคำพูดหน่อย อย่าให้คนตระกูลหลิวได้ยินคำพูดดังกล่าวเด็ดขาด เพราะต่อให้เจ้ามีกี่ชีวิตก็คงไม่พอ”พี่ของเขากล่าวเตือน  ในบรรดากลุ่มคนที่มา ชิงสุ่ยจ้องมองผู้นำของกลุ่มที่เป็นชายวัยกลางคน เขามีรูปร่างใหญ่โตอกผายไหล่ผึ่ง แต่ด้านหลังของเขา สายตาที่ชิงสุ่ยมองเห็นเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าซีดเซียวซึ่งเกิดจากอาการป่วย ด้วยความสามารถของหมอ เขาบอกได้ทันทีว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะการมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป
  “สหายหลิว ท่านมาแล้ว!!”อวี้ติงเหอยิ้มให้กับชายคนดังกล่าวและแสดงท่าทางต้อนรับ
  “ท่านลุงเหอ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างยิ้มและกล่าวทักทายอวี้ติงเหอ
  “เทียนหรง เจ้าคงจะไม่มาที่นี้แน่หากเจ้าไม่ได้เป็นอะไร”อวี้ติงเหอยิ้ม
  ใบหน้าของหลิวเทียนหรงดูไม่เป็นธรรมชาติ เขารู้สึกอับอาย แม่น้ำเสียงของอวี้ติงเหออาจจะฟังดูเป็นห่วง แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ต่างจากการล้อเลียน ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจ  “ท่านลุงเหอ ข้าสบายดี ทุกสิ่งที่ท่านได้ยินเป็นเพียงข่าวลือ ว่าแต่น้องหยวนอยู่ที่ใด? ข้าอยากจะคุยกับนางสักหน่อย”หลิวเทียนหรงเผื่อรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ
  อวี้ติงเหอไม่โต้ตอบอะไร เขาพูดตอบกลับเป็นกันเองว่า “สหายหลิว เข้ามาข้างในก่อน ลูกสาวของข้าเพิ่งจะเริ่มต้นการค้าของตนเอง ขอบคุณสหายหลิวมากที่มาเพื่อแสดงน้ำใจ”
  หลิวเทียนหรงสอดส่ายสายตาไปมา “หืม พรุ่งนี้ ข้าจะเล่นลูกสาวของท่านให้ยิ่งกว่าของเล่น มาดูกันว่าหลังจากนี้ผู้ใหญ่อย่างท่านแต่ยังกล้าอวดดีอีกหรือไม่”เขาแอบคิดในใจ
  เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาก็ได้แต่แสร้งยิ้มและเดินเข้าไปข้างใน
  ในขณะที่อวี้ซีหยวนทำหน้าที่จัดแจงที่นั่งให้กับลูกค้า หลิวเทียนหรงก็มองเห็นเธอ เขาไม่อาจซ่อนความโลภในดวงตาของเขาได้อีก เขาจึงเดินเข้าไปใกล้เธอ “น้องหยวน”   อวี้ซีหยวนเองก็ไม่อาจปิดบังความรังเกียจที่แสดงออกมาผ่านสายตา อย่างไรก็ตามเธอเองก็ต้องแสร้งทำเป็นยิ้มและกล่าวว่า “นายน้อยสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่หากท่านไม่ได้ป่วยเป็นอะไร”
  ชิงสุ่ยยิ้มขณะมองจากด้านข้าง ก่อนหน้านี้อวี้ติงเหอก็กล่าวแบบเดียวกัน แต่มันไม่เข้าถึงอารมณ์เหมือนกับอวี้ซีหยวน
  “ร่างกายของข้าสบายดี มันฟื้นตัวสมบูรณ์แบบทันทีที่ได้เห็นหน้าเจ้า”หลิวเทียนหรงไม่ได้โกรธ
  “ท่านอาจจะสบายดี แต่ข้ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ”อวี้่ซีหยวนเดินไปหาชิงสุ่ยทันทีที่กล่าวจบ
  และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่หลิวเทียนหรงไม่อาจปิดกั้นความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขาได้ เขาจึงรีบเดินตามอวี้ซีหยวน และเมื่อเห็นอวี้ซีหยวนนั่งลงด้านข้างชิงสุ่ย เขาก็รีบหาที่นั่ง
  “คุณชาย ดูเหมือนท่านจะสนิทสนมกับหยวนเอ๋อมาก ข้ากับหยวนเอ๋อจะแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ ข้าก็ถือโอกาสนี้เชิญท่านเข้าร่วมงานแต่งงานของเราเลย”หลิวเทียนหรงกล่าวกับชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม
  ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง เขานึกว่าชายหนุ่มอวดดีคนนี้จะเตือนให้เขาอยู่ห่างจากอวี้ซีหยวน แต่การกระทำของเขาช่างสร้างความน่าประหลาดใจได้อย่างแท้จริง ดังนั้นชิงสุ่ยจริงๆแล้วตอบว่า “ข้าสนิทสนมกับหยวนเอ๋อมากจริงๆตามที่ท่านว่า “
  สีหน้าการแสดงออกของหลิวเทียนหรงบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดและคิดในใจว่า “เขาพยายามจะเด็ดแนมข้า หรือว่าเขาจะไม่ให้เกียรติข้า?” ไม่มีใครในเมืองรุ้งครามกล้าสร้างความโกรธเคืองกับนายน้อยสามตระกูลหลิว ทันใดนั้นพลังปราณอันชั่วร้ายก็พวยพุ่งออกจากตัวหลิวเทียนหรง เขาจ้องมองและแหกปากตะโกนใส่ชิงสุ่ยว่า “ไสหัวออกไปซะ แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!! มิฉะนั้นเจ้าจะได้เจอปัญหา!!”   อวี้ซีหยวนจ้องมองหลิวเทียนหรงด้วยสายตาสงสาร
  ชิงสุ่ยไม่ได้โกรธ เขาหันไปมองอวี้ซีหยวนก่อนจะพูดกับหลิวเทียนหรง “ข้าเป็นหมอ ข้ายืนยันได้เลยว่าอวัยวะเล็กจ๋อยของท่าน มันพิการไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อให้แต่งงานกับอวี้ซีหยวน อวัยวะของท่านก็ยังไร้ประโยชน์”
  ใบหน้าของหลิวเทียนหรงยิ่งซีดจาง เขาผายมึงออกไปพยายามคว้าคอชิงสุ่ย
  “เจ้าเด็กยโส เจ้ากำลังจะขุดหลุมฝังตัวเอง ตระกูลอวี้ไม่แข็งแรงพอจะปกป้องเจ้า”
  ชิงสุ่ยมองดูฝ่ามือที่เข้าใกล้ เขารู้สึกได้ถึงพลังอันเพียงเล็กน้อย เขาจึงโต้ตอบกลับไปด้วยกำปั้น
  ปังงง!!
  นายน้อยสามผู้แสนภาคภูมิ ปลิวลอยตรงไปยังปากทางเข้าเยี่ยงหมาที่ใกล้ตาย
  ผู้คนที่อยู่ทางเข้าจำนวนมากมายเห็นภาพที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างตกใจเพราะที่นี่คือเมืองรุ้งคราม นายน้อยสามอาจจะไม่แข็งแรง แต่ก็ไม่มีใครกล้าหือกับเขา ทุกคนจึงรีบเบียดเสียดอยู่บริเวณทางเข้า ด้วยความอยากรู้ว่าใครกันที่กล้าทำเรื่องแบบนี้
  ในไม่ช้าทุกคนก็รู้ว่าผู้ที่โจมตีนายน้อยสามคือใคร
  นายน้อยสามฟื้นคืนสติ เขาจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความเกลียดชัง กลุ่มชายวัยกลางคนก่อนหน้านี้ได้ปรากฏตัวยืนอยู่ด้านข้างนายน้อยสามและรีบพยุงเข่า
  “ท่านลุงสาม ฆ่ามันน!! ข้าต้องการเห็นมันตาย”นายน้อยสามตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเกลียดชัง
  “เขาจะต้องตาย”ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  ใบหน้าของอวี้ติงเหอบิดเบี้ยว เขาจ้องมองชิงสุ่ยและอวี้ซีหยวนด้วยความเป็นห่วง เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินตรงเข้าไปหา เพราะรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว  “หยวนเอ๋อ คุณชายชิง!!”
  แม้ว่าอวี้ติงเหอจะไม่พูดอะไรต่อ แต่ประโยคสั้นๆก็บอกความหมายได้มากพอ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ท่านลุงไม่ต้องห่วง คนประเภทนี้สมควรได้รับบทเรียน”