บทที่ 2037 – สังหาร เอาชนะอย่างสมบูรณ์แบบ
อวี้ติงเหอไม่รู้ว่าชิงสุ่ยแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อเขาเห็นอวี้ติงซานปฏิบัติต่อเขาดุจเทพ เขาก็พอจะรู้ว่าชิงสุ่ยไม่ใช่คนธรรมดา
ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาชายวัยกลางคน “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้ากำลังดำเนินธุรกิจของข้า ข้าก็ไม่อยากให้ใครมาสร้างปัญหาที่นี่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันช่างเป็นคำพูดที่ตลกที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้าอยากจะหัวเราะให้คอแตก”ชายวัยกลางคนโกรธจนต้องระเบิดเสียงหัวเราะ!!
นายน้อยสามถูกทำให้อับอาย ผู้คนกำลังมองดู กลุ่มตระกูลหลิวรุมล้อมชายแค่คนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นจะต้องทำให้ตระกูลหลิวเสียหน้า
ชิงสุ่ยรู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนฟ้าอุดรเพียงแค่คร่าวๆ อย่างน้อยที่สุดเมืองรุ้งครามก็เป็นหนึ่งในเมืองที่อ่อนแอ ชิงสุ่ยจึงเลือกลงหลักปักฐาน เขาไม่จำเป็นต้องเร่งก้าวเดิน ดังนั้น เขาจึงตั้งใจจะทำรากฐานให้มั่นคงเสียก่อน
“เจ้าหยุดตลกได้แล้ว แม้ว่าเมืองรุ้งครามอาจจะไม่ใช่เมืองที่อ่อนแอที่สุดในดินแดนฟ้าอุดร แต่ก็เกือบถูกจัดอยู่ในอันดับท้ายสุด แม้ว่าตระกูลหลิวจะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งในเมืองรุ้งคราม แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายสามารถเหยียบพวกเจ้าให้ตายคาฝาเท้าได้ นับประสาอะไรกับเมืองรุ้งคราม ทำไมเจ้าถึงได้กล้าอวดดีแบบนี้? บางทีโอกาสที่ 2 อาจจะไม่มีอีกแล้ว และตอนนั้นเจ้าเองก็คงไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าตายได้อย่างไร?”ชิงสุ่ยมองไปที่ชายวัยกลางคนและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป แม้เขาจะไม่ได้เติบโตมาด้วยการกดขี่ของผู้อื่น แต่เขาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตระกูลหลิวใช้ชีวิตอยู่บนความราบรื่นมานานเกินไป ในที่สุดพวกเขาก็ต้องเจอกับโชคร้าย
“เจ้าจะทำอะไรก็ตามกับข้า จะข่มขู่หรืออะไรก็ช่าง แต่คนตระกูลชั้นสูงก็ควรจะมีหลักการของตน ถ้าหากจิตใจมนุษย์อยู่ถูกที่ถูกทาง เส้นทางแห่งพลังก็จะราบรื่น นายน้อยสามแห่งตระกูลหลิวเป็นเพียงแค่ขยะ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เกิดจากขยะ ข้ากดไม่ได้เลยพี่จะสงสัยว่า ถ้าหากเรื่องมันย่ำแย่พวกเจ้าจะรู้สึกเสียใจเพียงใด?”ชิงสุ่ยหันกลับไปมองนายน้อยหลิวทันทีที่กล่าวจบ
ชายวัยกลางคนอึดอัดใจ เขาไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร เขารับรู้ถึงความตายที่กำลังจะเกิดขึ้น มันช่างเป็นความแปลก แต่ก็เป็นความรู้สึกที่เหมือนจริง
“ท่านลุงสาม อย่าไปกลัว ฆ่ามัน!! ข้าอยากให้มันตาย”นายน้อยสามแห่งตระกูลหลิวตะโกนเสียงดัง
“ถ้าเจ้ากล้าก็ลองพูดอีกครั้ง เดี๋ยวข้าจะสงเคราะห์เจ้าให้ตายเอง”ชิงสุ่ยจ้องเขม็งไปที่นายน้อยสาม
ดวงตาของนายน้อยหลิวสั่นสะท้าน เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งตระกูลหลิว ชายผู้ไร้ความกลัว แต่ตอนนี้เขากำลังถูกท้าทายอย่างหนัก
“ข้าอยากให้มันตาย!! มันจะต้องตาย!! ไอ้สาระเลว!! เจ้ากล้าต่อยข้าได้อย่างไร? อวี้ซีหยวน อีนางสาระเลว!! วันนี้ข้าจะจับตัวเจ้าเป็นๆ และเล่นกับเจ้าจนเจ้าร้องขอความตาย!!”นายน้อยสามแห่งตระกูลหลิวตะโกนด้วยน้ำเสียงดุร้ายเหี้ยมโหด
ชิงสุ่ยสะบัดนิ้วส่งตะเกียบที่อยู่บนโต๊ะเจาะทะลุกลางลำคอนายน้อยหลิว
นายน้อยหลิวเอามือกุมลำคอ ขณะอ้าปากส่งเสียง “อู๋หวู๋….” ในไม่ช้าเขาก็สิ้นใจล้มลงไปนอนกองกับพื้น
พื้นที่รอบข้างเงียบสนิท ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มกระทบพื้น บุคคลสำคัญของตระกูลหลิวถูกฆ่า!! แม้ว่าคนตายจะเป็นขยะ แต่เขาเป็นคนของตระกูลหลิว ที่สำคัญยังเป็นถึงลูกชายคนที่ 3 ของผู้นำตระกูล ตระกูลอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองรุ้งคราม
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าท่านลุงสาม จ้องมองชิงสุ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าคิดว่าตระกูลหลิวจะปล่อยให้เจ้าได้ทำตามใจชอบของตนอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้ายอมปล่อยผู้ที่คิดจะพยายามฆ่าข้าแล้ว ด้วยความอดทนอดกลั้น ข้าก็ไม่อยากทำร้ายใคร แต่ถ้าหากเจ้ายืนยันจะสู้กับข้า ข้าก็พร้อมรับคำท้า”ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองชายวัยกลางคน
“ถ้าหากเราไม่อาจแก้ปัญหานี้ได้ ตระกูลหลิวก็คงไม่มีหน้าอยู่ในเมืองรุ้งคราม ฉะนั้นข้าจะขอสู้กับเจ้าเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลของข้า”ชายสกุลหลิวกล่าวกับชิงสุ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เจ้ายังไม่แข็งแรงพอจะเป็นคู่ต่อกรของข้า แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เจ้าจะทำอะไรข้าไม่ได้เลย ฉะนั้น มีแต่ความอับอายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่”ชิงสุ่ยส่ายหน้า
“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อกรของเจ้า แต่ข้าคงไม่อาจนิ่งดูดายดูตะกูลหลิวถูกเหยียดหยามได้” ชายวัยกลางคนดึงกระบี่ออกจากฝัก เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็รู้สึกชื่นชมชายวัยกลางคน เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ แต่ช่างน่าเสียเปล่าที่เขามาเกิดในตระกูลเช่นนี้
“เช่นนั้นก็เชิญลงมือ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แล้วฝากไปเล่าให้ตระกูลหลิวได้รับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ให้มันมาลงที่ข้า”
ชายคนนั้นเริ่มปล่อยกระบวนท่าแทงกระบี่ยาวในมือออกไปเหมือนสายรุ้ง พร้อมกับแสงวูบวาบก่อนจะปลดปล่อยพลังระเบิดอันน่ากลัว กระบี่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วว่องไวเหมือนกับทักษะนักฆ่า
ลุงสามคนนี้มีสถานะในตระกูลหลิวค่อนข้างสูง ความแข็งแกร่งของเขาสูงกว่าเล็กน้อยหากเทียบกับอวี้ติงเหอ ที่สำคัญที่สุดคือการร่ายรำกระบี่ของเขามันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ และมันยังบอกได้อีกว่าชายคนนี้ฝึกฝนกระบี่มายาวนานมากเท่าชีวิต
ชิงสุ่ยไม่ได้ถอย แต่พุ่งไปข้างหน้าแทนเขาตั้งใจจะใช้การกระทำของตนสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู
ฝ่ามือกระชากมังกร!!
ก่อนที่ศัตรูจะมาถึงตัวชิงสุ่ย มือของชิงสุ่ยกดจับกุมและสร้างอาการวิงเวียนให้กับชายวัยกลางคน ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็กระชากร่างชายวัยกลางคนเข้ามาใกล้และปลดปล่อยกระบวนท่าตราประทับแสงพุทธองค์
ชิงสุ่ยจับข้อมือเหวี่ยงสันกระบี่ที่อยู่ในมือชายวัยกลางคนฟาดเข้าที่จุดชีพจรไท๋หยาง แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องควบคุมพลังของชายวัยกลางคนให้ดี มิฉะนั้นมันจะสะท้อนทำให้ชายวัยกลางคนเสียชีวิตแทน ก่อนจะขยับมือใช้ปลายกระบี่จี้ลำคอ ปล่อยให้เลือดไหลออกมาจากบาดแผล
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าสู้ข้าไม่ได้”ชิงสุ่ยปลดกระบี่ในมือชายวัยกลางคนและผลักชายวัยกลางคนออกไป
ผู้คนที่อยู่รอบข้างดวงตาเบิกกว้าง ต่างคนต่างประหลาดใจ ในแง่ของพละกำลังปรมาจารย์สามแห่งตระกูลหลิวมีพลังอยู่ในอันดับต้นๆของเมือง แต่เขากลับพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
ท่ามกลางสถานการณ์อึดอัดใจ ต่างคนต่างบอกได้ทันทีว่าชิงสุ่ยแทบไม่ต้องใช้พลังในการลงมือจัดการปรมาจารย์สามแห่งตระกูลหลิว ชายหนุ่มคนนี้มาจากไหน? แต่ละคนเริ่มสงสัยที่มาที่ไปของชิงสุ่ย
��