ปลายเท้าโอนเอน เมิ่งซื่อเกือบจะล้มลงพื้น

 

 

เบื้องหน้าพระชายาฉีดำพร่า ถามอย่างรีบร้อน “ไฉนถึงคลอดก่อนกำหนดแล้วเล่า เป็นเพราะกระแทกชนถูกอะไรใช่หรือไม่”

 

 

พ่อบ้านส่ายหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “บ่าวก็ไม่ทราบขอรับ”

 

 

“เร็ว รีบไปเชิญหมอหลวงเจียงมา” พระชายาฉีสั่งด้วยความรีบร้อนขณะที่มือไม้สั่นเทา ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไรดี

 

 

พ่อบ้านรับคำ โค้งตัวลงต่ำวิ่งออกไป

 

 

พระชายาฉีกับเมิ่งซื่อที่ขาแข้งอ่อนแรงช่วยกันพยุงวิ่งไปที่ห้องของหวงฝู่อี้เซวียน เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่เหงื่อท่วมศีรษะอย่างเจ็บปวดนอนอยู่บนเตียง น้ำเสียงของเมิ่งซื่อก็เปลี่ยนไป “โยวเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

ความเจ็บปวดเพิ่งจะถาโถมเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บจนพูดไม่ออก เพียงแต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยืนแน่นิ่งอยู่หน้าเตียง ริมฝีปากปิดสนิท ใบหน้าขาวซีด มองเมิ่งเชี่ยนโยวตาไม่กระพริบ

 

 

เมิ่งซื่อรู้สึกสงสารอย่างมาก กระโจนเข้ามาที่หน้าเตียง กุมมือของเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แน่นจนแทบอยากจะส่งพลังของตัวเองให้นาง

 

 

ส่วนพระชายาฉีก็มึนงงไปแล้ว เดินเข้ามาข้างหน้า “โยวเอ๋อร์ เจ้าอดทนหน่อย หมอหลวงเจียงใกล้จะมาแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบจะหัวเราะออกมา ตัวเองคลอดลูกแต่ไม่เชิญหมอตำแย กลับกลายเป็นเชิญหมอหลวงเจียงมา นี่กลัวว่านางจะตายไม่เร็วพออย่างนั้นหรือ

 

 

ท่าทางที่ทั้งเจ็บปวดและอยากจะหัวเราะตกอยู่ในสายตาของหวงฝู่อี้เซวียน กลายเป็นสภาพที่เจ็บปวดยากเกินจะทน ริมฝีปากก็เม้มแน่นขึ้น

 

 

ความเจ็บปวดระลอกหนึ่งหายไป เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ และไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีกะจิตกะใจพูดล้อเล่น “เสด็จแม่ ท่านสามารถเอาท่อนไม้นี้ออกไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”

 

 

ไม่แปลกใจที่นางจะพูดเช่นนี้ หลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มนางกลับมาแล้ว ก็ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ยืนอยู่หน้าเตียงมองนางไม่ขยับอย่างแน่นิ่งเช่นนี้

 

 

“อี้เซวียน เจ้าออกไปก่อน” พระชายาฉีพูด

 

 

ไม่ขยับแม้แต่น้อย

 

 

พระชายาฉีเปล่งเสียงให้ดังขึ้น “อี้เซวียน เจ้าออกไปก่อน”

 

 

ยังคงไม่ขยับ

 

 

ด้วยความร้อนใจ พระชายาฉีจึงผลักเขา “อี้เซวียน ได้ยินคำพูดของแม่ไหม เจ้าออกไปก่อน”

 

 

ตึง ตัวคนล้มลงไปด้านหลัง แล้วนอนแข็งทื่ออยู่บนพื้น

 

 

พระชายาฉีสะดุ้งตกใจ “เซวียนเอ๋อร์!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตกใจไม่น้อย จึงออกแรงลุกขึ้นนั่ง แล้วเห็นดวงตาสองคู่ของเขาปิดสนิทอย่างหมดสติไป ก็โกรธจนหัวเราะ ดี ดีมาก ตำราแพทย์ที่อ่านมาหลายเดือนนี้เปล่าประโยชน์เสียแล้ว นางที่จะคลอดลูกยังไม่เป็นอะไรเลย แต่เขากลับตกใจจนหมดสติไปก่อนแล้ว

 

 

เมิ่งซื่อตกใจไม่น้อยเช่นกัน ปล่อยเมิ่งเชี่ยนโยวเพื่อจะพยุงหวงฝู่อี้เซวียนขึ้นมา แต่ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวห้ามไว้ เสียงที่ขบฟันแน่นดังขึ้น “ปล่อยให้เขานอนเถิดเจ้าค่ะ พื้นเย็นๆ จะได้ทำให้ตื่นสักหน่อย”

 

 

พระชายาฉีเห็นหวงฝู่อี้เซวียนที่นอนอยู่บนพื้น แล้วมองเมิ่งเชี่ยนโยวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

 

 

เมิ่งซื่อย่อมอดไม่ได้ อยากจะเรียกหวงฝู่อี้กับโจวอันเข้ามายกหวงฝู่อี้เซวียนขึ้นบนเก้าอี้นิ่ม

 

 

แล้วความเจ็บปวดก็ถาถมเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวปวดจนกลับลงไปนอนบนเตียง เมิ่งซื่อไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว คว้าผ้าเช็ดหน้าของตัวเองซับเหงื่อให้แก่เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

ดังนั้น ซื่อจื่อแห่งจวนฉีที่สุขุมใจเย็นและสูงสง่าอย่างมากของพวกเรา ก็นอนอยู่บนพื้นอย่างแน่นิ่ง โดยไม่มีใครเหลียวแล

 

 

ความเจ็บปวดผ่านไปอีกระลอก เมิ่งเชี่ยนโยวเหงื่อท่วมศีรษะและกัดริมฝีปากจนแทบจะแตกแล้ว ทำให้พระชายาฉีรู้สึกสงสาร “โยวเอ๋อร์ เจ้าเจ็บก็ตะโกนออกมา อย่าได้ฝืนทนเลย”

 

 

พูดจบ ลุกขึ้น อยากจะไปรินน้ำให้เมิ่งเชี่ยนโยว ทันทีที่หันกายกลับ ถึงจะนึกได้ว่าลูกชายของตัวเองยังคงนอนอยู่บนพื้น

 

 

“ใครก็ได้ ลากซื่อจื่อออกไปที” พระชายาฉีสั่ง

 

 

ไม่ว่าฟังอย่างไรก็รู้สึกน่าประหลาด เมื่อหวงฝู่อี้กับโจวอันเดินเข้ามาเห็นหวงฝู่อี้เซวียนที่นอนอยู่พื้นเกะกะขวางทางคนอื่น ก็ตกใจจนงวยงง ความคิดที่ไม่ดีมากมายก็ล่องลอยเข้ามาในสมอง

 

 

“ยังจะยืนอึ้งอยู่ทำไมล่ะ ยังไม่ลากเขาออกไปอีก” น้ำเสียงของพระชายาฉีเคืองโกรธ

 

 

ทั้งสองคนได้สติคืนกลับมา ก็ยกเขาออกไปอย่างลนลาน

 

 

“จริงๆ เลย ความใจเย็นแต่เดิมนั่นหายไปไหนแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็หมดสติแล้ว” พระชายาฉีพูดบ่นขณะที่รินน้ำด้วยความตัวสั่น มือสั่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา ครั้งนี้ถึงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “เสด็จแม่เจ้าคะ เชิญหมอตำแยมาแล้วหรือยังเจ้าคะ”

 

 

เพล้ง แล้วก็มีเสียงหล่นลงพื้นอีกครั้งหนึ่ง “หมอ…หมอตำแย!”

 

 

“อย่าบอกนะว่าเสด็จแม่กับท่านแม่จะทำคลอดให้ข้าน่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม

 

 

พระชายาฉีราวกับตื่นจากความฝัน “ใช่ๆๆ หมอตำแย หมอตำแย เจ้าคอยก่อนนะ แม่จะไปตามเดี๋ยวนี้”

 

 

สิ้นคำพูด ก็ออกไปอย่างรวดเร็วดังสายลม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปากอ้าตาค้าง สมกับเป็นแม่ลูกจริงๆ การตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ นั้นเหมือนกันอย่างมาก

 

 

ความคิดยังไม่สิ้นสุดลง พระชายาฉีก็กลับมาอีกครั้ง และถามอย่างรีบร้อน “เชิญหมอตำแยคนไหนเล่า”

 

 

เมื่อเป็นลูกแฝด เป็นไปได้ที่จะคลอดก่อนกำหนดสูงมาก เมิ่งเชี่ยนโยวทราบข้อนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้น ช่วงที่เข้าสู่เดือนที่หก จึงปรึกษากับพระชายาฉีและจองหมอตำแยสามท่านในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว โดยรับปากว่าเมื่อใดเรียก เมื่อนั้นก็จะมาหาทันที หลังจากคลอดเสร็จแล้ว ทุกคนจะได้รับเงินหนึ่งร้อยตำลึง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบ “เชิญมาทั้งหมดนั่นแหละเจ้าค่ะ”

 

 

“ตกลงๆๆ” พระชายาฉีพยักหน้า แล้วออกไปอย่างรวดเร็วปานสายลมอีกครั้ง

 

 

เหลือแต่เพียงแม่ลูกสองคนที่ปากอ้าตาค้าง

 

 

มองผ้าม่านสั่นไหว เมิ่งซื่อก็หันกลับมามองมาลูกสาวของตัวเอง นัยน์ตารู้สึกผิดลึกๆ “โยวเอ๋อร์ เหตุใดแม่ถึงรู้สึกว่าไม่ควรรับปากเรื่องงานแต่งของเจ้าตั้งแต่แรกเลย”

 

 

ขณะที่เมิ่งเชี่ยนโยวจะส่งเสียงหัวเราะออกมา ความเจ็บปวดก็โถมเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง ทำให้นางต้องกัดริมฝีปากเอาไว้

 

 

เสียงร้องของหวงฝู่อี้เซวียนดังสะท้านทั่วฟ้า อ๋องฉีย่อมต้องได้ยินแล้ว จึงเดินออกมาจากห้องหนังสือด้วยความกระวนกระวาย หลังจากได้ข่าวที่แน่นอนแล้ว ก็เดินก้าวยาวมาทางด้านนี้ ขณะที่เดินมาถึงครึ่งทาง ก็ฉุกคิดอะไรได้ จึงหันตัวกลับไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากตู้หนังสือด้วยมือที่สั่น เปิดออก แล้วฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ในชายเสื้อของตัวเอง ถึงจะเดินออกมาจากห้องหนังสืออย่างรีบร้อน ตรงมาถึงหน้าเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน แล้วปะทะกับพระชายาฉีที่วิ่งออกมาจากด้านในพอดี

 

 

เห็นเขา สีหน้าของพระชายาฉีเป็นกังวล น้ำเสียงรีบร้อน “ท่านอ๋อง หมอตำแยเจ้าค่ะ ส่งคนไปเชิญหมอตำแยเจ้าค่ะ”

 

 

อ๋องฉียังนับว่าใจเย็น โบกมือและออกคำสั่ง “รีบไปเชิญหมัวมัวทำคลอดในวังหลวงมา”

 

 

บ่าวรับใช้รับคำ แล้วเงาร่างก็หายไปทันที

 

 

แม้แต่จะพูดห้ามเอาไว้ พระชายาฉีก็พูดไม่ทัน “ท่านอ๋อง ผิดแล้วเจ้าค่ะ เป็นหมอตำแยเจ้าค่ะ หมอตำแยที่เราได้เชิญไว้ล่วงหน้าแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

“เชิญมาให้หมด เตรียมพร้อมไว้ดีกว่า”

 

 

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หมอตำแยชื่อดังสามคนของเมืองหลวง และหมัวมัวทำคลอดที่มีประสบการณ์ที่สุดของวังหลวงสองคนก็ล้วนมาถึงในห้องของเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วทำความเคารพต่อพระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยว “ถวายความเคารพพระชายาฉีเจ้าค่ะ ถวายความเคารพซื่อจื่อเฟยเจ้าค่ะ”

 

 

พระชายาฉีพยักหน้า

 

 

ความเจ็บปวดติดต่อกันหลายระลอก ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บปวดจนแม้แต่เส้นผมก็ล้วนเปียกโชก และไม่เหลือแรงที่จะพยักหน้าอีกแล้ว

 

 

หมัวมัวทำคลอดคนหนึ่งเอ่ยปาก “พระชายาฉี เตรียมของที่ไว้สำหรับใช้ทำคลอดของซื่อจื่อเฟยเรียบร้อยแล้วหรือยังเจ้าคะ”

 

 

พระชายาฉีตอบสนองกลับ พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “เตรียมแล้ว เตรียมแล้ว ข้าจะสั่งคนไปเอามาเดี๋ยวนี้”

 

 

แล้วหลิงหลงก็นำอุปกรณ์และของต่างๆ มาอย่างรวดเร็ว

 

 

หมัวมัวทำคลอดรับมา “ซื่อจื่อเฟย ท่านขยับได้ไหมเจ้าคะ ข้าน้อยจำเป็นต้องปูของเหล่านี้ไว้ข้างใต้ของท่านเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าอย่างช้าๆ อยากจะพลิกกาย แต่ทั้งตัวกลับไร้เรี่ยวแรง

 

 

มองออกว่านางไม่มีแรง พระชายาฉี และเมิ่งซื่อจึงพยุงนางลงจากเตียงอย่างช้าๆ หมัวมัวทำคลอดจัดเตรียมของทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว แล้วเอ่ยปากอีกครั้ง “ซื่อจื่อเฟย กรุณาถอดเสื้อผ้าของท่านออกด้วยเจ้าค่ะ เหลือไว้แต่เพียงเสื้อบางๆ ก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”

 

 

ถอดชุดกระโปรงยาวของเมิ่งเชี่ยนโยวออกก่อน แล้วประคองนางนอนลงบนเตียง พระชายาฉีก็คลุมผ้าห่มให้นาง แล้วหัวมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม แล้วถอดกางเกงชั้นในที่เปียกชุ่มไปหมดแล้วด้วยตัวเอง แล้วส่งบนมือหลิงหลง

 

 

หลิงหลงรับมา เดินออกไป

 

 

แล้วความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟันไม่ส่งเสียงร้อง

 

 

หมอตำแยสามคน และหมัวมัวทำคลอดหมอหน้ากัน พวกนางทำคลอดให้เด็กหมัวมัวกมายขนาดนั้น ไม่มีคนที่คลอดเด็กคนใดจะเป็นเหมือนเมิ่งเชี่ยนโยวที่กัดฟันไม่ร้อง ในใจก็รู้สึกสรรเสริญ น้ำเสียงจึงมีความจริงใจขึ้นอย่างมาก “ซื่อจื่อเฟย ท่านร้องออกมาเถิดเจ้าค่ะ ความเจ็บปวดจะได้บรรเทาลงบ้างเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงกัดฟันส่ายหน้า

 

 

ความเจ็บปวดผ่านพ้นไป ทั้งกายก็เปียกปอนราวกับตักน้ำขึ้นมาราด

 

 

รอให้นางพักครู่หนึ่ง หมัวมัวทำคลอดเข้ามาด้านหน้า แยกขาของนางเพื่อตรวจดู

 

 

หลังจากที่ซื่อจื่อแห่งตระกูลฉีอันทรงเกียรติของพวกเราตื่นขึ้น สายตาแรกที่เห็นขณะที่วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนก็คือภาพเหตุการณ์นี้ เลือดร้อนก็พลุ่งพล่านขึ้น แล้วระเบิดเสียงโกรธตามมา “ให้ตายเถิด เจ้ากำลังทำอะไร”

 

 

หมัวมัวทำคลอดสะดุ้งจนร่างกายสั่นเทิ้ม แล้วรีบปล่อยเมิ่งเชี่ยนโยว ยืนขึ้นมา พยายามอธิบาย “ซื่อจื่อ ข้าน้อยกำลัง…”

 

 

“ไสหัวออกไป!” เสียงร้องคำรามยิ่งดังขึ้น โดยไม่รักษาน้ำใจแม้แต่น้อย

 

 

หมัวมัวทำคลอดอ้าปากกว้าง ไม่กล้าเชื่อคำพูดที่ตัวเองได้ยินเมื่อครู่

 

 

“เซวียนเอ๋อร์ นี่หมัวมัวกำลังตรวจให้โยวเอ๋อร์ต่างหาก เจ้าจะสร้างความวุ่นวายอะไรเพิ่มอีก รีบออกไปเดี๋ยวนี้ ผู้ชายที่ไหนจะเข้ามาในห้องทำคลอดกัน” พระชายาฉีดุเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ยินทั้งสิ้น เดินก้าวยาวมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว เห็นนางนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแอ และเปียกปอนไปทั่วร่าง ขอบตาก็ชื้นขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โยวเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวนะ ยังมีข้าอยู่ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง”

 

 

ยิ้มเล็กน้อย เสียงอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง แต่กลับยังคิดพูดล้อเล่น “รับประกันว่าจะไม่หมดสติไปอีกได้หรือไม่”

 

 

พยักหน้าอย่างแรง และรับประกันเสียงดังกังวาล “เจ้าวางใจ ไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน”

 

 

พูดจบ ก็นั่งหลังตรง กุมมือของเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่ขยับ

 

 

ทุกคนภายในห้องอึ้งกันหมด รวมถึงพระชายาฉีและเมิ่งซื่อ ชายผู้นี้คิดจะคลอดลูกเป็นเพื่อนผู้หญิง พวกนางเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก

 

 

หมัวมัวทำคลอดยิ่งงุนงง และก็ยิ่งไม่กล้าที่จะตรวจให้แก่เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

พระชายาฉีได้สติขึ้นมาคนแรก “เซวียนเอ๋อร์ รีบออกไปเดี๋ยวนี้ นี่เป็นที่ๆ เจ้าไม่ควรอยู่”