หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับ กุมมือของเมิ่งเชี่ยนโยวแน่นขึ้นกว่าเดิม หันหน้าปรายตามองหมอตำแยสามคนและหมัวมัวทำคลอดสองคนแวบหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นอย่างไม่อ้อมค้อม “จงทำหน้าที่ของพวกเจ้าให้ดี! หากซื่อจื่อเฟยเป็นอะไร ข้าจะฝังพวกเจ้าเสีย”
ทั้งห้าคนหนาวสั่นในเวลาเดียวกัน แล้วเห็นภาพในอนาคตที่หากเกิดอะไรขึ้นกับซื่อจื่อเฟยในวันนี้ หัวและร่างกายของพวกนางแยกออกจากกัน
ชั่วขณะเดียว ปากไม่อ้า ตาไม่ค้าง และไม่นิ่งอึ้งอีกแล้ว กุลีกุจอลงมือทำงานโดยพร้อมกัน แต่ละคนมาที่ข้างกายของเมิ่งเชี่ยนโยว ซับเหงื่อ ตรวจสอบดู และบอกนางว่าอีกประเดี๋ยวจะทำอย่างไรบ้าง รุมเบียดเสียดจนผลักพระชายาฉีกับเมิ่งซื่อไปด้านข้าง
สถานการณ์วุ่นวายอย่างมาก หวงฝู่อี้เซวียนเห็นแต่ทำเป็นไม่เห็น จับจ้องแต่เมิ่งเชี่ยนโยวโดยตลอด
พระชายาฉีโมโหจนเกือบจะบิดหูของหวงฝู่อี้เซวียน สูดหายใจเข้าแล้ว สูดหายใจเข้าอีก และสูดหายใจเข้าแรงๆ ถึงจะข่มความเดือดดาลลงได้ ขณะที่กำลังจะพูด หมัวมัวทำคลอดที่รับผิดชอบตรวจดูเอ่ยปากขึ้น “ปากมดลูกเพิ่งจะเปิดเพียงสามจื่อเท่านั้นเองเจ้าค่ะ ต้องรออีกสักหน่อย พระชายาฉีให้คนต้มน้ำแกงโสมมาให้ซื่อจื่อเฟยดีกว่าเจ้าค่ะ”
พระชายาฉีได้สติกลับมา “ใช่แล้วๆๆ ต้องต้มแกงโสมให้โยวเอ๋อร์เสียก่อน” พูดจบก็สั่งหลิงหลง “รีบไปสั่งคนให้ไปต้มแกงโสมมาเดี๋ยวนี้”
หลิงหลงรับคำ เดินออกไป
มีคนที่มีประสบการณ์มากมายเช่นนี้อยู่ เมิ่งซื่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงพูดรับเอง “ข้าไปก็แล้วกัน”
พระชายาฉีห้ามนาง “ไม่ได้ เจ้าเป็นแม่ ต้องอยู่ข้างกายโยวเอ๋อร์ นางถึงจะมีแรงคลอด”
แล้วความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟันแน่น
เห็นสภาพที่นางทรมาน หวงฝู่อี้เซวียนก็ออกแรงกุมมือนางยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เพียงแต่รู้สึกว่าที่ท้องเจ็บ มือก็เจ็บด้วย เจ็บจนนางอยากจะด่าเขาแล้ว
หมอตำแยและหมัวมัวทำคลอดมองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความสงสาร หวังว่าหลังจากที่ความเจ็บปวดระลอกนี้ผ่านไป มือของนางจะไม่ถูกซื่อจื่อที่ตื่นเต้นกว่านางบีบจนยุ่ย
พระชายาฉีก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกไปอย่างชอบกล และอึดอัดอยู่ในใจ เมื่อครู่ โยวเอ๋อร์เพียงแค่ปวดจนกัดฟัน ไม่ส่งเสียงร้อง เหตุใดครั้งนี้นัยน์ตาถึงได้แทบจะลุกโชนเป็นไฟแล้วล่ะ ราวกับอยากจะฆ่าใครอย่างไรอย่างนั้น
คลื่นของความเจ็บปวดผ่านไป เมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนคลายลง แล้วหอบหายใจอย่างแรง
หวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่ปล่อยมือนาง แต่กลับยังกุมแน่นขึ้นอีก
เผยรอยยิ้ม และส่งเสียงอ่อนโยน “อี้เซวียน!”
รับคำเสียงสั่น “โยวเอ๋อร์ ข้าอยู่นี่”
“เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว”
มองนางอย่างอึ้งๆ ไม่มีการตอบสนอง
“มือของขาดใกล้จะขาดแล้ว” เตือนด้วยเสียงเบา
มองนาง แล้วมองมือที่ผิดรูปร่างของนางเพราะถูกตัวเองกุมแน่น พลันก็ได้สติขึ้น แล้วจึงรีบปล่อยออก “โยวเอ๋อร์ ขอโทษ ข้า…ข้า…ข้า…ทำเจ้าเจ็บแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนลมหายใจออก เตือนตัวเองซ้ำๆ ว่าเป็นเพราะหวงฝู่อี้เซวียนห่วงตัวเองมากเกินไป ถึงได้กระทำผิดอย่างสมควรเช่นนี้ จึงอย่าได้โมโหเขาเป็นอันขาด
ไม่ใช่ว่าเขาอ่านตำราแพทย์หลายเดือนแล้วหรือ ไม่ใช่ว่าเขารู้ว่าเวลาผู้หญิงคลอดลูกจะเจ็บหรือ และไม่ใช่รับปากตัวเองแล้วว่าจะไม่ตื่นตระหนกหรือ แต่…โอแม่เจ้า เช่นนั้นตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่!
ความคิดในใจยังไม่ทันสิ้น เสียงตกตะลึงที่เกินปกติของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้น “โยวเอ๋อร์ เจ้าวางใจ ข้าจะไม่ลน จะไม่ลนลานแม้แต่นิดเดียว ข้าสงบนิ่งอย่างมาก”
ทุกคนตาค้างปากอ้าอีกครั้ง
พระชายาฉีโซเซไปจนเกือบจะล้มลงพื้น นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่รู้สึกว่าลูกชายของตัวเองเป็นเด็กโง่ และไม่ใช่โง่ธรรมดา เป็นประเภทที่โง่อย่างมากอย่างมากอีกด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงยิ้มน้อยๆ ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปลี่ยนแปลง “อี้เซวียน”
แล้วก็ตอบเหมือนเดิม “โยวเอ๋อร์ ข้าอยู่นี่”
“ยื่นมือของเจ้าออกมา”
“ได้” เอื้อมมือออก วางไว้ตรงหน้านางโดยปราศจากความลังเลใดๆ
ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน ก็กัดลงไป
โอ๊ย! โอ๊ย! …เสียงร้องดังต่อเนื่องหลายครั้ง หมัวมัวทำคลอดและหมอตำแยล้วนตกใจจนตัวชาลงไปกับพื้น สวรรค์! พวกนางเห็นอะไรเข้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าซื่อจื่อเฟยจะกัดมือซื่อจื่อต่อหน้าพวกนาง นี่…นี่…นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนที่ได้ยินต้องสะพรึงกลัว แต่เหตุการณ์นี้ถูกพวกนางเห็นเข้าแล้ว จะโดนฆ่าปิดปากหรือไม่
พระชายาฉีรู้สึกว่านั่นเป็นการระบายอารมณ์ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยว ครานี้ลูกชายโง่คนนี้ของนางก็น่าจะได้สติแล้วล่ะ
เมิ่งซื่อกลับร้องตกใจขึ้น “โยวเอ๋อร์ รีบปล่อยเดี๋ยวนี้”
หวงฝู่อี้เซวียนเจ็บจนร้อง ซี๊ด สติสัมปชัญญะก็ฟื้นคืนกลับมาบ้างแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวคลายปากออก ถาม “เจ็บไหม”
พยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหน้าสุดชีวิต “ไม่เจ็บ” จากนั้นยื่นแขนไปตรงหน้านางอีกครั้ง ถามด้วยเสียงนุ่มนวล “ยังจะกัดอีกไหม”
หมัวมัวทำคลอดเบิกลูกตาของนางโพลง พวกนางเห็นอะไรเข้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าซื่อจื่อจะเป็นฝ่ายยื่นมือไปตรงหน้าซื่อจื่อเฟยให้นางกัดด้วยตัวเอง ใครก็ได้มาตบนางสักที ให้นางตื่นขึ้น แล้วบอกนางว่านี่ไม่ได้กำลังฝันไป เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ไม่กัดแล้ว เหนื่อย”
ยังคงมีน้ำเสียงอ่อนโยน “ก็ได้ รอเจ้าพักให้พอแล้วค่อยกัด”
หมัวมัวทำคลอดตัวชาบนพื้นโดยไม่คิดสิ่งใดแล้ว พวกนางกลัวว่าต่อไปจะเกิดเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าดินอื่นใดอีก จึงนั่งอยู่บนพื้นนิ่งๆ ดีกว่า แขนขาที่ชราก็ไม่อาจทนรับความทรมานได้อีกแล้วจริงๆ ลูกของซื่อจื่อเฟยยังไม่ได้เกิดมา พวกนางก็คงจะสะดุดล้มตายด้วยตัวเองก่อน
น่าเสียดาย ความคิดนั้นดีงาม ทว่า ความเป็นจริงกลับโหดร้าย หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวอดไม่ได้ที่จะย่นหัวคิ้ว ซื่อจื่อที่ตื่นเต้นเกินพอดีก็เข้าใจว่านางจะเจ็บปวดอีกแล้ว จึงหันหน้าไป ตวาดด่าแต่ละคนบนพื้น “ยังไม่ลุกขึ้นมาหาวิธีอีก โยวเอ๋อร์เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
แล้วก็ปีนตัวขึ้นมาอย่างว่องไว ท่าทางนั้นรวดเร็วจนทำให้เมิ่งซื่อเบิกตาค้าง
เมื่อตรวจสอบอีกรอบหนึ่ง ก็พบว่ายังคงสามจื่ออยู่ หมัวมัวทำคลอดพูด “ซื่อจื่อเฟยเจ้าคะ ยังสามจื่ออยู่เลยเจ้าค่ะ ในเมื่อเด็กยังไม่ขยับ ข้าน้อยต้องหาวิธีช่วยท่านสักหน่อย อาจจะเจ็บเล็กน้อย ขอให้ท่านอดทนไว้นะเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เอื้อมมือไปคว้ามือของหวงฝู่อี้เซวียนไว้
เดิมทีหวงฝู่อี้เซวียนอยากจะกุมมือนาง แต่ครั้นนึกถึงที่ตัวเองทำให้นางเจ็บเมื่อครู่ จึงรีบปล่อยอย่างรวดเร็ว
หมัวมัวทำคลอดสองท่านเป็นผู้มากประสบการณ์ที่สุดภายในวังหลวง ไม่รู้ว่าทำคลอดให้แก่นายหญิงและผู้สูงศักดิ์มากมายมาแล้วแค่ไหน มือจึงย่อมมีความชำนาญคล่องแคล่ว เมื่อกดบนท้องของเมิ่งเชี่ยนโยวเบาๆ ไม่กี่ครั้งจนรู้สึกถึงตำแหน่งที่เด็กอยู่ ก็ค่อยๆ เลื่อนดันลงจากตำแหน่งนั้นให้เด็กเคลื่อนตัวลงมาเพื่อจะได้คลอดเร็วขึ้นหน่อย
แม้ว่ามือจะชำนาญ แต่เจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อครู่ เมิ่งเชี่ยนโยวอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากแน่นขึ้น แล้วจับมือของหวงฝู่อี้เซวียนแน่น
หวงฝู่อี้เซวียนก็เม้มริมฝีปากแน่นสนิท มองนางด้วยสีหน้าขาวซีด
หลังจากที่ดันออกมาอีกครั้งหนึ่งและระลอกของความเจ็บปวดผ่านไป ทั้งกายของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เหลือแรงแม้แต่น้อย ทั้งร่างเปียกชุ่มอีกครั้ง ทว่า เด็กกลับเคลื่อนออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
หลิงหลงยกแกงโสมเข้ามา “พระชายาเจ้าคะ แกงโสมต้มเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
พระชายาฉีรับมายกอยู่ในมือ เดินมาที่หน้าเตียง อยากจะป้อนเมิ่งเชี่ยนโยวดื่มด้วยตัวเอง
“เสด็จแม่ ข้าเองขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนพูดด้วยเสียงสั่น มือก็สั่นด้วย หน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา เสื้อผ้าบนร่างก็เปียกปอน
พระชายาฉีมองเขาแวบหนึ่ง ถ้อยคำที่อยากจะคัดค้านก็กลืนกลับไป
หวงฝู่อี้เซวียนโค้งตัวลง อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวที่พลังฟื้นขึ้นเล็กน้อยพิงเข้ามาในอ้อมอก จากนั้นก็รับแกงโสมมา มือซ้ายยกชาม มือขวาหยิบช้อนขึ้น แล้วช้อนแกงโสมป้อนนางด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
เมิ่งเชี่ยนโยวดื่มคำเล็กๆ
หมอตำแยและหมัวมัวทำคลอดก็อ้าปากตาค้างอีกครั้งหนึ่ง อย่าว่าแต่สถานะของหวงฝู่อี้เซวียนที่เป็นถึงซื่อจื่อเลย แม้แต่ผู้ชายทั่วไปในตระกูลอื่น ก็ไม่ทำเช่นนี้
ดื่มน้ำแกงเสร็จแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่ามีพลังขึ้นเล็กน้อย
หวงฝู่อี้เซวียนส่งแก้วให้แก่หลิงหลงที่รับใช้อยู่ด้านหนึ่ง พร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าไหมออกมาซับปากให้นางจนสะอาด แล้วถึงจะพยุงนางให้นอนลง
พระชายาฉีเห็นสีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวมีสีเลือดฝาด จึงถอนหายใจ ปลอบด้วยเสียงอ่อน “โยวเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวนะ แม่เฝ้าเจ้าอยู่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แล้วพูดกับหวงฝู่อี้เซวียน “อี้เซวียน ให้เสด็จแม่ช่วยต้มดอกบัวสีเลือดออกมาเถิด”
หวงฝู่อี้เซวียนราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เม้มปากไม่ขยับและมองนางอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักถึงจะเอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง “โยวเอ๋อร์ เจ้าจำไว้ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือไปปรโลก ข้าก็จะตามเจ้าไปทุกแห่งหน”
เพี้ยะ เสียงตบเข้าที่หลังคออย่างแรงดังขึ้น เสียงที่ปนด้วยความโกรธเคืองของพระชายาฉีก็ดังขึ้นเช่นกัน “พูดอะไรน่ะ โยวเอ๋อร์คลอดก่อนกำหนด ไม่ได้คลอดยาก จะมีอันตรายขนาดนั้นที่ไหนกัน”
บางทีอาจจะอยากตีเขาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้พระชายาฉีจึงออกแรงไม่เบา หวงฝู่อี้เซวียนถูกตีจนนิ่งอึ้งไป
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันได้รู้สึกซาบซึ้ง ก็ส่งเสียงหัวเราะพรวดออกมา
ความรู้สึกเสียใจที่มาพร้อมประโยคนั้นของหวงฝู่อี้เซวียนได้หายวับไปทันใด
หมอตำแยกับหมัวมัวทำคลอดรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองได้เปิดโลกทัศน์แล้วจริงๆ หลังจากที่แอบครุ่นคิดกับตัวเองว่า หลังจากกลับไป จะต้องบอกให้ทุกคนรู้อย่างจริงจัง ว่าคนภายในจวนอ๋องไม่ใช่ถือตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้คน แต่เทียบกับคนสามัญชนธรรมดาแล้ว ยังอบอุ่นกว่ามาก
เมื่อได้สติคืนกลับมา หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้โกรธ ลุกขึ้น เปิด**บออก แล้วหยิบกล่องที่บรรจุดอกบัวสีเลือดออกมา ส่งให้พระชายาฉี แล้วพูดกับนางและเมิ่งซื่อ “เสด็จแม่ ท่านแม่ นี่เป็นดอกบัวสีเลือดขอรับ ใช้เพียงครึ่งหนึ่งก็พอแล้ว ขอรบกวนพวกท่านด้วยขอรับ”
ดอกบัวสีเลือดเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าและมีชื่อเสียง และมีแค่เพียงครึ่งช่อนี้ ถ้าส่งให้บ่าวรับใช้ อย่าว่าแต่หวงฝู่อี้เซวียนเลย แม้แต่พระชายาฉีก็ไม่ไว้วางใจ
พระชายาฉีพยักหน้า และเดินออกไปกับเมิ่งซื่อ
ครั้นหมอหลวงเจียงได้ยินว่าเมิ่งเชี่ยนโยวคลอดก่อนกำหนด ก็แบกกล่องยาตามคนที่พระชายาฉีส่งมาเชิญถึงจวน และเขาก็ได้รออยู่ภายในเรือนเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นพระชายาฉีอุ้มกล่องบรรจุดอกบัวสีเลือดออกมา จึงเดินเข้ามาบอกนางถึงวิธีที่จะต้มอย่างละเอียด แต่แล้วก็รู้สึกไม่วางใจ จึงพูดตรงๆ “หากพระชายาฉีไม่ถือสา ข้าน้อยขอไปต้มกับท่านด้วย”
พระชายาฉีย่อมรับปากอยู่แล้ว ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องครัวเล็ก
อ๋องฉียืนอยู่ภายในลานบ้าน และไม่ได้ยินเสียงจากด้านในห้องเลย ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรแล้วบ้าง ขณะที่เอ่ยปากจะถามไถ่ ก็เห็นพระชายาฉีเดินตรงไปที่ห้องครัวเล็ก ก็หยุดคำพูดเอาไว้ แล้วรออยู่ภายในลานต่ออย่างกระวนกระวาย
พวกหมอตำแยและหมัวมัวทำคลอดผลัดกันช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวดันท้อง ทำงานกันยุ่งจนถึงเวลาค่ำ มดลูกถึงจะเปิดออกเป็นห้าจื่อ
ทั้งห้าคนต่างเริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถูกรบเร้าจนไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
ใจของพระชายาฉีและเมิ่งซื่อร้อนรนราวสุมเพลิง
ขณะที่อ๋องฉีเดินวนไปวนมาอย่างกังวลอยู่ภายในลาน
หมอหลวงเจียงก็เงี่ยหูฟังเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง ใคร่ครวญว่าถ้าหากได้ยินว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเมิ่งเชี่ยนโยว ตัวเองก็จะรีบรุดเข้าไปช่วยชีวิตคนโดยที่ไม่สนใจว่านี่เป็นเวลาอะไรแล้ว
แกงโสมถูกส่งเข้าไปในห้องอย่างไม่ขาดสาย เมิ่งเชี่ยนโยวดื่มจนดื่มไม่ไหวแล้ว เด็กน้อยภายในท้องยังคงไม่เคลื่อนออกมา
ในใจของหมอตำแยและหมัวมัวทำคลอดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเช่นเดียวกัน มองตากันอย่างพร้อมเพรียง แล้วหมอตำแยท่านหนึ่งที่อายุอานามค่อนข้างมากสักหน่อยกลืนน้ำลายลงหลายอึก ถึงจะเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง “พระชายาเจ้าคะ ซื่อจื่อเจ้าคะ นี่เกรงว่าซื่อเฟยจะ…จะคลอดยากแล้ว…”
หวงฝู่อี้เซวียนใช้สายตาอันเฉียบคมที่ดุร้ายพุ่งเข้าไป หมอตำแยผวาจนร่างกายอ่อนเปลี้ยและเกือบจะล้มลงคุกเข่าบนพื้น คำพูดที่อยากจะพูดก็กลืนกลับไป
ละสายตากลับมามองทางเมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนเวลานี้กลับสุขุมนิ่ง มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง “โยวเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกถึงความเจ็บปวดช่วงท้องที่กรุ่นๆ อยู่ รู้ว่าถ้ายังยืนหยัดต่อไปเป็นเวลานานเข้าแล้ว บาดแผลที่ช่องท้องจะต้องฉีกออก เมื่อนั้นแม้แต่เทพแห่งสวรรค์ก็ช่วยนางไม่ได้แล้ว
ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากด้วยเสียงไม่ช้าไม่เร็ว แต่กลับทำให้ใจที่ไม่สงบของหวงฝู่อี้เซวียนสลบลง “อี้เซวียน เอาเข็มออกมาเถอะ”
ตั้งแต่หมอหลวงเจียงบอกว่าตอนที่เมิ่งชี่ยนโยวคลอดอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ ทุกวันที่มีเวลาว่างนอกจากศึกษาตำราแพทย์แล้ว หวงฝู่อี้เซวียนยังจะรบเร้าให้เมิ่งเชี่ยนโยวสอนวิธีฝังเข็มให้เขา
เวลานี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น จึงรีบลุกตัวขึ้นไปเปิด**บ แล้วหยิบห่อเข็มออกมาวางไว้ข้างเมิ่งเชี่ยนโยว
“ข้าพูด เจ้าทำตาม ลูกของพวกเราก็จะต้องออกมาอย่างรวดเร็วแน่นอน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าโดยไม่ลังเล
หันศีรษะสั่งทั้งห้าคน “พวกเจ้าออกไปพักสักหน่อย”
ยุ่งมาทั้งวัน แต่ละคนก็เหนื่อยแล้วจริงๆ จึงรับคำอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไป
“เสด็จแม่ ท่านแม่ พวกท่านก็ออกไปด้วยเถิดขอรับ จะได้ไม่รบกวนยามที่ข้าฝังเข็มให้โยวเอ๋อร์”
พระชายาฉีอยากจะพูด หวงฝู่อี้เซวียนก็ได้ก้มหน้าลงแล้ว พร้อมกับเปิดผ้าห่มที่คลุมอยู่บนร่างของเมิ่งเชี่ยนโยว เผยให้เห็นท้องที่ใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อของนาง
ใบหน้าของเมิ่งซื่อเต็มไปด้วยความกังวล แต่นางรู้ว่าต่อให้ตัวเองอยู่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ และไม่แน่ว่าจะยังทำให้หวงฝู่อี้เซวียนต้องเสียสมาธิ จึงส่ายหน้าให้พระชายาฉี แล้วเดินออกไปก่อน
พระชายาฉีมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความหวั่นวิตก หลังจากเห็นรอยยิ้มปลอบใจที่นางส่งให้ ก็เดินตามออกไปด้วย
ขณะที่เพิ่งออกจากประตูมา อ๋องฉีก็ถามด้วยความรีบร้อน “สถานการณ์ไม่ค่อยดีหรือ”
พระชายาฉีพยักหน้าและส่ายหน้า “เด็กไม่ขยับเจ้าค่ะ เซวียนเอ๋อร์บอกว่าจะฝังเข็มให้โยวเอ๋อร์”
“เหลวไหล เขาเป็นคนที่ไม่รู้ทักษะการแพทย์แม้แต่อย่างเดียว จะฝังเข็มได้อย่างไร ข้าจะส่งคนไปวังให้เชิญหมอหญิงสองคนมาเดี๋ยวนี้”
พระชายาฉีห้ามเขา “โยวเอ๋อร์สอนเขาแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาหรอกเจ้าค่ะ พวกเรารอไปสักพักก่อนแล้วกันเพคะ”
คนภายนอกห้องร้อนใจราวสุมเพลิง
ขณะที่ภายในห้อง อารมณ์ของหวงฝู่อี้เซวียนนิ่งสงบและตั้งอกตั้งใจ ภายใต้การนำของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็แทงเข็มแต่ละเล่มลงบนตำแหน่งที่ถูกต้องอย่างแม่นยำและฉับไว
ความรุ่มร้อนแผ่ซ่านออกไป ดูเหมือนว่าเด็กจะเคลื่อนออกมาบ้างแล้วด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกดีใจ น้ำเสียงปนความตื่นเต้นยินดี “เซวียนเอ๋อร์ ขยับแล้ว”