ตอนที่ 651 แลกตัวประกัน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในเรือนเฮ่าหราน หลัวหมิงฮ่าวและสั่วซีหย่านำคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบบุรุษชุดดำที่ติดอยู่ในข่ายอาคมของฉินอวี้โม่

ฉินอวี้โม่เพียงกำชับกับพวกเขาว่าเมื่อใดก็ตามที่บุรุษชุดดำฝ่าทะลวงผ่านข่ายอาคมออกมาได้ พวกเขาจะต้องจับตัวอีกฝ่ายในทันที

แม้บุรุษผู้นี้จะทรงพลังอย่างมาก ทว่าหากเขาใช้พลังทั้งหมดเพื่อฝ่าผ่านข่ายอาคมของฉินอวี้โม่ออกมา พลังของเขาจะได้รับผลกระทบอย่างยิ่งและไม่มีทางที่พลังของเขาจะยังอยู่ในสภาวะสูงสุด

ด้วยความแข็งแกร่งของหลัวหมิงฮ่าวและสั่วซีหย่า กอปรกับคนอื่น ๆ ที่ทั้งสองรวบรวมมา พวกเขาก็น่าจะจับตัวบุรุษชุดดำได้อย่างไม่เป็นปัญหา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉินอวี้โม่คาดไม่ถึงเลยก็คือ ‘กลุ่มผู้ช่วย’ ของบุรุษชุดดำที่มาถึงอย่างรวดเร็ว

เมื่อบุรุษชุดดำฝ่าออกมาจากข่ายอาคมได้สำเร็จและกลุ่มของหลัวหมิงฮ่าวกำลังจะจับตัวเขาไว้ จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนนับสิบที่ทรงพลังอย่างมากปรากฏตัวขึ้นมา

ในหมู่คนเหล่านั้นมีจอมยุทธ์นภาเซียนถึงสามคนและส่วนที่เหลือต่างก็เป็นจอมยุทธ์พสุธาเซียนขั้นสูงสุด หลัวหมิงฮ่าวและคนอื่น ๆ จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปโดยปริยาย ขณะพยายามคุ้มกันความปลอดภัยให้สั่วซีหย่าและช่วยให้คนอื่นล่าถอยไปได้ องค์ชายห้าก็ได้รับบาดเจ็บเพราะคนเหล่านั้นและเพลี่ยงพล้ำจนถูกจับตัวไป

สั่วซีหย่าทราบดีว่าสถานการณ์นี้มิใช่เรื่องดีแน่และไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าทางฝั่งของฉินอวี้โม่เสร็จเรื่องแล้วหรือยัง นางรีบส่งข่าวรายงานนายหญิงของตนอย่างรวดเร็ว นางเชื่อมั่นว่าฉินอวี้โม่จะต้องมีวิธีช่วยเหลือหลัวหมิงฮ่าวอย่างแน่นอน

เมื่อทราบข่าว ฉินอวี้โม่ก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนปรับสีหน้าคืนสู่ความปกติอย่างรวดเร็ว

“สั่วซีหย่า เจ้ากลับมาก่อนเถอะ ในเมื่อคนพวกนั้นจับตัวหลัวหมิงฮ่าวไปแล้ว คนพวกนั้นคงคิดจะใช้เขาเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่เราและจะไม่ทำร้ายเขาแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่ตู้ซีรั่วยังอยู่ในมือพวกเรา พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน เชื่อว่าพวกเขาจะหาทางติดต่อกับเราในไม่ช้า”

ฉินอวี้โม่ไม่กังวลว่าคนเหล่านั้นจะทำร้ายหลัวหมิงฮ่าวแต่อย่างใด หลัวหมิงฮ่าวเป็นถึงองค์ชายห้าของชนเผ่าเอลฟ์และเขาก็มีคุณค่าความสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้ พวกเขาเหล่านั้นน่าจะได้รับข่าวแล้วว่าตู้ซีรั่วเพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายฉินอวี้โม่ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจะไม่กล้ากระทำสิ่งใดลงไปโดยไม่ยั้งคิดอย่างแน่นอน

“ท่านลุง จับตัวนางไว้”

บทสนทนาของฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าเกิดขึ้นทางกระแสจิต หลัวจื้อเลี่ยและตู้ซีรั่วจึงไม่ได้ยินสิ่งใดแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฉินอวี้โม่ต้องการให้ควบคุมตัวตู้ซีรั่วไว้ก่อน หลัวจื้อเลี่ยจึงไม่ขัดข้องแต่อย่างใด เขาเองก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาสำหรับการสังหารตู้ซีรั่ว

สีหน้าของตู้ซีรั่วในตอนนี้มีเพียงความเย็นชาทว่านางไม่ขัดขืนอีกต่อไปขณะยอมให้หลัวจื้อเลี่ยผนึกพลังของตนและพันธนาการนางไว้  นางทราบดีว่าต่อให้ต้องการหลบหนีก็คงไม่มีโอกาสทำได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม นางยังมีสหายร่วมกระบวนการอีกมากและมั่นใจว่าคนเหล่านั้นจะหาทางช่วยตนอย่างแน่นอน

“เกิดอะไรขึ้นรึ ?”

หลังจากจับตู้ซีรั่วขังไว้ หานโม่ฉือก็มองฉินอวี้โม่และกล่าวถามด้วยความสงสัย เขาสังเกตเห็นท่าทางประหลาดของนางอย่างชัดเจนทว่าไม่ต้องการเอ่ยถามในก่อนหน้านี้

“หมิงฮ่าวถูกกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดของตู้ซีรั่วจับตัวไป”

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่ปิดบังความจริงจากหานโม่ฉือและหลัวจื้อเลี่ยขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ครานี้นางประมาทจนเกินไปซึ่งทำให้คนเหล่านั้นสบโอกาสและทำให้หลัวหมิงฮ่าวตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

“เหอะ ไม่คิดเลยว่าอิทธิพลของพวกเขาจะแผ่ขยายถึงขั้นนี้”

หลัวจื้อเลี่ยแค่นเสียงเย็นชาทว่าไม่ตื่นตระหนกเช่นเดียวกัน เขาก็คาดเดาได้ว่าในเมื่อคนเหล่านั้นจับตัวองค์ชายห้าไป พวกเขาก็น่าจะมีจุดประสงค์ที่วางไว้และจะไม่ทำร้ายหลัวหมิงฮ่าว เวลานี้เขาและฉินอวี้โม่เพียงต้องรอจนกว่าคนเหล่านั้นจะหาทางติดต่อมาและบ่งบอกความต้องการ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าแปลกก็คือในเผ่าเลี่ยหยางของเขาก็มีจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าอยู่มากมาย ทว่าเขากลับไม่ได้รับข่าวใด ๆ มาก่อนล่วงหน้า ดูเหมือนว่าแผนการของอีกฝ่ายจะถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดี

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่กล่าวสิ่งใดมากนัก พวกเขาขอให้หลัวจื้อเลี่ยจึงส่งคนไปจับตาดูตู้ซีรั่วไว้ในขณะที่ตนและคนอื่น ๆ กลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว หลังจากสั่วซีหย่ากลับมาถึง พวกเขาจะสอบถามข้อมูลอื่น ๆ ให้ชัดเจน

เวลานี้ ณ ห้องในเรือนธรรมดา ๆ หลังหนึ่งภายในเมืองเลี่ยหยาง หลัวหมิงฮ่าวนั่งนิ่งอยู่กับที่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาจะดูยุ่งเหยิงไม่น้อย สีหน้าของเขาก็ยังคงบ่งบอกถึงความไม่แยแสและมีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า

“โอ้ ดูเหมือนว่าองค์ชายห้าจะแตกต่างไปจากข่าวลือที่ได้ยินมามาก !”

     ในเวลานี้ ตรงข้ามกับหลัวหมิงฮ่าวก็มีบุรุษชุดดำคนหนึ่งที่กล่าวขึ้นเบา ๆ

“เจ้ากล่าวเองว่าเป็นข่าวลือ แน่นอนว่ามันย่อมเชื่อถือไม่ได้”

หลัวหมิงฮ่าวกล่าวตอบ “ตู้ซีรั่วก็ถือว่ามีความสามารถอยู่เหมือนกันที่ติดต่อรวบรวมจอมยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างพวกเจ้ามาได้ นางคงจะเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา ครานี้นางยั่วยุให้เกิดสงครามความขัดแย้งภายในชนเผ่าเอลฟ์ได้ และจากสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่าความสำเร็จคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม !”

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าฉลาดทีเดียว จริงอยู่ที่เราลงเรือลำเดียวกันกับตู้ซีรั่ว ทว่าพวกข้ามิได้รับคำสั่งจากนาง ความขัดแย้งภายในชนเผ่าเอลฟ์ครานี้เป็นแผนการของพวกเราจริง อย่างไรก็ตาม สำหรับฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดนั้น นั่นอาจมิใช่ตู้ซีรั่วเสมอไป”

จู่ ๆ บุรุษชุดดำก็หัวเราะลั่นอย่างสาแก่ใจและกล่าวบางอย่างที่ทำให้หลัวหมิงฮ่าวไม่เข้าใจนัก เมื่อพิจารณาความหมายจากวาจาของเขา ราวกับว่าถึงแม้คนเหล่านี้และตู้ซีรั่วจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน ทว่าเป้าหมายสูงสุดก็อาจมิใช่สิ่งเดียวกันเสมอไปและอาจมีความขัดแย้งภายในบางอย่างเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้สถานการณ์น่าสนใจขึ้นอีกมาก

“เจ้าดูจะไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนเลย คงมั่นใจสินะว่าพวกข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”

เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนของหลัวหมิงฮ่าว บุรุษชุดดำก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง เห็นทีองค์ชายห้าที่ลือกันว่าไม่สนใจอำนาจและเมินเฉยต่อโลกภายนอกผู้นี้จะรับมือได้ยากยิ่งกว่าองค์ชายสามผู้ชาญฉลาดเสียอีก

“โอ้ หากพวกเจ้าคิดจะฆ่าข้าจริง พวกเจ้าก็คงไม่พยายามจับตัวข้ามาถึงที่นี่หรอก ฮ่า ๆ ๆ”

หลัวหมิงฮ่าวหัวเราะเบา ๆ ก่อนกล่าวต่อ “พวกเจ้าคงจะอยากใช้ข้าเพื่อแลกตัวตู้ซีรั่วกลับมา”

น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความหนักแน่นมั่นใจราวกับคาดเดาแผนการของบุรุษตรงหน้าได้แล้ว

“เหอะ ถึงแม้ตอนนี้นางจะไม่ได้มีประโยชน์ต่อพวกเรามากนัก ทว่านางก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เราจึงไม่อาจปล่อยให้นางตกไปอยู่ในมือของพวกเจ้าได้ และการใช้เจ้าเป็นข้อต่อรองก็น่าจะเพียงพอที่จะแลกตัวนางกลับมา”

หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็กล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ครานี้นางสร้างปัญหาใหญ่ให้กับพวกเราทุกคน เทพมายาคนใหม่และหานโม่ฉือ—จอมยุทธ์นภาเซียนที่มีอายุน้อยที่สุดซึ่งสร้างชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งดินแดนเมื่อไม่นานนี้ จอมยุทธ์ทั้งสองคนนั้นรับมือได้ยากจริง ๆ”

จู่ ๆ บุรุษชุดดำก็กล่าวอธิบายถึงตัวตนของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือซึ่งทำให้หลัวหมิงฮ่าวชะงักไปเล็กน้อย แม้แต่ตัวเขาก็เพิ่งทราบตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าบุรุษชุดดำผู้นี้ที่ไม่เคยพบทั้งสองมาก่อนจะทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยทีเดียว

“ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่าข้าจะกล่าวอะไรเกินความจำเป็น หลายวันหลังจากนี้ข้าคงต้องขอให้องค์ชายห้ารออยู่ที่นี่ไปก่อน หลังจากเราเจรจากับฉินอวี้โม่เสร็จสิ้น เราจะปล่อยองค์ชายห้าไปแน่”

หลังจากกล่าวจบ บุรุษชุดดำก็หายตัวไปจากห้องอย่างรวดเร็วจนหลัวหมิงฮ่าวไม่รู้สึกถึงสิ่งใดอีก

ทันทีที่บุรุษผู้นั้นจากไป หลัวหมิงฮ่าวก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารที่ฉินอวี้โม่มอบให้ก่อนหน้านี้ออกมาเพื่อติดต่อนางทันที

“องค์ชายห้า ท่านเป็นอะไรรึไม่ ?!”

เสียงแรกที่ดังขึ้นคือน้ำเสียงเป็นกังวลของสั่วซีหย่า แม้ฉินอวี้โม่กล่าวไว้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ทำร้ายหลัวหมิงฮ่าว นางก็ยังเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไร ตอนนี้ข้าถูกกักขังไว้ในห้องแห่งหนึ่งและยังปลอดภัยดี”

หลัวหมิงฮ่าวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงข้า คนพวกนั้นไม่ทำร้ายข้าแน่ ทุกคนไม่ต้องคิดหาทางมาช่วยข้าล่ะ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ข้าถูกขังอยู่ที่ใด”

เขากังวลว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะพยายามหาทางตามหาตน เขาจึงกล่าวออกไปก่อนเพื่อมิให้ความพยายามของพวกนางสูญเปล่า

“คนพวกนั้นเป็นใคร ?”

เสียงของฉินอวี้โม่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังเรียบเฉยเช่นเคย

“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน คนพวกนั้นคลุมหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำสนิทและมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง ข้าทราบเพียงว่าพวกเขาและตู้ซีรั่วอยู่ฝ่ายเดียวกันทว่าดูจะไม่ปรองดองกันเท่าใดนัก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ทราบตัวตนของท่านและโม่ฉืออย่างชัดเจน”

เขากล่าวบอกฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเกี่ยวกับสิ่งที่บุรุษชุดดำกล่าวก่อนหน้านี้ด้วยหวังว่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

“เอาล่ะ เราเข้าใจแล้ว ท่านก็ระวังตัวด้วย หากเกิดอะไรขึ้นหรือมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงก็รีบแจ้งพวกเราทันที หากท่านตกอยู่ในภยันตราย ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินทั้งหมดของเมืองเลี่ยหยาง เราก็จะต้องตามหาท่านให้พบ !”

หลังจากกล่าวจบ ฉินอวี้โม่ก็ตัดการเชื่อมต่อทันที สภาวะพลังของชนเผ่าเอลฟ์ลดน้อยลงมากและไม่เพียงพอที่จะรองรับการสื่อสารระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นเวลานาน ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางก็ไม่มีวิธีแกะรอยตามสัญญาณของอุปกรณ์สื่อสารเพื่อระบุพิกัดว่าหลัวหมิงฮ่าวอยู่ที่ใด

“การที่ทราบถึงตัวตนของพวกเรา ดูเหมือนว่าเรื่องต่าง ๆ จะน่าสนใจขึ้นมาก”

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด ภายในชนเผ่าเอลฟ์แห่งนี้มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ทราบถึงตัวตนของพวกนาง สำหรับผู้ที่สามารถบอกตัวตนของนางและหานโม่ฉือได้อย่างชัดเจนนั้น นางมั่นใจว่าหากมิใช่เพราะเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับคนของโลกภายนอกก็ต้องเป็นคนที่มาจากโลกภายนอกอย่างแน่นอน และระหว่างความเป็นไปได้ทั้งสองนี้ ฉินอวี้โม่คาดว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า

“ตู้ซีรั่วคงคิดว่าตนเองฉลาดมากที่ได้พบกับผู้สมรู้ร่วมคิดเช่นนี้ ทว่านางคงไม่คิดเลยว่ากำลังเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสืออยู่”

* 与虎谋皮 เจรจากับเสือขอหนังเสือ เปรียบเทียบเจรจากับคนร้าย เพื่อให้สละผลประโยชน์ของตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ที่มีปัญญาเป็นเลิศเช่นนั้นจึงได้พลาดพลั้งในเรื่องที่เรียบง่ายเช่นนี้ หากฝ่ายมารให้ความร่วมมือกับขุมกำลังอื่น ๆ เป็นอย่างดีเสมอมา ในอดีตผู้คนทั่วทั้งดินแดนก็คงจะไม่จับมือกับชนเผ่าต่าง ๆ เพื่อกำจัดพวกเขาด้วยกัน

หลังจากนั้น พวกนางก็เฝ้ารออย่างเงียบ ๆ ตลอดหนึ่งวันเต็ม ทว่าก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด คนเหล่านั้นดูจะใจเย็นยิ่งนักและมิได้กังวลว่าตู้ซีรั่วจะเปิดเผยความลับใดออกไป

หลัวจื้อเลี่ยเข้าไปพบกับตู้ซีรั่วครั้งหนึ่งและต้องการบีบเค้นความลับจากปากของนาง อย่างไรก็ตาม ตู้ซีรั่วยังคงปิดปากเงียบและไม่ยอมกล่าวสิ่งใดแม้แต่น้อย สีหน้าแววตาของนางมีเพียงความชิงชังเมื่อพบหน้าเขา

หลังจากครานั้น หลัวจื้อเลี่ยจึงไม่เสียเวลาไปพบนางอีก หลังจากทราบความจริงที่นางปกปิดไว้ ทุกคราที่พบกันเขาก็มักมีแรงกระตุ้นในใจที่อยากจะบีบคอนางให้แหลกคามือ เพราะเหตุนั้นเขาจึงพยายามเมินเฉยนางให้ได้มากที่สุด

ภายในเวลารวดเร็วราวกับชั่วพริบตา อีกสองวันก็ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และคนเหล่านั้นก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ดูราวกับว่าพวกเขาไม่มีแผนการที่จะทำสิ่งใดและไม่คิดที่จะช่วยชีวิตตู้ซีรั่วเช่นกัน

ทว่าเมื่อสั่วซีหย่าเริ่มกระวนกระวายและหลัวจื้อเลี่ยแทบทนรอไม่ไหว จู่ ๆ ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงจวนเจ้าเมือง

เนื้อความในจดหมายระบุไว้อย่างเรียบง่ายถึงความต้องการขอแลกตัวตู้ซีรั่วกับหลัวหมิงฮ่าวโดยเวลาและสถานที่สำหรับการแลกตัวประกันนั้นคือเนินเขานอกเมืองในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้

.