ตอนที่ 1278 ภาพประวัติศาสตร์ โดย Ink Stone_Fantasy
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ โรแลนด์ก็ได้รับข่าวดีสองข่าว
เรื่องแรกคือขวานเหล็กใช้ระเบิดนาปาล์มและกำลังทหารที่มีอยู่อย่างจำกัดเล่นงานปีศาจอย่างหนักไปทีหนึ่ง ทำให้ชะลอความเร็วในการบุกเข้ามาทางเหนือของศัตรูได้
ขวานเหล็กได้บรรยายภาพการระเบิดของอาวุธใหม่มาในจดหมายอย่างละเอียด เรียกได้ว่าผลของมันน่าตกใจกว่าตอนที่ทดลองเสียอีก ในความเป็นจริง การใช้ไฟหยุดปีศาจนั้นเคยปรากฏขึ้นมาตั้งแต่สงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่หนึ่งแล้ว ในตอนนั้นมนุษย์ได้เผาป่าที่อยู่ด้านหลังศัตรูไปหลายครั้งจนทำให้เกิดไฟป่าที่ไม่ยอมดับอยู่หลายวัน ทำให้แนวหน้าของสนามรบไม่มีหมอกแดงเพียงพอ สุดท้ายมนุษย์ก็ได้ชัยชนะเล็กๆ ในศึกครั้งนั้นไป
และก็ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่พวกปีศาจได้รับบทเรียน พวกมันจึงมักจะทำลายป่า ทุ่งหญ้า ไปจนถึงที่นา เพื่อไม่ให้พวกมันถูกตัดเส้นทางการขนส่งหมอกแดง ชณะเดียวกันต่อให้พวกมันอยู่ในพื้นที่ที่มีหมอกแดงปกคลุม พวกมันก็มักจะสร้างหอคอยหินขนาดเล็กอย่างหอสังเกตุการณ์ขึ้นมาเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะขอเพียงในค่ายยังมีหมอกแดงเก็บเอาไว้อยู่ ต่อให้เส้นทางขนส่งหมอกแดงด้านหลังถูกตัดขาด พวกมันก็ยังอดทนรอจนกว่าไฟด้านหลังจะดับลงได้
เกรงว่าขวานเหล็กและทีมที่ปรึกษาคงจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวอย่างการรบที่กล่าวมาข้างต้น พวกเขาจึงได้วางแผนเผาเมืองนี้ขึ้นมา
ข้อดีของระเบิดนาปาล์มคือมันสามารถลุกไหม้ได้ด้วยตัวเอง ต่อให้ตรงนั้นเป็นที่โล่งๆ มันก็สามารถทำให้เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ แถมยังยากจะใช้น้ำดับได้ด้วย เพียงแต่ไม่มีใครที่จะคิดถึงว่าเปลวไฟมันจะทำให้เกิดการระเบิดปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองทั้งๆ ที่เพิ่งจะเผาไหม้ไปได้ไม่นาน
ถ้าให้แอคเซียฉายภาพระเบิดตอนนั้นขึ้นมาให้ดูใหม่ได้ก็คงดี โรแลนด์คิดอย่างเสียใจ ถ้าสามารถหาสาเหตุที่ทำให้มันระเบิดปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองได้ หลังจากนี้เขาก็จะสามารถใช้ระเบิดนาปาล์มมาสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับปีศาจได้
เสียดายที่เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ตอนนี้เมืองทัสก์น่าจะถูกหมอกแดงปกคลุมใหม่เรียบร้อยแล้ว การจะเข้าไปอีกนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
นอกจากนี้การใช้ระเบิดนาปาล์มไปจนเกลี้ยง 500 ถังในทีเดียวนั้นก็ทำให้โรแลนด์รู้สึกปวดใจเหมือนกัน เรื่องน้ำมันนั้นยังดีหน่อย ขอเพียงเพิ่มจำนวนแรงงานเข้าไปก็จะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้ แต่สิ่งสำคัญคือเลือดสัตว์ที่จะทำให้ของเหลวจากแมลงยางจับตัวเป็นป้อน ส่วนประกอบตรงนี้ไม่มีทางหามาจากที่อื่นเลยนอกจากจะต้องให้กองการเกษตรค่อยๆ เก็บรวบรวมมาให้
แต่ประชากรที่ได้รับกลับมาจากชัยชนะในครั้งนี้นั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด โรแลนด์ไม่เพียงแต่จะกล่าวชมขวานเหล็กไปในจดหมาย แต่เขายังส่งระเบิดนาปาล์มไปให้ขวานเหล็กเพิ่มอีก 100 กว่าถังด้วย
ข่าวดีที่สองก็คือในที่สุดโรงงานประกอบ ‘เฮฟเว่นเฟลม’ ก็ได้ผลิตเครื่องบินปีกสองชั้นสำเร็จเป็นลำแรก
หลังได้รับแจ้งข่าวจากอันนา เขาก็รีบพาทิลลีไปที่โรงงานทันที
โรงงานแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นมาพร้อมกับโรงเรียนอัศวินอากาศ เมื่อเทียบกับโรงงานเครื่องจักรไอน้ำที่สร้างขึ้นมาจากก้อนอิฐเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนแล้ว การออกแบบโรงงานแห่งนี้มีการคำนึงถึงความต้องการต่างๆ ที่ต้องใช้ในการผลิตระดับสูง โครงสร้างที่ทำขึ้นจากเหล็กก็ทำให้ด้านในโรงงานดูกว้างขวาง สามารถซ่อมแซมและประกอบเครื่องบินได้พร้อมกัน 10 กว่าลำ ไฟส่องสว่างถูกแขวนเอาไว้เต็มเพดาน บวกกับพื้นหินขัดมันที่่เป็นมันวาวนั้นยิ่งทำให้ที่นี่ดูโอ่อ่าหรูหรา
แม้แต่ตัวทิลลีเองก็ยังส่งเสียงอุทานออกมาตอนที่เดินเข้ามาในโรงงาน
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน เกรงว่าคงไม่แปลกถ้าพวกเขาจะมองว่าที่นี่เป็นพระราชวังแห่งหนึ่ง
ส่วนในด้านคนงานกับอุปกรณ์ โรแลนด์ก็ลงทุนไปเยอะเหมือนกัน ไม่เพียงแต่จะรวบรวมผู้ดูแลและคนงานที่มีประสบการณ์มากที่สุดจากแต่ละโรงงานมา แต่ยังมีการใช้เครื่องจักรรุ่นสามที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อรองรับการผลิตระดับสูง นี่ทำให้มันจึงกลายเป็นโรงงานที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดในเขตอุตสาหกรรม ถ้าไม่มีเครื่องลูน่าล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะต้องหยุดจ่ายไฟให้โรงงานอื่นๆ เพื่อที่จะให้มันดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่
เรียกได้ว่าผลสำเร็จและประสบการณ์ทุกอย่างในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของเมืองเนเวอร์วินเทอร์สะท้อนออกมาให้เห็นในโรงงานแห่งนี้จนหมด
โรแลนด์ได้ยินจากปากบารอฟว่าชาวเมืองเนเวอร์วินเทอร์ต่างรู้สึกภูมิใจที่ได้เข้ามาทำงานในโรงงานแห่งนี้
ตามแผนการที่วางเอาไว้ ในตอนที่โรงงานเปิดทำการอย่างเป็นทางการ ทุกตำแหน่งงานของโรงงานจะรับผิดชอบประกอบชิ้นส่วนหนึ่งอย่างโดยเฉพาะ ตั้งแต่ตำแหน่งงานแรกไปจนถึงตำแหน่งงานสุดท้ายจะเป็นการค่อยๆ ประกอบเครื่องบินจนเป็นรูปเป็นร่าง เริ่มตั้งแต่การประกอบโครงเครื่องบินทีละชิ้นๆ เชื่อมปีก ติดตั้งอุปกรณ์ ปูผิว แล้วก็เอาออกไปทดสอบนอกโรงงาน
แต่ตอนนี้สภาพในโรงงานยังไม่เข้าใกล้ภาพที่คิดเอาไว้เลย นอกจาก ‘เฮฟเว่นเเฟลม’ ที่กำลังทาสีอยู่ตรงใกล้ๆ ประตูโรงงานแล้ว ตำแหน่งงานอื่นๆ ล้วนแต่ยังว่างเปล่าอยู่
“เป็นยังไงบ้าง การผลิตมีปัญหาอะไรไหม?” โรแลนด์เดินเข้าไปหาอันนา
“มีเยอะแยะเลยเพคะ” อันนาส่ายหัว “พระองค์ทรงไม่รู้อะไร กว่าจะสร้างลำนี้ออกมาได้ พวกคนงานทำอะไหล่และวัตถุดิบเสียไปเท่าไร”
เมื่อเห็นท่าทางจนปัญหาของอีกฝ่าย โรแลนด์จึงหลุดหัวเราะขึ้นมา
ในตอนแรกที่ตัดสินใจจะสร้างเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ออกมา โรแลนด์ก็คิดถึงปัญหาของมันเอาไว้แล้ว ทั้งวัสดุในการผลิตและการประกอบติดตั้งใหม่ที่เป็นแบบใหม่ทั้งหมด การจะทำความเข้าใจมันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย แถมนี่เขายังพยายามหาวิธีในการลดความยากลำบากในการผลิตลงแล้วด้วย
อย่างเช่นในการเชื่อมต่อชิ้นส่วนของเครื่องบินก็มีการใช้เทคโนโลยีหมุดย้ำด้านเดียวแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อการนี้แล้วเขาถึงกับสร้างสายการผลิตขึ้นมาใหม่เป็นการเฉพาะสายหนึ่ง เพื่อใช้ในการสร้างหมุดย้ำชนิดต่างๆ ที่ต้องใช้ในการสร้างเครื่องบินปีกสองชั้น เมื่อเทียบกับหมุดย้ำสองหน้าแบบดั้งเดิม หมุดย้ำแบบหน้าเดียวนั้นทำให้คนงานทำงานได้ง่ายขึ้นและสะดวกต่อการติดตั้งด้วย
นอกจากนี้เขายังเอาประสบการณ์จากการต่อโมเดลเมื่อก่อนนี้มาใช้ด้วยการตอกหมายเลขลงไปบนชิ้นส่วนทั้งหมด แล้วก็ใช้แปลนในการแสดงขั้นตอนการประกอบแต่ละขั้นตอนออกมา นอกจากนี้ยังมีการทำข้อต่อแบบง่ายๆ ในชิ้นส่วนที่มีการซับซ้อนเพื่อลดโอกาสที่จะประกอบผิดพลาด
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ในช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา เหล่าคนงานก็ยังทำเครื่องบินออกมาได้แค่ลำเดียว นี่แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของมัน
“อย่างนั้นเจ้าได้ลองลงไปจัดการเองไหม?” จู่ๆ ทิลลีก็ถามขึ้นมา
“เปล่า…” อันนายักไหล่ มีแต่ตอนที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอถึงจะทำท่าปล่อยตัวตามสบายแบบนี้ออกมา “ฝ่าบาททรงให้ข้าคอยสั่งการเท่าไร ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ก็ต้องให้พวกเขาเป็นคนแก้ไขปัญหาเอง ถึงแม้จะมีอยู่หลายครั้งที่ข้าเกือบจะทนไม่ไหวก็ตาม”
ทิลลียิ้มขึ้นมา “แต่ความจริงแล้วเจ้าก็มีความสุขมากใช่ไหมล่ะ? เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็ยังสำเร็จออกมาหนึ่งลำ”
อันนายิ้มมุมปากขึ้นมา “รู้อยู่แล้วเชียวว่าไม่มีทางปิดเจ้าได้”
“มีลำแรกแล้วก็ต้องมีลำที่สอง เอาไว้คนงานทั้งหมดมาทำงานแล้ว ข้าคิดว่าไม่นานคงจะผลิตเครื่องบินออกมาได้มากขึ้นแน่นอน” ทิลลีชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอกวาดตามองไปทางโรแลนด์ “ตอนนี้ท่านควรจะชมนางไม่ใช่เหรอ”
“ข้าไม่เคยคาดหวังให้เขามาชมข้าเลย” อันนามุ่ยปาก
“หา?” โรแลนด์ทำหน้างุนงง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? คุยกันเรื่องเครื่องบินอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงวกมาหาเขาได้ล่ะ?”
ทันใดนั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา “ฝ่าบาท เฮฟเว่นเฟลมลำแรกพร้อมที่จะออกจากโรงงาน พิธีเฉลิมฉลองสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์หันความสนใจกลับมาที่เครื่องบินสองปีกอีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่าบนตัวเครื่องบินสีเทาอ่อนมีสัญลักษณ์ที่วาดเพิ่มขึ้นมาสองตำแหน่ง หนึ่งคือตราสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์เกรย์คาสเซิล อีกอันหนึ่งคือรูปอัศวินยกหอกขึ้นมาพร้อมกับกางปีกทั้งสองข้าง ดูแล้วยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก แต่เขารู้สึกเหมือนว่ามันยังขาดอะไรบางอย่างไปอยู่…
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ จากนั้นเขาจึงโบกมือสั่งการ “เอาริบบิ้นมาผูก!”
ไม่นานริบบิ้นสีแดงสดก็ถูกเอาขึ้นไปผูกไว้บนเครื่องบิน แถมตรงใบพัดตรงหัวเครื่องบินยังมีดอกไม้สีแดงดอกใหญ่ติดเอาไว้ด้วย
เยี่ยมมาก เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เท่านี้เฮฟเว่นเฟลมก็พร้อมที่จะออกจากโรงงานแล้ว
จากนั้นก็เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ ตัดริบบิ้นและถ่ายรูป โรแลนด์ อันนา ทิลลี…แต่คนงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกแบบและผลิตเครื่องบินทั้งหมดต่างมายืนอยู่ด้วยกัน ด้านหลังคือเครื่องบินปีกสองชั้นหมายเลข 001 ลำใหม่ล่าสุด
“มองทางนี้….1 2 3!”
โซโรย่าเรียกพู่กันเวทมนตร์ออกมาบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้เอาไว้
……………………………………………………….