บทที่ 598 เห็นเป็นพี่น้อง

The king of War

เสี้ยวเสี้ยวรีบพยักหน้า “หม่าม้ากับปะป๊าไม่ต้องห่วงนะคะ! เสี้ยวเสี้ยวโตแล้ว จะไม่เพิ่มปัญหาให้หม่าม้าปะป๊า ปะป๊าหม่าม้าทำงานได้เต็มที่เลยค่ะ”

เห็นท่าทางที่รู้ภาษาของลูกสาว ฉินซีทำหน้าปลื้มใจ

“เสี้ยวเสี้ยว คิดถึงปะป๊ารึเปล่า?”

เวลานี้ หยางเฉินเดินออกมาจากในห้องน้ำ หัวเราะดีใจปรากฏตัวอยู่ที่หน้ากล้อง

“ปะป๊า!”

เสี้ยวเสี้ยวมองเห็นหยางเฉิน เรียกไปด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยวคิดถึงปะป๊าแล้ว!”

ได้ยินคำพูดของลูกสาว หยางเฉินก็หน้าตายิ้มแย้ม

สองสามีภรรยาพูดคุยเป็นเพื่อนเสี้ยวเสี้ยวสักพักหนึ่ง ถึงกำชับให้เสี้ยวเสี้ยวไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน

ฉินยีปรากฏตัวอยู่ในเลนส์กล้อง ยิ้มบอกว่า “พี่ พี่เขย พวกพี่เลี้ยงลูกสาวได้ดีคนหนึ่งเลยนะ!”

“ความจริงเมื่อวานเลิกเรียนกลับบ้านมา เห็นพวกพี่ไม่อยู่บ้าน หล่อนก็คิดถึงพวกพี่มากเลย”

“ช่วงค่ำตอนเข้านอน ถึงมาบอกฉันว่า หล่อนคิดถึงพวกพี่แล้ว แต่บอกฉันแบบหนักแน่นมากว่า ปะป๊ากับหม่าม้าทำงานยุ่ง หล่อนจะไม่โทษพวกพี่”

ได้ยินคำพูดของฉินยี ชั่วขณะนั้นสองสามีภรรยาเงียบนิ่ง ในสายตาล้วนเป็นความรู้สึกผิดและตำหนิตนเอง

“พอแล้ว พวกพี่ไม่ต้องทำท่าทางรู้สึกผิดต่อเสี้ยวเสี้ยวหรอก เป็นลูกสาวของพวกพี่ได้ เสี้ยวเสี้ยวก็มีความสุขมากแล้ว”

ฉินยีไม่อยากเพิ่มความกดดันให้สองสามีภรรยาอีก หัวเราะแล้วบอกว่า “นี่ไม่ใช่แค่ไม่เจอกันสองวันเองเหรอ? รอต่อไปเสี้ยวเสี้ยวโตขึ้นไปเข้ามหาวิทยาลัย จากนั้นแต่งงานแล้ว พวกพี่จะไม่ตายกันเลยรึไง?”

ถึงแม้จะกำลังปลอบใจทั้งสองคน แต่ว่าในใจหยางเฉินและฉินซียิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม

“เอาล่ะๆ ดูท่าทางพวกพี่เสียใจขนาดนี้ ไม่พูดเรื่องเสี้ยวเสี้ยวแล้ว พวกเราคุยเรื่องน่ายินดีหน่อย”

ฉินยีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ตอนนี้ได้ครองธุรกิจที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดของเจียงผิงและหนันหยังสองมณฑลนี้แล้ว”

“ถึงแม้เป็นเพียงบริษัทสาขา แต่ว่ากำไรครองพื้นที่หนึ่งในห้าของสำนักงานใหญ่เลยนะ ถ้าว่าตามระดับการพัฒนาอันนี้ต่อไป ใช้เวลาไม่นานมาก บริษัทสาขาสามารถตั้งเป็นกิจการยักษ์ใหญ่แห่งใหม่ได้อีกครั้งเลย”

“พี่เขย ถ้าไม่อย่างนั้นพี่สร้างบริษัทใหม่อีกแห่งสิ ฉันช่วยพี่บริหาร?”

หยางเฉินหัวเราะแล้ว “เธอชอบบริหารขนาดนี้เลย?”

ฉินยีทำลักษณะท่าทางภูมิใจ “นั่นมันแน่อยู่แล้ว พี่ไม่ดูหน่อยว่าฉันเป็นใคร? ตอนนี้ฉันเป็นประธานสาวสวยอันดับหนึ่งของเจียงหนันนะ พี่สาวฉันยังเป็นแค่ประธานสาวสวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว ระดับของฉันสูงกว่าของพี่สาวฉันขั้นหนึ่งเลยนะ”

ผู้คนมากมายนำเจียงผิงและหนันหยังสองมณฑลนี้รวมกัน เรียกเป็นเจียงหนัน

ดูท่าทางภูมิใจของฉินยี ฉินซีพูดอย่างอารมณ์เสีย “ตอนนี้เธอเก่งกาจแล้ว จนพี่สาวเธออย่างฉันสู้ไม่ได้แล้วด้วย”

“ฮ่าๆ……”

สองสามคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“เดิมทีฉันกังวลอยู่ว่า เอาสาขานั้นที่เจียงโจวให้เธอรับผิดชอบ จะสร้างความกดดันให้เธอมากไปรึเปล่า ตอนนี้ดูแล้ว เป็นฉันคิดมากไปเอง” หยางเฉินหัวเราะบอกไป

“จะเป็นไปได้ยังไง? ฉันยังไม่พอใจที่ท้าทายน้อยเกินไปซะอีก” ฉินยีพูดขึ้น

ใครจะรู้ ฉินยีเพิ่งพูดจบ หยางเฉินก็บอกว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ตัดสินใจได้สบายๆ แล้ว เธอกับพ่อ ยังมีเสี่ยวซีมาช่วยฉันที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสำนักงานใหญ่ด้วยกัน”

“ในช่วงเวลานี้ พวกเธอรีบพยายามหาคนรับช่วงต่อที่เหมาะสมสักคนมาแทนที่พวกเธอ”

หยางเฉินรีบพูดตัดสินใจ

“พี่เขย ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น พี่ไม่ต้องมาเติมเต็มความอยากบริหารของฉันก็ได้ มาให้ท้ายฉันแบบนี้ ไม่อย่างนั้นฉันหลงรักพี่เข้า จะให้คำอธิบายกับพี่สาวฉันฟังยังไงกัน?”

ฉินยีพูดแบบกึ่งตกใจกึ่งล้อเล่น

ฉินซีถลึงตาใส่ฉินยีทีหนึ่ง “ขอแค่เธอแย่งไปได้ จะให้เธอฟรีเลย!”

ฉินยีหัวเราะชั่วร้ายครู่หนึ่ง “งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ หึๆ!”

ความสัมพันธ์ของฉินซีและฉินยีดีมาก การล้อเล่นแค่นี้ จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง

“พูดเล่นก็ส่วนพูดเล่น เมื่อกี้ที่ฉันพูดจริงใจทั้งหมด เธอบอกพ่อสักหน่อย พยายามเอางานในมือจัดสรรลงไปให้ไว เตรียมไปเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสำนักงานใหญ่”

หยางเฉินไม่วางใจ พูดกำชับอีกครั้ง

“พี่เขยวางใจได้ ฉันนึกถึงวันนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นพอเริ่มต้นก็อบรมคนรับช่วงต่อที่เหมาะสมไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงพี่ไม่มีปัญหาอะไร ฉันสามารถมอบหมายงานให้ได้ทุกเมื่อ”

ฉินยีก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน

หยางเฉินพยักหน้า “คนที่เธอจัดเตรียม ฉันวางใจอยู่แล้ว”

สองพี่น้องคุยเล่นกันขึ้นมา หยางเฉินเดินไปด้านข้าง ต่อสายโทรศัพท์ออกไปสายหนึ่ง “นายจัดเตรียมตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสามที่เอาไว้”

“ครับ ท่านประธาน!”

ลั่วปิงรีบตอบรับทันที พูดต่อไปอีกว่า “ท่านประธานครับ มีเรื่องหนึ่ง ผมต้องรายการคุณสักหน่อยครับ ซ่งหวายี่ของตระกูลซ่ง กำลังค้นหาคุณครับ”

หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว ถึงแม้ไม่สนใจว่าคนอื่นจะค้นหาตนเอง แต่ว่าถูกตรวจสอบ เขาก็ยังไม่พอใจมากอยู่ดี

“ให้เขาค้นหาไปตามสบาย!” หยางเฉินตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง

“ครับ!”

ทั้งคืนไม่ได้พูดอะไรกัน เช้าตรู่วันต่อมา ฉินซีออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า

ถึงแม้ว่าเธอตัดสินใจแล้วว่า จะเข้ามาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งซานเหอกรุ๊ปเป็นกิจการที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยมือตนเอง มาเมืองเยี่ยนตูครั้งนี้ เดิมก็คือเพื่อเปิดตลาดที่เมืองเยี่ยนตู

ต่อให้อยากเข้าไปเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เธอก็ต้องจัดการเรื่องราวของซานเหอกรุ๊ปให้เรียบร้อยก่อน

หยางเฉินไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว ในห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ที่ชั้นบนสุด ลั่วปิงยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉิน ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งด้วยมือทั้งคู่ “ท่านประธานครับ นี่คือเอกสารมอบอำนาจที่ผมร่างขึ้น ในนามของสำนักงานใหญ่ ท่านดูหน่อยครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ขอเพียงท่านเซ็นชื่อ ก็สามารถประกาศออกไปได้ทุกเมื่อครับ”

หยางเฉินรับเอกสารเข้ามาดูแล้ว เพียงแต่ไม่นานนัก เขาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

มองเห็นหยางเฉินขมวดคิ้ว ลั่วปิงประหม่าขึ้นมาอยู่บ้างทันใด

“ใครบอกนาย ว่าฉันจะลดตำแหน่งของนายลง?”

ทันใดนั้นหยางเฉินมองทางลั่วปิง ทำหน้าไม่พอใจ ถือโอกาสฉีกเอกสารที่จะลดตำแหน่งลั่วปิงฉบับนั้นขาดเป็นชิ้นๆ

“ท่านประธาน ผม……”

ลั่วปิงตื่นตะลึง กำลังอยากจะอธิบาย ได้ยินหยางเฉินบอกว่า “ฉันเคยบอกนายไปตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อฉันให้นายมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป นั่นก็คือเชื่อใจนาย”

“ทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นนายใช้ความสามารถและความซื่อสัตย์ของตัวเองแลกมา จะว่าไป ฉันเคยเห็นนายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตั้งแต่เมื่อไร?”

“ฉันให้นายจัดเตรียมตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสามตำแหน่ง ไม่ใช่อยากให้นายลดตำแหน่ง ต่อไป นายยังเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ตอนนี้เป็น ต่อไปก็ยังเป็น”

เห็นท่าทางตกใจกลัวของลั่วปิง หยางเฉินอดตักเตือนและตำหนิไม่ได้ น้ำเสียงอ่อนลงมามากแล้ว เอ่ยปากบอกว่า “ตั้งแต่วินาทีนั้นที่ฉันส่งนายมาเมืองเยี่ยนตู ก็เห็นนายเป็นพี่น้องแล้ว”

ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ดวงตาลั่วปิงแดงแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความประทับใจ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า“เห็นนายเป็นพี่น้อง”ของหยางเฉินนั้น ยิ่งทำให้เขามีความรู้สึกตื่นเต้นจนอยากร้องไห้

ลั่วปิงสีหน้าดูตื้นตันใจเต็มเปี่ยม รีบบอกว่า “ขอบคุณครับท่านประธาน!”

สำหรับลั่วปิง หยางเฉินเป็นความรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ

ในไม่กี่เดือนนี้ที่เขากลับมา ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว หรือว่าส่งเขาไปที่ฉิงเหอกรุ๊ปของเมืองโจวเฉิง รวมทั้งให้เขาเสี่ยงอันตรายมาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสำนักงานใหญ่ ลั่วปิงล้วนไม่เคยบ่นแต่อย่างใด

ไม่เพียงแค่นี้ ลั่วปิงยังทำได้ดีมากด้วย หยางเฉินไม่เคยเป็นกังวลอะไรทั้งสิ้น

“เอาล่ะ ต่อไปอยู่ต่อหน้าฉัน ไม่ต้องเคารพนอบน้อมขนาดนี้ ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดอะไร ยังกลัวฉันจะกินนายรึไง?”

บนหน้าหยางเฉินเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา

ลั่วปิงหัวเราะแบบไร้สาเหตุทีหนึ่ง จากนั้นพูดจาด้วยท่าทางจริงจัง “ท่านประธานครับ ผมรู้ว่าท่านเห็นความสำคัญของผม แต่ผมยังยืนยันจะให้ภรรยาท่านมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปครับ ไม่ว่าอย่างไร เธอก็เป็นภรรยาของท่าน ให้ผมควบคุม จะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร”

“มีอะไรเหมาะสมกัน?” หยางเฉินทำหน้าเคร่งขรึมพูดขึ้น