ก่อนตาย บนใบหน้าของหยางจ่านหัวเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เขาคิดไม่ออก ว่าเหตุใดเยี่ยนจ้าวเกอจึงกล้าฆ่าเขา กล้าสังหารเขาต่อหน้าคนในสำนักของเขา!
ถ้าหากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอแอบฆ่าเขาทิ้ง จากนั้นก็เร้นกาย ถึงเขาจะไม่คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะหนีรอดได้ แต่ก็เป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล
กระนั้นในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกลับตั้งใจไว้ชีวิตเขา รอจนคนในสำนักของเขามาถึงจึงค่อยลงมือ
สำหรับหยางจ่านหัว นี่ไม่ใช่เพราะขวัญกล้าเทียมฟ้า แต่เป็นเพราะความบ้าคลั่ง
‘เหตุใดเขาถึงกล้าทำเช่นนี้? เขามีความมั่นใจอะไรถึงได้ทำแบบนี้์? เขาทำเช่นนี้โดยอาศัยอะไร?’
แม้แต่หยางจ่านหัวที่มาจากสำนักแสงสว่าง มีพลังฝึกปรือสูงล้ำ มีประสบการณ์มากมาย ในตอนนี้ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
อาศัยร่างแยกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นหรือ? ใช่ ถูกต้อง ร่างแยกระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองนี้มีพลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด ทั้งยังครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้อีกด้วย
อาศัยไม้ไผ่แปลกประหลาดนั่นหรือ? ใช่ ถูกต้อง ในชีวิตของหยางจ่านหัว เขาไม่เคยเห็นของวิเศษพิสดารที่ทำลายอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำได้ง่ายดาย เหมือนกับการตีแก้วให้แตกมาก่อน
อาศัยวังที่เต็มไปด้วยปราณมังกรแห่งนี้หรือ? ใช่ ถูกต้อง วังฝูงมังกรแห่งนี้สามารถขังยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองอย่างตนได้ชั่วคราว
ทว่าทั้งหมดนี้ เมื่อรวมไว้ด้วยกันแล้ว ยังไม่มากพอจะทำให้คนคนหนึ่งตัดสินใจอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้จัดการยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามได้หรือไม่ ยังไม่มีใครทราบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามคน
หยางจ่านหัวรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองกำลังไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง ม่านตาค่อยๆ สูญเสียประกายแสงและเริ่มพร่าเลือน
ภาพสุดท้ายที่ปรากฏในคลองจักษุของเขา เป็นประตูที่เปิดออกของวังฝูงมังกร และเห็นเงาคนสามคนปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกลออกไป
หลิวเฟิง ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม เป็นแขกของสำนักแสงสว่าง ไม่ใช่ศิษย์สายตรงเหมือนกับผู่เจี๋ย แต่ว่ามีพลังฝึกปรือน่าทึ่ง สามารถสยบโลกแปดพิภพได้
ซุนฮ่าว ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ศิษย์สายตรงของสำนักแสงสว่าง ฝึกฝนท่าตะวันจันทราผสมผสานซึ่งเป็นหนึ่งในสามวิชาสายตรงของสำนักแสงสว่าง ซึ่งได้รับการขนานนามร่วมกับวิชารัศมีสาดส่องที่ตนฝึกฝน ว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เติ้งเซิน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ อาจารย์อาสายตรงของตน ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักแสงสว่างที่ลงมายังแปดพิภพในครั้งนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าหลิวเฟิงและซุนฮ่าว
หยางจ่านหัวเชื่อว่า ต่อให้เยี่ยนตี๋ที่ทะเลตะวันออกผู้นั้นจะมีพลังฝึกปรือเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แต่ขอแค่เติ้งเซินลงมือ อีกฝ่ายก็ไม่อาจทำอะไรได้
และหากยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนนี้ลงมือ หยางจ่านหัวจินตนาการไม่ออกเลยว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะรับมือได้อย่างไร
แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว
เพราะคมหอกของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกทำลายชีวิตของเขาจนหมดสิ้น!
หลังจากผู่เจี๋ย ต่อด้วยหยางจ่านหัว ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองซึ่งได้รับวรยุทธ์สายตรงจากสำนักแสงสว่าง เสียชีวิตลงที่เขากว่างเฉิง!
ทุกคนล้วนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
ยามนี้ แต่ละคนไม่มีความคิดอื่นอีก เพียงตกตะลึงจนชินชา
แต่ว่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของสำนักแสงสว่างทำให้ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน หัวสมองแทบขาวโพลน
หลังจากทั้งสามเข้ามาใกล้ ที่ว่างรอบๆ เขากว่างเฉิงต่างสั่นไหว ฟ้าดินคล้ายกับได้รับแรงกดดันบางอย่าง พร้อมจะพังทลายได้ตลอดเวลา
พลังอันแข็งแกร่งที่เหมือนจะเหนือกว่าขีดจำกัดของจักรวาล กำลังดันม่านฟ้าให้ทะลุ
พวกเติ้งเซินล้วนเห็นการตายของหยางจ่านหัว
ยอดฝีมือทั้งสามรู้สึกงงงวย ทั้งหมดนึกไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะฆ่าหยางจ่านหัวต่อหน้าพวกเขา โดยไม่ปราณีแม้แต่น้อย
หลังจากงงงัน ความโกรธเกรี้ยวก็ปรากฏ
เติ้งเซินซึ่งแข็งแกร่งที่สุด และเป็นอาจารย์อาสายตรงของหยางจ่านหัวก้าวเท้าออกมาเก้าหนึ่ง มาอยู่ในวังฝูงมังกรในชั่วพริบตา
บริเวณที่เขาเคลื่อนผ่าน ที่ว่างพลันพังทลาย ลวดลายแสงหลายสายของค่ายกลนภาแตกสลาย กระจายอยู่กลางอากาศ
เมื่อเติ้งเซินมาอยู่ในวังฝูงมังกร ก็ทำให้ปราณมังกรในวังกระเพื่อมขึ้น
แต่ว่าประกายแสงรอบตัวเติ้งเซินเจิดจ้า กระแทกปราณมังกรหลายสาย ฟาดฝ่ามือใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถูกกระแทกจนถอยกรูด ก่อนที่เติ้งเซินรับร่างของหยางจ่านหัว แล้วเติมญาณจริงแท้ของตนไปในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของหยางจ่านหัวเริ่มเปล่งประกาย ผิวคล้ายกับมีสีเลือด แต่ว่ายังคงไร้ลมหายใจ
ใบหน้าของเติ้งเซินเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง เขากระเพื่อมญาณจริงแท้อย่างต่อเนื่อง พยายามเรียกชีวิตของศิษย์หลานขึ้นมา
แสงสว่างที่ไม่ขาดตอนของวิชารัศมีสาดส่อง และจิตพลังที่ไม่มีวันดับเติมเต็มสี่ทิศ
หลิวเฟิงซึ่งเป็นแขกของสำนักแสงสว่างเห็นวังฝูงมังกร สัมผัสปราณของมังกรที่เต็มเปี่ยมด้านใน ดวงตาอดทอประกายขึ้นไม่ได้
เขาพุ่งเข้ามาในวังฝูงมังกร สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏสีหน้าชมเชย “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่นี่จะมีลมปราณมังกรที่เต็มเปี่ยมขนาดนี้ การลงมาในครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว”
ในขณะที่เติ้งเซินใช้ฝ่ามือกดลงกลางหลังหยางจ่านหัว เขาก็กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หลิวเฟิง สังหารคนที่อยู่ที่นี่ให้หมด”
หลิวเฟิงยกฝ่ามือขึ้นฟาดใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ละอองแสงสีแดงหลายสายพลันเติมเต็มวังฝูงมังกรอย่างสิ้นเชิง
วังฝูงมังกรสั่นไหวอย่างสะเทือนเลือนลั่น ดูเหมือนกำลังจะพังทลาย
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่มีเกราะเหมันต์ทระนงตั้งหอกเกล็ดมังกรขึ้น ใช้หอกเทพสมุทรสุดขอบโลกปะทะกับหลิวเฟิงโดยไม่ถอย
แต่ว่าละอองเลือดสีแดงทอดตัวไร้สิ้นสุด พันคอมหอกของหอกเทพสมุทรสุดขอบโลกจนไม่อาจเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้
ละอองแสงอันน่ากลัวม้วนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก จำกัดเกราะเหมันต์ทระนง
ในตอนนี้ทะเลน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่ถึงกับค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีแดง
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย ‘สามารถสู้กับท่านพ่อในตอนที่เลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ได้’
หลิวเฟิงจุ๊ปากชมเชยเช่นกัน “เป็นท่าหอกที่ยอดเยี่ยม ความสามารถก็ยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายกลับไม่ทราบชั่วดี ถ้าหากมอบของวิเศษออกมา สวามิภักดิ์ต่อสำนักแสงสว่าง ใช่ว่าไม่อาจคว้าอนาคตที่ดีได้ แต่ว่าเจ้าฆ่าศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสในสำนักแสงสว่าง ยังฆ่าแขกที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง ก็ย่อมไม่มีใครปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว”
“ขอเตือนว่าอย่าดิ้นรนดีกว่า ตายด้วยน้ำมือของข้ายังถือว่าดี หากให้ผู้อาวุโสเติ้งลงมือ เจ้าจะตายอย่างน่าอนาถนัก”
พลังฝ่ามือของเขากลายเป็นแสงสีแดงพุ่งไปด้านหน้า กระแทกใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจนสั่นไหวไม่หยุด ร่างถอยไปด้านหลัง เกราะเหมันต์ทระนงส่งเสียงโหยหวน
ทว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่รีบไม่ร้อน มุมปากปรากฏรอยยิ้ม “ข้าจะเป็นอย่างไรท่านไม่ต้องห่วง ข้าเพียงทราบว่า พวกท่านสองคนจะตายอย่างน่าอนาถนัก”
“หือ?!” สีหน้าของเติ้งเซินกับหลิวเฟิงพลันเปลี่ยนไปพร้อมกัน
ประตูของวังฝูงมังกรปิดลงอย่างสะเทือนเลือนลั่น!
มิติด้านในวังเปลี่ยนแปลง พลันกลายเป็นมิติปั่นป่วนที่ทับซ้อนกันนับไม่ถ้วน คล้ายกับโลกใบเล็กมากมายสานกันกลายเป็นตาข่าย
มีพลังสีดำน่ากลัวมากมายพรั่งพรูออกมาจากในมิติแต่ละที่เหมือนกับหมึกเข้ม
ปราณความตายที่หนาแน่นถึงขีดสุดจับตัวกันแน่นหนา กลายเป็นปราณแห่งความมอดม้วยที่น่ากลัวเติมเต็มวังฝูงมังกร
ปราณแห่งความมอดม้วยเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งน่าพรั่นพรึง พุ่งหาเติ้งเซินกับหลิวเฟิงด้วยสภาวะม้วนฟ้า!
“เหตุใดถึงมีปราณแห่งความมอดม้วยที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้? ปราณแห่งความมอดม้วยเช่นนี้แทบจะทำลายแปดพิภพทั้งหมด!” สีหน้าของเติ้งเซินและหลิวเฟิงเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน “ปราณ…ปราณมังกรของที่นี่รวมตัวกันหลังจากเผ่ามังกรตาย นอกจากปราณมังกรยังมีปราณความตายไร้สิ้นสุด มีมังกรตายไปมากขนาดไหนกัน?”
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในตอนนี้ถอยเข้าไปในมิติปั่นป่วนโดยการชี้นำของวังฝูงมังกร
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะร่า “ตั้งแต่ต้นจนจบ ปราณความตายเป็นภัยซ้อนเร้น หากไม่ทำลายให้หมด ข้าก็ไม่อาจหลอมปราณมังกรที่นี่อย่างสบายใจได้ จึงรอให้มีคนมาช่วยข้ารับหายนะนี้ไว้ วันนี้ข้าขอกำหนดเป็นพวกท่านสองคนแล้วกัน”