ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 583 ชอบเสแสร้ง จนตายเพราะเสแสร้ง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

วังฝูงมังกรกำลังสั่นไหว เหมือนพร้อมจะพังทลายได้ตลอดเวลา

ปราณแห่งความมอดม้วยที่น่ากลัวกลายเป็นคลุ้มคลั่ง ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการทำลายด้านในวังเท่านั้น ยังขยายออกไปยังโลกด้านนอกด้วย

ปราณแห่งความมอดม้วยนี้ เหมือนกับหายนะวันสิ้นโลกแทบจะทำลายโลกทั้งใบ

ในอดีต สุสานมังกรเคยเกิดเรื่องเช่นนี้หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งนำมาซึ่งภัยพิบัติทำลายล้างเหมือนวันสิ้นโลกบนโลกผืนสมุทรที่อยู่ใกล้สุสานมังกรที่สุด ทำให้โลกแห่งนั้นยากจะฟื้นฟู ทุลักทุเลอยู่หลายปี

หลายครั้งนี้เป็นเพราะการสัมผัสของต้องห้ามโดยคนที่เข้าไปหาสมบัติในสุสานมังกร ก่อให้เกิดการปล่อยปราณแห่งความมอดม้วยส่วนหนึ่งออกมาด้านนอก

และในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจงใจเหนี่ยวนำ ปราณแห่งความมอดม้วยที่สะสมอยู่ในวังฝูงมังกรจึงถูกปล่อยออกมาทั้งหมด

ซากมังกรส่วนใหญ่ที่ก้นหุบเหวเหมันต์บรรพกาลในสุสานมังกรตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ และถูกเก็บไว้ในวังฝูงมังกรทั้งหมด

ตอนนี้คลื่นคลั่งทำลายล้างซึ่งเกิดจากการปล่อยปราณแห่งความมอดม้วย ทั้งหมดสามารถกวาดล้างแปดพิภพ ทำให้โลกใบนี้เดินไปสู่จุดจบได้

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่กังวล เขาต้องการสังหารยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามของอีกฝ่าย แต่ไม่คิดจะตกตายร่วมกัน

เป็นเพราะการดำรงอยู่ของเติ้งเซินและหลิวเฟิง โลกแปดพิภพจึงเกิดปัญหาอย่างไม่คาดคิด

ในตอนนี้ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามทั้งสองคนได้แต่ฝืนใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง เพื่อป้องกันคลื่นทำลายล้างเบื้องหน้า

กระนั้นพลังอันน่ากลัวที่แทบจะล้างโลกนี้ มาตรว่าจะเป็นพวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้!

เติ้งเซินเห็นว่าผิดท่า คิดจะทำลายการจำกัดจากพลังแห่งเขตแดน ฟื้นฟูพลังที่แท้จริงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ เพื่อลอยออกจากแปดพิภพ

แต่ว่าเขาถูกปราณแห่งความมอดม้วยม้วนไว้ ทำให้ก้าวเท้าไม่ออก!

และการกระทำนี้ได้เหนี่ยวนำทำให้พลังแห่งความมอดม้วยจำนวนมากกว่าเดิม ซัดใส่ร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง!

ภายใต้การกระแทกโดยปราณแห่งความมอดม้วยดุจฟ้าดุจทะเล เติ้งเซินและหลิวเฟิงเจอความทรมานเหมือนถูกถลกหนัง ทั่วทั้งร่างดับสูญ!

“เด็กน้อย เจ้าจะต้องไม่ตายดี!” ทั่วทั้งร่างของเติ้งเซินเปล่งแสงอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับดับลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ละอองแสงสีแดงคุ้มกายของหลิวเฟิงที่อยู่ด้านข้างค่อยๆ สลายไปด้วย

ยอดฝีมือสำนักแสงสว่างไม่ว่าจะเป็นใครล้วนทำอะไรบนโลกแปดพิภพได้ตามใจ ทว่าตอนนี้ได้แต่ถลึงตามองตัวเองถูกคลื่นทำลายล้างกลืนกิน!

ซุนฮ่าว ยอดฝีมือสำนักแสงสว่างซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามอีกคนที่อยู่ด้านนอกวังฝูงมังกร ไม่ได้เข้ามาในภายใน เพียงรั้งอยู่ด้านนอก

เพราะเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรับมือเติ้งเซินกับหลิวเฟิงได้

ในความจริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องช่วยเหลือหยางจ่านหัว เข้าไปเพียงคนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว

ในตอนที่ซุนฮ่าวเห็นประตูของวังฝูงมังกรปิดลงอย่างสะเทือนเลือนลั่น เขาค่อยๆ ส่ายหน้า “ไร้เดียงสานัก”

ซุนฮ่าวมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านนอกวังฝูงมังกร ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “เขียดที่คอยมองท้องฟ้าอยู่ตรงก้นบ่อ ครั้นตัวเองกระโดดใกล้ปากบ่อได้ ก็คิดว่าเป็นเรื่องเยี่ยมยอดแล้ว”

“คิดว่าตัวมันที่กระโดดถึงปากบ่อสุดยอดนั้นเป็นที่สุดในโลก สูงเสมอฟากฟ้า”

“แต่ความจริงแล้ว โลกใบนี้กว้างไกลกว่าขีดจำกัดที่เจ้าจะหยั่งถึง”

“บนโลกใบนี้มีคนที่แข็งแกร่งจนเจ้าไม่อาจจินตนาการถึงยืนอยู่ในระดับที่เจ้าไม่อาจเข้าใจ”

“ต่อให้เจ้าหนีออกจากปากบ่อ คิดบดขยี้เจ้าก็ง่ายเหมือนเพียงยกมือเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังอยู่ในบ่อน้ำไม่ใช่หรือ?”

ซุนฮ่าวมีน้ำเสียงราบเรียบ เขายกมือหนึ่งขึ้น ใจกลางฝ่ามือมีเงาแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงสลับกัน แสงสว่างและความมืดผสมผสาน

ฝ่ามือเดียวได้แสดงความน่าอัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงระหว่างแสงสว่างและความมืด รวมถึงกฎเกณฑ์ในการขึ้นของดวงอาทิตย์และการตกของดวงจันทร์

“มองจากอีกมุม คำพูดของท่านถือว่าไม่ผิด คนจำเป็นต้องประมาณตนจริงๆ เพื่อจะได้ไม่เป็นเช่นเขียดก้นบ่อ” เยี่ยนจ้าวเกอมองอีกฝ่าย บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาด “แต่ว่า คำพูดนี้ใช้กับท่านและข้าได้ทั้งคู่ พวกเรารับไว้ด้วยกันเถอะ”

สีหน้าของซุนฮ่าวไร้อารมณ์และไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย สายตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับกำลังมองฝุ่นไร้ชีวิต

“ถึงจะไม่ชอบออกจากโลกซ้อนโลกมายังโลกที่อยู่เบื้องล่าง แต่ว่าหลายปีมานี้ก็ไปมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”

“พอได้ไปยังโลกหลายใบ ข้าก็ได้เจอคนที่นั่งอยู่ก้นบ่อคอยมองฟ้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างเจ้ามามากมายนัก”

“แต่ละคนล้วนมีคุณสมบัติไม่ธรรมดา จิตใจสูงส่งกว่าฟากฟ้า เป็นยอดฝีมือในโลกใบน้อยของตัวเอง พวกเขาต่างคิดว่าตัวเองมีพลังแข็งแกร่ง สยบใต้หล้าโดยไร้ข้อกริ่งเกรง ไม่ว่าฟ้าและดินจะกว้างใหญ่ขนาดไหน ล้วนคิดว่าตัวเองไปได้ และมีอิสระเสรี”

“แต่สุดท้ายพวกเจ้าจะพบว่า ตัวเองเป็นแค่ฝุ่นใ นสายตาของคนบนโลกซ้อนโลกอย่างข้า สามารถทำให้พวกเจ้าหายไปได้ตลอดเวลา”

ซุนฮ่าวกดฝ่ามือลง แสงและความมืดผสมกัน ตะวันและจันทราคล้ายกับกำลังแย่งชิงแสงสว่าง ที่ว่างเกิดการบิดเบี้ยว

สภาวะฝ่ามืออันบ้าคลั่งคิดฟาดใส่เยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านใต้ให้กลายเป็นผุยผงในคราวเดียว

จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเขากว่างเฉิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกออย่างตึงเครียด

มาตรว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะฆ่ายอดฝีมือสำนักแสงสว่างที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองคนติดต่อกันสองคน แต่ว่าสำหรับทุกคน เขายังไม่อาจต้านทานซุนฮ่าวจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแปดพิภพได้

ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนจ้าวเกอยังสังหารผู้สนับสนุนเช่นหยางจ่านหัวและผู่เจี๋ย ตอนนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก เกราะเหมันต์ทระนง วังฝูงมังกร และกระบองไม้ไผ่ประหลาดแท่งนั้นไม่อาจช่วยเขาได้อีก

ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอโดดเด่น และมีพรสวรรค์ล้ำเลิศมากกว่านี้ ก็เป็นแค่มหาปรมาจารย์ เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม เขาก็เหมือนกับฝุ่นอย่างแท้จริง จะหนีความตายได้อย่างไรพ้น

คนในเขากว่างเฉิงถึงกับคนดูไม่ได้ คิดช่วยเหลือแต่ไม่ไร้ความสามารถ

สภาวะฝ่ามือของซุนฮ่าวครอบคลุม ต้องการฆ่าพวกเขาไปพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอมองซุนฮ่าว พลันยิ้มขึ้น “ถูกต้อง มักจะมีคนที่มีคุณสมบัติไม่ธรรมดา นึกว่าตัวเองไปที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องกริ่งเองอันใด ชอบเสแสร้ง แต่ต้องระวัง เมื่อเจอคนที่เสแสร้งได้เก่งกว่า ท่านอาจจะตายเพราะการเสแสร้งของตัวเองก็ได้”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ แสงอาทิตย์อันโชติช่วงพุ่งขึ้นฟ้า เหมือนกับแย่งชิงแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่แท้จริงบนฟากฟ้าในชั่วพริบตา

ตราประทับสีทองขนาดใหญ่อันหนึ่งก่อตัวกันกลางแสงอาทิตย์ พลังงานที่ยิ่งใหญ่แข็งกร้าวคล้ายกับไม่อาจอยู่ในโลกใบนี้ได้

การปรากฏขึ้นของตราประทับทำให้โลกแปดพิภพสั่นไหว โดยมีเขากว่างเฉิงและนภาพิภพเป็นศูนย์กลาง ดูเหมือนไม่อาจบรรจุพลังงานที่แข็งกร้าวไร้ขอบเขตนี้ได้

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ตราประทับตะวัน!

ในที่สุดใบหน้าของซุนฮ่าวก็ปรากฏความตกตะลึง “ของวิเศษชิ้นนี้แตกต่างกับมงกุฎจันทรา ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามไม่อาจใช้ได้ มหาปรมาจารย์อย่างเจ้าไฉนถึงทำได้?”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างสบายอารมณ์ “ท่านโชคดี ไม่อนาถเหมือนพวกเขาสองคน ข้าขอมอบวิธีตายที่สะดวกสบายให้กับท่าน”

พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ต่อยหมัดหนึ่งออก!

ตราประทับตะวันสั่นสะเทือนเลือนลั่น ประกายแสงสาดส่อง!

ละลานตายิ่งกว่าแสงสว่างที่เกิดจากวรยุทธ์ของสำนักแสงสว่าง ร้อนเร่ายิ่งกว่าพลังแห่งดวงอาทิตย์ที่เกิดจากวรยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์!

ทุกสิ่งนอกจากนี้ล้วนเป็นภาพลวงตา มีเพียงแสงสว่างนี้เท่านั้นที่เป็นของจริง!

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไร้ค่า มีเพียงดวงอาทิตย์ดวงนี้เท่านั้นที่เป็นเจ้าชีวิต!

ตราประทับสีทองม้วนพลังอันน่าตกตะลึง แล้วพุ่งลงไปหาซุนฮ่าว!