ตอนที่ 1200 - การต่อสู้ของเหล่าเทพผู้ล่วงลับ

The Divine Nine Dragon Cauldron

สุดท้ายคำพูดอวดดีของซือหยูก็ได้ทำให้เทพตำราผู้ล่วงลับไม่พอใจ
  ร่างกึ่งโปรงใสผุดขึ้นมาจากหลุมศพทั้งห้าทั้งหมดจ้องมองซือหยูและปลดปล่อยโทสะของตัวเองออกมา
  เจ้าหมอนี่คือคนที่รังแกตระกูลเทพตำรา!
  เขาสังหารคนในตระกูลไปมากมายและทำลายรากฐานอันยาวนานของตระกูลและตอนนี้เขากำลังพยายามจะทำลายหลุมศพบรรพบุรุษอีก! ช่างเป็นคนน่ารังเกียจยิ่งนัก!
  โลกเต็มไปด้วยบัลดาลโทสะของเทพตำราผู้ล่วงลับทั้งห้าทันที!
  ครืน!ครืน! ครืน!
  โลงศพทั้งห้าถูกเปิดออกเจตจำนงของเทพตำราได้เข้าสู่โครงกระดูกข้างใน
  เจิ้งหยวนชิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ  “คนมักจะพูดว่ามีคนที่น่ารำคาญจนทำให้คนตายกระโดดออกมาจากโลงได้!วันนี้ข้าเพิ่งจะได้เห็นมันกับตา! เพราะหมอนั่น เทพตำราห้าคนเลยออกจากโลงเพราะโมโหเช่นนั้น!”
  เมื่อเจิ้งหยวนชิงได้หยุดคิดนางรีบพูด
  “ท่านแม่ช่วยข้าช่วยเขาให้ด้วยเถอะ เจตจำนงของเทพห้าคนสังหารได้แม้กระทั่งเทพที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องพูดถึงเจ้านั่นเลย!”
  เทพเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อยซือหยูเป็นผู้เกี่ยวข้องกับคดีในจิวโจว นางไม่อยากให้เขาตายที่นี่
  แต่ถึงจะอย่างนั้นเจตจำนงของเทพตำราก็จู่โจมออกมาแล้ว
  โครงกระดูกหยกทั้งห้าบินออกมาจากโลงด้วยแหล่งพลังเทพอันยิ่งใหญ่
  เมื่อพวกเขาตั้งใจมองพวกเขาพบแหล่งพลังเทพที่สมบูรณ์แบบไหลเวียนช้า ๆ อยู่ในท้องของโครงกระดูกแต่ละคน!   แม้เทพเหล่านั้นจะตายไปหลายปีแหล่งพลังเทพก็ยังแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็แกร่งพอ ๆ กับเทพจิง!
  ซือหยูแสยะยิ้ม
  “พวกเจ้าเลือกฝังแหล่งพลังเทพของตัวเองในโลงศพแทนที่จะใช้มันเพื่อบำรุงพันธมิตร!เจ้าไม่ควรคิดว่าตัวเองเป็นเทพแห่งพันธมิตรเลย! เจ้ายังมีหน้ามารับความสำราญจากการถูกคารวะของคนบนโลกนี้อีก! ฮื่ม! เจ้าพวกตระกูลปากว่าตาขยิบ!”
  ฟึ่บ!
  โครงกระดูกหน้าสุดที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงเทพตำราพยายามจะทะลวงร่างของซือหยูด้วยพลังเทพมหาศาล
  เทพอื่นส่วนมากอยู่ห่างจากพวกเขาแม้ว่าจะไม่แปลกใจ พวกเขาก็มิอาจช่วยได้ทัน
  มีเทพคนเดียวที่อยู่ใกล้แต่นางก็ทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและคารวะเทพต่อไป
  “มันรนหาที่ตาย!คำพูดของฉินเฟยเฉินไม่จำเป็นกับเจตจำนงเทพเลย พวกเขาจะฆ่าซือหยูในทันที!”
  เทพเซียนคันฉ่องพูดกับตัวเอง
  หลิวลี่ว่าที่เทพที่อยู่ถัดจากเทพเซียนคันฉ่องถอนหายใจเบา ๆ
  “ไม่คิดเลยว่าราชาเขตกลางจะตายเพราะเจ้าโง่นี่!”
  ถ้าซือหยูถูกเทพเหล่านี้สังหารเพราะคำพูดอวดดีของเขาเขาก็คงจะกลายเป็นตัวตลกในโลกใบนี้!
  ในขณะที่ซือหยูกำลังจะตายเทพเซียนคันฉ่องชักสีหน้าเล็กน้อยเมื่อนางมองหลุมศพบรรพบุรุษทั้งสิบของตัวเอง
  เจตจำนงเทพปรากฏเหนือหกหลุมศพด้วยโทสะและจิตสังหารอันเต็มเปี่ยม
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  เทพเซียนคันฉ่องขมวดคิ้วหรือว่าคำพูดหยาบช้าของซือหยูจะทำให้เจตจำนงเทพตระกูลอื่นไม่พอใจด้วย?   เทพเซียนคันฉ่องส่ายหัวซือหยูกำลังได้รับผลกรรมจากสิ่งที่เขาทำลงไป!
  ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
  โลงศพเทพเซียนคันฉ่องทั้งหกเปิดออกเจตจำนงเทพเข้าสู่โครงกระดูกพุ่งเข้าใส่ซือหยู
  เจิ้งหยวนชิงชักสีหน้าในทันทีนางตะโกน
  “ท่านแม่ทำอะไรสักอย่างได้แล้ว!”
  เทพเจิ้งตอบ
  “มันสายไปแล้วล่ะ!”
  ถ้าซือหยูถูกโจมตีแค่จากเหล่าเทพตำรานางก็ช่วยเขาได้ต่อให้อยู่ไกล
  แต่นางจะไร้พลังถ้าหากเทพผู้ล่วงลับในตระกูลเทพเซียนคันฉ่องมาร่วมด้วย
  พลังของเทพจากสองตระกูลจะสังหารซือหยูได้ในพริบตา
  ฉินเฟยเฉินฉีกยิ้ม
  “เจ้าไม่ควรจะดูถูกข้าต่อหน้าทุกคน!และตอนนี้เจ้าจะตายต่อหน้าทุกคน! พอเจ้าตายก็จะไม่มีใครกล่าวโทษเทพเล่านั้น!”
  แผนสังหารซือหยูโดยการยืมมือคนอื่นสังหารของเขานั้นไร้ที่ติ!
  เทพผู้ล่วงลับจะกลายเป็นผู้กระทำการสังหารซือหยูแทนใครกันเล่าจะลงโทษคนตาย?
  แต่จากนั้นฉินเฟยเฉินก็ต้องตกตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่
  แม้แต่เทพเซียนคันฉ่องเองก็ชักสีหน้านางตะโกนด้วยความตกใจ
  “เป็นไปไม่ได้!”
  โครงกระดูกบรรพบุรุษเทพเซียนคันฉ่องที่พุ่งเข้าใส่ซือหยูนั้นไม่ได้จู่โจมเขาแต่กลับ…ปกป้องเขาจากโครงกระดูกเทพตำรา!
  เหล่าเทพและทายาททุกคนที่นี่ตกตะลึงไปตามๆ กัน
  หรือว่าเทพเซียนคันฉ่องแอบขอให้บรรพบุรุษช่วยชีวิตซือหยูกัน?
  ฉินเฟยเฉินไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น  จากนั้นโครงกระดูกอีกสี่ร่างของเทพตำราก็พุ่งเข้าใส่ซือหยูด้วยจิตสังหารอันเต็มที่
  ในขณะเดียวกันบรรพบุรุษเทพเซียนคันฉ่องเองก็พุ่งออกมาจากโลง ในเวลาต่อมา บรรพบุรุษเทพเซียนคันฉ่องทั้งหกก็เริ่มต่อสู้กับบรรพบุรุษเทพตำราทั้งห้า!
  แต่เทพตำราที่ตายไปแล้วนั้นแข็งแกร่งกว่าเพราะพวกเขาไม่ได้ใช้พลังออกมาบำรุงโลกใบนี้เลยบรรพบุรุษเทพเซียนคันฉ่องได้ปลดปล่อยพลังเทพของตัวเองมามากกว่าสิบปี ดังนั้นแหล่งพลังเทพของพวกเขาจึงแข็งแกร่งไม่เท่ากับเทพตำราผู้ล่วงลับ
  แม้จะมีจำนวนที่มากกว่าพวกเขาก็ถูกกดดันโดยพลังที่เหนือกว่าของฝ่ายเทพตำรา
  ตู้ม!
  เสียงระเบิดดังลั่นโครงกระดูกร่างหนึ่งของเทพเซียนคันฉ่องแหลกเป็นเสี่ยง ๆ
  เทพเซียนคันฉ่องไม่พอใจถึงขีดสุด
  “ซือหยู!หยุดการต่อสู้เดี๋ยวนี้!”   เทพเซียนคันฉ่องตะโกนอย่างไม่ลังเลนางรู้ว่ากลไม้นี้จะต้องเป็นฝีมือซือหยู!
  แต่ซือหยูก็ตอบอย่างเย็นชา
  “เทพเซียนคันฉ่องท่านพูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรหรือ? แม้แต่บรรพบุรุษท่านก็ไม่อยากฝังลงโลงร่วมกับเทพตำราน่ารังเกียจ! การโจมตีของพวกเขาเป็นตัวแทนแห่งเจตจำนง มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย!”
  เทพเซียนคันฉ่องหันไปหาฉินเฟยเฉินพร้อมตะโกน
  “บอกให้บรรพบุรุษเจ้าหยุดสิ!”
  ถ้าหากข่าวเรื่องบรรพบุรุษของสองตระกูลใหญ่เริ่มต่อสู้กันเองระหว่างงานชุมนุมเหล่าเทพแพร่ออกไปทั้งสองตระกูลจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะแก่คนทั้งพันธมิตร
  ฉินเฟยเฉินส่ายหน้าด้วยความขมขื่นเขารู้ว่าบรรพบุรุษของเขากำลังโกรธแค้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหยุดเทพเหล่านั้น
  เพราะว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่เจตจำนงของเทพที่ล่วงลับพวกเขามีสตินึกคิดที่จำกัด เป็นเรื่องง่ายที่จำทำให้โกรธแค้น แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะดับความแค้นนั้นลง!
  เทพเซียนคันฉ่องโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นสถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้นางรู้ว่านางจะต้องหยุดการต่อสู้นี้ด้วยตัวเอง!
  แต่ก่อนที่นางจะได้เข้าไปห้ามนางก็ได้ยินเสียงอุทานมากมาย!
  เหล่าเจตจำนงเทพมากมายปรากฏเหนือโลงของตัวเองจากมากกว่าสิบตระกูลจากนั้นพวกเขาก็ควบคุมโครงกระดูกของตัวเองเพื่อจู่โจมเหล่าเทพตำราพร้อมกัน
  ไม่ว่าเจตจำนงเทพตำราจะมีแหล่งพลังเทพที่แข็งแกร่งเพียงใดพวกเขาก็มิอาจรอดชีวิตจากการโจมตีของโครงกระดูกนับแปดสิบร่างได้
  ไม่นานฉินเฟยเฉินก็สีหน้าดำมืดเพราะโครงกระดูกทั้งหมดของบรรพบุรุษตัวเองได้แหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ณตอนนี้ เขาไม่เห็นแม้แต่กระดูกที่สมบูรณ์บนพื้นเลยสักชิ้น
  ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากก่อนที่เทพและทายาททุกคนจะได้หยุดการต่อสู้ โครงกระดูกบรรพบุรุษของเทพตำราทั้งหมดก็แหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้ว
  ที่แย่ไปกว่านั้นเจตจำนงของเทพที่ตายไปแล้วจากตระกูลใหญ่หลายตระกูลยังเริ่มที่จะทำลายหลุมศพทั้งสิบของตระกูลเทพตำราด้วยความโกรธเกรี้ยว ในท้ายสุด หลุมศพเหล่านั้นก็ได้ถูกทำลายลงไป
  หลุมศพเทพตำราที่ตั้งอยู่นานหลายปีถูกพังทลายด้วยกลุ่มเจตจำนงเทพในเวลาเพียงครู่เดียว
  แต่ถึงอย่างนั้นความยุ่งเหยิงก็ยังไม่จบ
  โครงกระดูกบางร่างที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงเทพเริ่มที่จะจู่โจมฉินเฟยเฉินด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
  ฉินเฟยเฉินสะพรึงกลัวเมื่อตกเป็นเป้า  แต่ในเวลาต่อมาเสียงอันอ่อนโยนเปี่ยมด้วยเมตตาก็ได้ดังก้องขึ้น โครงกระดูกทั้งหมดถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสว่าง
  ภายใต้แสงความโกรธแค้นชิงชังและจิตสังหารในโครงกระดูกได้ดับหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบลงอีกครั้ง
  จากนั้นโครงกระดูกเหล่านั้นก็กลับไปยังหลุมศพของตัวเองและหลับใหลดังเดิม
  เหล่าเจตจำนงอันคุกรุ่นเองก็หยุดลง
  ซือหยูตกตะลึงนี่คือพลังของฑากิณีที่เป็นเทพสูงสุดแห่งพันธมิตรบูรพารึ?
  นางสามารถลบล้างความโกรธเกรี้ยวจากเทพเหล่านั้นได้ภายในพริบตาเดียว
  ซือหยูมองฑากิณีที่ลอยอยู่บนฟ้าเขาเริ่มระแวงยิ่ง ๆ ขึ้นไป
  เทพคนนี้น่ากลัวถึงขีดสุด!
  ซือหยูรู้ว่าเขาตัดสินใจถูกที่ไม่พยายามทำอะไรกับเทพคนนี้มิเช่นนั้นการต่อสู้จะถูกหยุดโดยนางตั้งแต่แรกในทันที  แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแผนของซือหยูก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะนาง
  เหตุผลแท้จริงของซือหยูคือการสังหารฉินเฟยเฉินระหว่างการต่อสู้อันสับสนวุ่นวายระหว่างเทพผู้ล่วงลับ
  แต่สุดท้ายฑากิณีก็ทำให้แผนของเขาไม่สำเร็จ
  …
  เมื่อเทพอื่นและทายาทกลับไปก็เหลือเพียงฉินเฟยเฉินที่กำลังโกรธจัดต่อหน้าโครงกระดูกพัง ๆ ของบรรพบุรุษตัวเอง
  ซือหยู!เขารับรู้ได้ในทันทีว่ามันคืออุบายของซือหยู
  แต่ฉินเฟยเฉินไม่มีหลักฐานเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซือหยูปลุกระดมเทพผู้ล่วงลับของตระกูลอื่นได้อย่างไร แล้วเขาจะหาหลักฐานได้ยังไง!
  แต่เขาไม่เคยคิดว่าซือหยูจะมีพลังลอกเลียนอันสุดยอดอยู่  ตอนที่ซือหยูคารวะเทพผู้ล่วงลับในแต่ละตระกูลเขาจะแสดงสายโลหิตของตระกูลนั้นให้อดีตเทพเหล่านั้นได้เห็น
  หลังจากนั้นเมื่อเทพเหล่านั้นเห็นว่ามีคนพยายามจะสังหารลูกหลานที่มีสายโลหิตของตัวเอง พวกเขาก็ย่อมต้องรีบเข้ามาปกป้องเขา
  ส่วนเทพคนอื่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะด้วยความสุขอยู่ในใจ
  แม้บรรพบุรุษตนเองจะถูกซือหยูหลอกใช้เขาก็ทำให้โครงกระดูกของอดีตเทพตำราทั้งหมดแตกสลายไป ซึ่งมันตรงกับความต้องการของพวกเขาพอดี
  แน่นอนว่าเทพเหล่านั้นมิได้พอใจกับพฤติกรรมทั้งหมดของซือหยูไม่มีใครยอมตกลงกับคนนอกที่พยายามจะใช้งานบรรพบุรุษของตระกูลตัวเอง!
  “ซือหยู?เจ้าทำอะไรลงไป?”
  เทพเจิ้งถามขึ้นมา
  ซือหยูตอบด้วยความสับสน  “ข้าไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น!บางทีเทพผู้ล่วงลับอาจไม่พอใจที่อดีตเทพตำราไม่ยอมช่วยเหลือโลกของเราด้วยแหล่งพลังเทพก็ได้ พอข้าพูดออกมา เหล่าเทพตำรากลับไม่รู้สำนึกแต่คิดสังหารคนผู้น้อยที่กล้าพูดความจริงอย่างข้า! เทพอื่นเลยตัดสินใจรวมพลังกันกำจัดพวกเขา!”
  เทพอื่นประสานสายตากันเมื่อได้ยินการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ของซือหยู ไม่มีใครเชื่อเขาเลย
  แต่ก็ไม่มีใครพูดขัดซือหยูเว้นเสียแต่เทพเซียนคันฉ่อง
  “เหลวไหล!”
  เทพเซียนคันฉ่องพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
  “เทพผู้ล่วงลับอยู่อย่างสงบสุขมาหลายปี!ใยจะต้องลงมือในปีนี้? บอกข้ามาว่าเจ้าทำอะไร?”
  ไม่เหมือนกับเทพเจิ้งเทพมากมายไม่รู้กลเล็กน้อยของซือหยู
  ซือหยูยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับไป  “ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเลย!เทพเซียนคันฉ่อง ท่านอธิบายให้ข้าฟังได้ไหมล่ะ?”
  เทพเซียนคันฉ่องหงุดหงิดใจกว่าเดิมแต่นางก็ตระหนักได้ว่าเป็นการยากมากที่จะเหนือกว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างซือหยูได้!
  “ให้ข้าพูดตรงๆ บรรพบุรุษเทพเซียนคันฉ่องเองก็รังเกียจบรรพบุรุษเทพตำรา พวกเขาไม่อยากถูกฝังที่เดียวกัน ท่านเป็นลูกหลานพวกเขาควรจะทำเพื่อบรรพบุรุษมิใช่หรือ! ท่านควรจะขยับหลุมศพบรรพบุรุษออกไปไม่ก็ขว้างหลุมศพตระกูลเทพตำราออกไปเสีย หากเป็นเช่นนี้ บรรพบุรุษท่านก็จะได้หลับอย่างสงบ มิเช่นนั้นพวกเขาอาจจะลุกออกมาจากโลงอีกครั้งก็ได้!”
  ซือหยูแสร้งปั้นหน้าพูดอย่างจริงใจ
  เทพเซียนคันฉ่องตอบกลับทันที
  “ข้าไม่การคำแนะนำจากเจ้า!”