ตอนที่ 1201 - ตอบโต้รุนแรง

The Divine Nine Dragon Cauldron

เหล่าเทพประสานสายตากัน
  ‘ถ้าอย่างนั้นพวกข้าก็ถือโอกาสนี้เอาสุสานเทพตำราออกไปจากโลกและขับเทพตำราออกจากพันธมิตรร้อยเทพได้สินะ?’
  เป็นเพราะขุมทรัพย์เทพตำราเทพหลายคนที่กังวลว่าความลับจะถูกเปิดเผยจึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้ และตอนนี้พวกเขาเริ่มจะมีโอกาสได้คิดแล้ว
  ถ้าเทพตำราสร้างขุมทรัพย์เทพตำรามาอีกชิ้นความลับของพวกเขาก็จะถูกเปิดเผยอยู่ดีในเวลาหลายยุคสมัย นั่นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้!
  เมื่อทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้นี้ฑากิณีก็พูดอย่างอ่อนโยน
  “เทพผู้ล่วงลับทุกท่านเคยปกป้องโลกใบนี้เยี่ยงวีรบุรุษบางคนอาจไม่ต้องการทำนุบำรุงโลกหลังจากตัวตาย แต่เราก็มิอาจลืมสิ่งที่เขาทำยามเมื่อยังมีลมหายใจ การกล่าวโทษพวกเขาในตอนนี้ถือว่าจิตใจคับแคบ เทพอย่างเราควรมีจิตใจกว้างขวาง!”
  ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยนางกำลังบอกว่าข้าใจแคบรึ?
  ซือหยูไม่เห็นด้วยกับฑากิณีเพราะตระกูลเทพตำราไม่เคยปกป้องโลกนี้ถ้าหากพวกเขาอยากจะปกป้องโลกจริง ทำไมพวกเขาจึงไม่แสดงเจตจำนงในการปกป้องโลกหลังจากความตายเล่า?
  และการตอบสนองแปลกๆ ของเหล่าเทพตำราผู้ล่วงลับนั้นก็ทำให้ซือหยูกังขาว่าตระกูลเทพตำรากำลังคิดร้ายกับพันธมิตรอยู่ด้วย
  แม้เทพตำราจะเป็นหนึ่งในร้อยเทพที่ก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมาพวกเขาก็ไม่ได้นับว่าพันธมิตรบูรพาเป็นบ้านเกิด
  คำพูดของฑากิณีดูเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เปี่ยมไปด้วยเมตตาแต่สำหรับซือหยู นางเป็นเพียงแค่เทพที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเท่านั้น
  ตระกูลเทพตำรามิได้ปกป้องอะไรเลยแต่กลับพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ความลับของเทพทุกคนมาครอง แต่ฑากิณีได้ปกป้องพวกเขาอย่างไร้หลักการ นั่นทำให้เทพทุกคนที่เสียสละเยี่ยงวีรบุรุษต้องผิดหวัง รวมถึงผู้สืบทอดของเหล่าเทพด้วย
  เทพหลายคนค่อนข้างหงุดหงิดในใจและผิดหวังแต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
  ฑากิณีมิได้พูดผิดแต่พวกเขาหาได้คล้อยตามไม่
  และถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้คล้อยตามพวกเขาก็ต้องให้คำสัญญาออกมา
  “เราจะทำตามคำชี้แนะของฑากิณี!”
  ซือหยูแอบถอนหายใจตอนนี้เขารู้แล้วว่าการปกป้องของราชินีเหล่าเทพผู้มีเมตตาคือเหตุผลที่สุสานบรรพบุรุษตระกูลเทพตำรายังคงอยู่บนโลกใบนี้ได้มาเนิ่นนาน
  ซือหยูจ้องมองฑากิณีด้วยความระแวงมากขึ้นเรื่อยๆ
  บนโลกนี้มีผู้คนจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่สองประเภทหนึ่งคือคนไร้เดียงสาจิตใจงาม และอีกพวกคือคนที่คิดร้ายมีนัยยะซ่อนเร้น
  ซือหยูไม่รู้ว่าฑากิณีจะเป็นเทพแบบใด
  “งานชุมนุมเทพจบสิ้นแล้วพวกท่านทุกคนกลับได้ โลกสุสานเทพจะปิดในอีกไม่นาน!”
  ฑากิณีกล่าว
  หลังจากเจอความวุ่นวายเข้าแทรกงานชุมนุมเทพได้จบลงก่อนเวลา
  ในงานชุมนุมเทพครั้งก่อนหน้าเทพผู้ล่วงลับจะปลดปล่อยแหล่งพลังเทพหนึ่งปี แต่เมื่อขั้นตอนถูกขวางและทำต่อไม่ได้ พิธีเลยต้องหยุดเสียก่อนล่วงหน้า
  “ตามท่านปรารถนา!”
  ก่อนจะออกไปจากโลกเทพที่เหลือซ่อมแซมสุสานบรรพบุรุษของตัวเอง
  พูดกว้างๆ เทพส่วนใหญ่พึงพอใจกับเรื่องวันนี้เว้นเสียแต่การถูกขัดขวางการปล่อยพลังเทพ  ซือหยูพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าพูดออกมาและทำสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าทำนั่นทำให้พวกเขาตื่นตาตื่นใจ
  “ฮ่าๆๆๆ!เทพขนนกช่างน่าสนใจนัก! คนบ้า ๆ อย่างเขาคือตัวอย่างอย่างดีสำหรับพวกชั่วช้า!”
  เทพจิงหูหันไปมองพลางยิ้มเยาะในใจคนบ้า ๆ รึ? ใครก็ตามที่คิดว่าเขาเป็นคนบ้าย่อมตายอย่างทุกข์ทรมานทุกหนไป
  “ฑากิณีเมตตาเกินไป!ให้ตายเถอะ! มีนางปกป้อง ตระกูลเทพตำราจึงอยู่บนโลกนี้ได้หลายปีและถึงกับสร้างขุมทรัพย์เทพตำราออกมา!”
  เทพหลายคนถอนหายใจหมดหวัง
  ที่หน้าสุสานบรรพบุรุษตระกูลเทพตำรา
  ฉินเฟยเฉินมองกระดูกที่เหลวแหลกของบรรพบุรุษและพูดด้วยความชิงชังที่ฝังรากลึกในใจ
  “ซือหยู!เจ้ามันเลวเกินไปแล้ว!”   เขารู้ว่าซือหยูกำลังจะทำลายตระกูลเทพตำราให้สิ้นซากรวมถึงสุสานบรรพบุรุษของเขาด้วย!
  เทพเซียนคันฉ่องพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
  “เก็บกระดูกบรรพบุรุษเจ้าเสียโดยเฉพาะแหล่งพลังเทพ!”
  เมื่อได้ฟังฉินเฟยเฉินได้ทำการเก็บกวาดทุกสิ่งด้วยความแค้นใจ
  ใบหน้าเขามีแต่ความเกลียดชัง!
  “เจ้าล้างบางคนตระกูลข้า!เจ้าทำลายรากฐานตระกูลข้า! เจ้าทำลายบรรพบุรุษข้า! ข้าจะไม่มีวันอยู่ใต้นภาเดียวกับเจ้า!!”
  ฉินเฟยเฉินกล่าวอย่างเยือกเย็น
  เทพเซียนคันฉ่องมองเขาด้วยความเวทนาซือหยูโหดร้ายเกินไปมาก! นางไม่คิดว่าซือหยูจะทำลายทั้งตระกูลเทพตำราในเวลาสองวันติดต่อกัน!
  แต่พูดตามตรงหากฉินเฟยเฉินระวังมากกว่านี้ สถานการณ์จะต่างออกไป
  “เฟยเฉินอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม รอจนกว่าเทพตำราจะกลับมา เขาจะเก็บกวาดให้เจ้า!”
  ฉินเฟยเฉินยิ้มเชิงไม่เห็นด้วย
  “พ่อข้าจะไม่กลับมาในอีกหนึ่งปี!ท่านอา ซือหยูจะไม่เคลื่อนไหวในหนึ่งปีหรือ?”
  ไม่เลย!
  เทพเซียนคันฉ่องกล่าว
  “ก่อนเทพตำราจะกลับมาเจ้าจงอยู่ที่เรือนข้า ข้าไม่คิดว่าซือหยูจะฆ่าเจ้าในเรือนข้าหรอก!”
  แววตานางเยือกเย็น
  ฉินเฟยเฉินส่ายหน้า
  “ท่านอาสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ยามที่เรามีขุมทรัพย์เทพตำรา เทพอื่นหวาดกลัวเราและไม่กล้าทำอะไรกับตระกูลข้า ท่านไม่เห็นวันนี้หรือ? หากไร้ฑากิณี บรรพบุรุษข้าก็ถูกขุดขว้างออกไปในธารดาราแล้ว!”   “ถ้าซือหยูคิดสังหารข้าเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากเทพอื่น! ท่านอา ข้าไม่คิดว่าท่านจะรับมือเทพหลายคนได้พร้อมกันหรอก!”
  เทพเซียนคันฉ่องไม่พูดอะไรแววตานางมีแต่ความชิงชังไม่ต่างจากฉินเฟยเฉิน นางรู้ว่าสถานการณ์ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว
  ถ้าซือหยูกล้าบุกสังหารฉินเฟยเฉินถึงเรือนตระกูลเทพเซียนคันฉ่องเทพเหล่านั้นจะต้องสนับสนุนซือหยูแม้ว่าจะไม่ได้มาจู่โจมด้วยตัวเอง
  เวลานี้เทพอื่นทั้งหมดได้เลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับซือหยู!
  “ท่านอาหนีไปก็ไร้ประโยชน์!”
  ฉินเฟยเฉินพูดต่อ
  “เราต้องหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้ได้!”
  เวลานี้เรือนเขาถูกทำลาย เขากลายเป็นคนไร้บ้าน ฉินเฟยเฉินแค้นใจถึงที่สุด  เขาตระหนักว่าเขาไม่ควรคิดสังหารซือหยูตั้งแต่แรก
  ถ้าหากมีโอกาสอีกครั้งเขาจะไม่มีทางคิดสังหารซือหยูเลย เพราะเขามิอาจรับกับผลที่ตามมาได้
  “เจ้ามีหนทางหรือ?”
  เทพเซียนคันฉ่องถาม
  ฉินเฟยเฉินพยักหน้า
  “มีสิ!วิธีที่จะไม่ให้เทพพวกนั้นช่วยเหลือซือหยู!”
  “บอกข้ามาข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
  เทพเซียนคันฉ่องเลิกคิ้วพูดนางกำลังคล้อยตามความคิดของฉินเฟยเฉิน
  ฉินเฟยเฉินตอบ
  “ซือหยูอาจดูเข้มแข็งแต่มันมีจุดอ่อนร้ายแรงอยู่! มันเคย…ขัดกฎพันธมิตรร้อยเทพ! มันเคยฆ่าผู้คุมกฎฉินคั่วด้วยตัวเองกับมือ! นี่คืออาชญาแผ่นดินที่อภัยให้ไม่ได้!”   ในพันธมิตรใครก็ตามที่กล้าสังหารผู้คุมกฎล้วนต้องโทษประหาร แม้แต่เทพเองก็ฝ่าฝืนกฎข้อนี้ไม่ได้
  ถ้าหากความผิดของซือหยูถูกเปิดโปงจะไม่มีใครปกป้องซือหยูจากการถูกลงโทษได้เลย นั่นรวมถึงเทพจิงหรือกระทั่งฑากิณี!
  “แต่เราจะตกอยู่ในอันตรายถ้าเขาบอกเหตุผลที่เขาฆ่าฉินคั่ว!เพราะฉินคั่วตายเพราะพยายามปกป้องราชาเขตกลางที่เป็นอสูร! เราปกปิดความจริงข้อนี้จากเทพอื่นไม่ได้!”
  “การสมคบคิดกับเผ่าอสูรเป็นความผิดร้ายแรงยิ่งกว่าการสังหารผู้คุมกฎ!มันคือสิ่งต้องห้ามในพันธมิตร! ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษโดยทั้งพันธมิตร ทั้งตระกูลจะถูกเนรเทศออกจากพันธมิตร!”
  เทพเซียนคันฉ่องไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
  แผนของฉินเฟยเฉินคือแผนที่เสี่ยงที่สุดแล้ว
  “ข้ารู้ว่ามันเสี่ยงมาก!เราอาจจะตายไปพร้อมกับมัน แต่ข้าไม่คิดว่าการเสี่ยงนี้จะถูกซือหยูมองออกได้! หากใช้วิธีนี้ มันจะต้องไม่ทันตั้งตัวแน่!”
  ฉินเฟยเฉินตาลุกวาว
  “ยิ่งกว่านั้นเราต้องไม่ทำให้ซือหยูพูดอะไรที่เสี่ยงกับเรา! เราต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะได้พบกับเทพอื่น!”
  ได้ยินเช่นนี้เทพเซียนคันฉ่องหยุดคิดอยู่นาน ต่อให้ความตายของซือหยูจะน่าสงสัย แต่คนตายย่อมกลับมาบอกความจริงกับเทพที่เหลือได้!
  “ท่านอาท่านต้องช่วยข้านะ! มิเช่นนั้นข้าคงฆ่าซือหยูคนเดียวไม่ได้!”
  เทพเซียนคันฉ่องเริ่มลังเลมันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะเดิมพันอนาคตของตระกูลนางในการสังหารซือหยู?
  แต่นางก็ทำใจที่จะฆ่าเขาเมื่อตระหนักว่าซือหยูคือเพียงคนเดียวนอกจากตระกูลเทพตำราที่รู้เรื่องการสมคบคิดของตระกูลนางกับเผ่าอสูร!
  “เอาล่ะ!วางแผนฆ่ามันกันเถอะ เราจะต้องทำให้ได้!”
  …
  ซือหยูอยู่หน้าสุสานตระกูลเทพกระเรียนอยู่นานเขาครุ่นคิดถึงเรื่องต่าง ๆ
  เขารู้ว่าการสังหารฉินเฟยเฉินไม่สำเร็จจะนำพาปัญหามาสู่เขาไม่รู้จบ
  “ถ้าฉินเฟยเฉินไม่โง่มันต้องรู้ว่าข้าจะพยายามฆ่ามันก่อนที่เทพตำราจะกลับมา! มันจะรู้อีกด้วยว่าข้าได้เปรียบ และข้าฆ่ามันได้ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน!”
  “มันรู้ว่าตัวเองอยู่ในทางตันมันจะต้องพยายามทำอะไรโง่ ๆ แน่!”
  ซือหยูแววตาเยือกเย็นเขาทำการวิเคราะห์จากสถานการณ์ปัจจุบันของฉินเฟยเฉิน
  “ถ้าข้าเป็นฉินเฟยเฉินข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ศัตรูสิ้นซากในความจนตรอกนี้! มันจะต้องเปิดเผยเรื่องที่ข้าสังหารผู้คุมกฎแน่! และเพื่อที่จะหยุดข้าไม่ให้เผยเรื่องที่มันร่วมมือกับเผ่าอสูร มันจะไม่มีวันให้โอกาสข้าได้แก้ตัว มันจะต้องลอบสังหารข้าต่อหน้าเทพคนอื่น!”
  หากฉินเฟยเฉินอยู่ที่นี่เขาคงจะต้องทึ่งอย่างแน่นอนที่แผนของตัวเองถูกซือหยูทำนายได้อย่างแม่นยำ!
  “หากเรื่องต้องเป็นแบบนั้นข้าก็อันตรายมากแล้ว!”
  ซือหยูคิดในใจเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะแก้ตัวต่อหน้าเทพและรอดชีวิตจากพลังของเทพได้!
  เวลานี้เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะปกป้องตัวเองจากพลังของเทพ!
  ต่อให้เขารอดชีวิตจากการลอบสังหารของเทพได้แต่เขาจะแก้ตัวต่อหน้าเทพคนอื่นได้อย่างไร? หากเขาล้มเหลว เขาก็ยังคงต้องตายอยู่ดี  ซือหยูขมวดคิ้วเพราะเขาสับสนกับสถานการณ์อันยากลำบากนี้
  ไม่ผิดจากที่เขาคิดเลยปัญหาไม่รู้จบจะรุมเร้าเขาตราบเท่าที่ฉินเฟยเฉินยังมีชีวิตอยู่ เขาจำเป็นต้องปลิดชีวิตฉินเฟยเฉินให้ได้!
  “ฮื่ม!มาดูเถอะว่ากลไม้ใดจะดีกว่าในฉากสุดท้าย!”
  ซือหยูแววตาเย็นชาจนน่ากลัวเขารู้ว่าการต่อสู้สุดท้ายของเขากับฉินเฟยเฉินจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน!
  ถ้าเขาแพ้เขาจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน! ถ้าฉินเฟยเฉินแพ้ เขาจะถูกลบหายไปพร้อมกับเทพตำราและเทพอื่นที่เกี่ยวข้อง!
  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการต่อสู้สุดท้ายระหว่างซือหยูกับฉินเฟยเฉินจะเต็มไปด้วยอันตรายและสิ่งที่มิอาจคาดเดา
  “ข้าจะได้เปรียบมากเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ข้าได้จากสุสานเทพผู้ล่วงลับเหล่านี้!”
  ซือหยูคิดในใจเขาไม่อยากจะพ่ายแพ้การต่อสู้สุดท้ายกับตระกูลเทพตำรา
  หลังจากออกจากโลกสุสานเทพซือหยูไปเจอกับเทพจิง
  “เจิ้งหยวนชิงอยู่ที่ไหนกัน?”
  เทพจิงถามด้วยความกระวนกระวาย
  ซือหยูตอบ
  “นางกำลังมา!”
  ตามคาดเจิ้งหยวนชิงมาถึงในเวลาต่อมา จากนั้นนางก็มองซือหยูและเทพจิงด้วยความกระวนกระวายใจ
  “เราจะต้องทำมันจริงๆ รึ? หากมีคนจับได้ เราจะต้องโทษฐานดูหมิ่นเทพ! มันอันตรายมากถ้าเทพพวกนั้นรู้!”
  “อะไรนะ?”
  เทพจิงคิดลึกไปในคำพูดของนางและเริ่มสงสัย
  “เจ้ากำลังพูดถึงเทพคนใดกัน?”