[ส่วนที่ 9 บัวพ้นน้ำ] ตอนที่ 57 สติปัญญาของหัวขโมย

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

ต้ายาร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมแขนของพี่อวิ๋น อวิ๋นเยี่ยทำจมูกย่น เงยหน้าขึ้นบนฟ้า พระจันทร์ดวงโตยังคงส่องแสงห้อยอยู่บนท้องฟ้า วันดีๆ เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะให้หัวขโมยออกไปปล้นเท่าไรนัก 

 

 

บังคับชายหนุ่มที่จิตใจดีให้กลายเป็นหัวขโมย ดูเหมือนว่าการแต่งภรรยาคือเรื่องที่ยากเย็นมาโดยตลอด ความรักมักจะทำให้คนต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงได้ง่าย 

 

 

ซ่านอิงไม่ได้กลับมาทั้งคืน ต้ายาเป็นห่วงเขามาก อวิ๋นเยี่ยรีบส่งคนไปดูที่ฉางอันว่ามีหัวขโมยคนไหนถูกจับกุมหรือไม่ แต่ข่าวที่ได้กลับมาทำเอาอวิ๋นเยี่ยถึงกับรู้สึกตกใจ เมื่อคืนนี้มีหัวขโมยปรากฏตัวขึ้นที่ฉางอัน บุกปล้นกว่าหลายร้อยครัวเรือน หยกขาวของตระกูลเหลียง สิงโตทองคำของตระกูลเฉิน ไข่มุกราตรีของตระกูลซุน หอหลิงหลงของตระกูลหลงซีหม่า หยกขาวเจ้าแม่กวนอิมของตระกูลเหอ… 

 

 

ทั้งหมดนี้ได้หายไปในชั่วข้ามคืน 

 

 

พฤติกรรมของหัวขโมยนั้นเรียบง่ายและรุนแรง เขาจับเจ้าของบ้านแล้วถามหาสิ่งของมีค่าที่สุดในตระกูล เจ้านายตระกูลเหลียงพึ่งจะโต้ตอบไปไม่กี่คำ ก็ถูกเขาใช้ดาบโกนผมบนหัวออกจนหมด ตอนนี้ราวกับชาวหุยเกอ เจ้านายตระกูลหม่าพึ่งจะข่มขู่ก็ถูกมีดยาวกว่าหนึ่งฟุตแทงเข้าที่ต้นขา คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือเจ้านายตระกูลเหอที่มีนามว่าเหอเซ่า เขาถูกจับแก้ผ้ามัดไว้ที่เสาเป็นอาหารให้ยุงทั้งคืน เหล่าเหอไม่ใช่คนที่เข้มแข็ง ทันทีที่หัวขโมยมาถึง เขาก็เอาหยกขาวเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ในอ้อมแขนให้เขาไป ช่วยไม่ได้ หัวขโมยคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีศีลธรรม ดูหมิ่นเทพเจ้า เขาจึงจงใจลงโทษเหล่าเหอ 

 

 

นี่คือเรื่องใหญ่ทีเดียว อู่โหว นายตำรวจ ทหารของหน่วยลาดตระเวน รวมถึงหน่วยข่าวกรองที่มีท่าทีราวกับลาที่ตื่นตระหนก พากันวิ่งจับหัวขโมยไปรอบๆ เมือง สาบานว่าจะลากหัวขโมยมาจัดการให้ได้ พวกเขาเชื่อว่ากําแพงเมืองฉางอันสูงใหญ่ หัวขโมยไม่มีทางหนีออกไปได้ ทันใดนั้นคนที่ซวยก็ถูกจับตัวไป ไม่ถามอะไรทั้งนั้น เฆี่ยนไปก่อนสักสามสิบทีค่อยว่ากัน ทันใดนั้นชื่อเสียงของหัวขโมยคนนั้นก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

หลี่ไท่มากินข้าวเช้าที่ตระกูลอวิ๋น เขานับถือพฤติกรรมของหัวขโมยคนนั้นเป็นอย่างมาก เขาคิดว่ามันมหัศจรรย์ยิ่งกว่าเซียนดาบในตำนาน แต่หลี่เค่อกลับกังวลเรื่องความปลอดภัยของเพชรตาแมวชั้นดีสามเม็ดที่ตัวเองพึ่งได้มา 

 

 

“หัวขโมยคนนั้นก็แค่อยากเก็บเงินค่าสินสอดไปแต่งภรรยาเท่านั้นเอง ข้าคิดว่าผู้ชายเช่นนี้สมควรได้รับการให้อภัย และควรให้อภัย ถึงแม้ว่าเหล่าเหอจะน่าสงสาร แต่ใครบอกให้เขานอนกอดเจ้าแม่กวนอิม สมน้ำหน้า” 

 

 

“เยี่ยจึพูดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง คนเช่นนี้หากไปอยู่ในกองทัพ ผ่านไปไม่นานเขาก็คงจะเจริญรุ่งเรือง จะแต่งกับผู้หญิงเช่นไรถึงขั้นต้องไปเป็นหัวขโมย นอกจากว่าเขาเองที่ชอบเป็นหัวขโมย หรือนี่คือฝีมือที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษทิ้งไปไม่ได้ เช่นเดียวกับหวงสู่ ตอนนี้เขาก็ยังคงอยากจะลงไปที่หลุมศพเป็นที่สุด” 

 

 

หลี่ไท่หยิบไข่เค็มขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในปากหนึ่งฟอง พยักหน้าโต้ตอบความคิดของอวิ๋นเยี่ยอย่างไม่ลังเล 

 

 

หลี่เค่อพูดอย่างเป็นกังวล “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเพียงสองครั้ง ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในลั่วหยาง หัวขโมยผู้กล้าหาญถือมีดยาวขี่ม้าเร็วไล่ตัดหัวคน กว่าเหล่าทหารจะมา หัวขโมยคนนั้นก็หนีออกไปไกลแล้ว ครั้งต่อมาก็คือครั้งนี้ ได้ยินนายอำเภอบอกว่าหัวขโมยคนนั้นเป็นหัวขโมยเฒ่า ไม่แม้แต่ที่จะปกปิดใบหน้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก” 

 

 

ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติอยู่ เห็นซ่านอิงเดินเข้ามาจากด้านนอก เขาบิดขี้เกียจแล้วพูดว่า “นอนบนต้นไม้ไม่สบายจริงๆ ข้าไม่ได้ทำเช่นนี้มานานแล้ว ปวดเอวไปหมด” 

 

 

หลี่ไท่และหลี่เค่อหัวเราะออกมาทันที หลี่เค่อชี้ไปที่ซ่านอิงแล้วพูดว่า “ใครบอกให้เจ้าชอบมาเฝ้าอยู่นอกห้องของนายหญิงคนโตของตระกูลอวิ๋น คนยากจนอย่างเจ้า ทำไมไม่ไปเลียนแบบหัวขโมยเมื่อคืนนี้ คืนเดียวเขาปล้นสมบัติมาได้ตั้งมากมาย สมบัติล้ำค่าถูกเขาปล้นไปเยอะทีเดียว โดยเฉพาะเหล่าเหอ ช่างน่าสงสารอย่างที่สุด หยกขาวเจ้าแม่กวนอิมมีมูลค่ากว่าสามพันเหรียญ” 

 

 

“ของชิ้นนั้นมีค่ามากขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าเกือบจะทุบมันทิ้งไปแล้ว!” ซ่านอิงทำสีหน้าตกใจ 

 

 

สีหน้าของอวิ๋นเยี่ยมืดมนขึ้นมาทันที ไข่เค็มในมือของหลี่ไท่ตกลงบนพื้นอย่างไม่รู้ตัว หลี่เค่อเบิกตากว้าง ผ่านไปพักหนึ่งหลี่ไท่ก็จับมือของซ่านอิงด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้า ตอนเด็กๆ ข้าฝันมาตลอดว่าวันหนึ่งข้าจะได้เป็นหัวขโมย ข้ามผ่านภูเขาและป่าไม้ วันนี้ข้าได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว” 

 

 

ซ่านอิงสะบัดมือของหลี่ไท่และพูดว่า “ข้าเป็นคนยากจน ทำไปก็เพื่อแต่งภรรยา ข้าไม่มีทางเลือกจึงไปขอยืมมาจากบ้านคนอื่นเล็กน้อย คืนนี้กะว่าจะไปขอยืมอีกสักหน่อย เอามารวมกัน ท่านลุงเป็นคนหัวสูง เห็นแก่เงิน ช่วยไม่ได้” 

 

 

สองพี่น้องตระกูลหลี่หันไปมองอวิ๋นเยี่ยด้วยสายตาดูถูก หลี่ไท่ยังคงพูดยกย่อง หลี่เค่อลูบมือและบอกว่า “สหายอิง สิ่งของพวกนั้นหากเจ้าถือมันไว้ในมือมันก็จะไม่ค่อยดี ไม่สู้ขายมาให้ข้าดีกว่า ข้าเสนอราคาสูงให้เจ้า ข้าอยากได้หอหลิงหลงมาตั้งนานแล้ว” 

 

 

“ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่เจ้าทั้งสองคนยังประณามการกระทำที่ไม่ชอบธรรมเช่นนี้อยู่เลย เหตุใดตอนนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนกันแล้วเล่า” อวิ๋นเยี่ยทนเห็นท่าทางน่ารังเกียจของทั้งสามคนไม่ไหว เขาจึงพูดแทรกขึ้นมา 

 

 

“ลูกผู้ชายที่สามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ก็เพราะเขามีสายตาที่ชาญฉลาด สามารถมองเห็นคนที่มีพรสวรรค์ พ่อของข้าเคยบอกหลักการนี้แก่ข้าตั้งแต่เด็ก ข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ยากที่จะปกปิดคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ สหายอิงมีความสามารถ เขาคงจะรู้สึกเหงา เช่นเดียวกับข้าที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของการเรียนหนังสือ มองไปรอบๆ มันช่างทำให้รู้สึกน่าเบื่อไปหมด ยากที่จะได้เจอกับคนเช่นนี้ อย่ามองเขาเป็นแค่คนธรรมดาเลย” 

 

 

หลี่เค่อให้ซ่านอิงพาไปดูสมบัติล้ำค่า หลี่ไท่กินโจ๊กในชามจนหมดในทีเดียวแล้วตามไปดูด้วย ทั้งสามคนผลักกันเดินไปที่สวนของซ่านอิง 

 

 

ต้ายาเดินมานวดขมับของพี่อวิ๋นด้านหลังอย่างเงียบๆ เอาไข่มุกสีเขียวเม็ดใหญ่ให้เขาดู สายตาของนางเต็มไปด้วยความหวงแหน 

 

 

“เสี่ยวอิงบอกว่าตาข้าไม่ดี ให้ข้าแขวนไข่มุกเม็ดนี้ มันจะส่องแสงในห้องตอนกลางคืน ต้องสวยงามมากแน่ๆ เขาบอกกับข้าว่าตอนที่เขาไปเอามามันมีแสงห้าสีสวยงามมาก พี่อวิ๋น เจ้าช่วยเสี่ยวอิงเอาของพวกนี้ไปคืนได้หรือไม่ ข้าไม่อยากได้ไข่มุกอะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากให้เสี่ยวอิงอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว ตอนกลางคืนข้ามักจะฝันร้ายอยู่เสมอ เสี่ยวอิงก็จะคอยอยู่เป็นเพื่อนข้าที่นอกประตู บางครั้งเขาก็ร้องเพลงให้ข้าฟังเบาๆ บางครั้งเขาก็คุยเป็นเพื่อนข้า ไข่มุกเม็ดนี้เทียบกับเขาไม่ได้เลยสักนิด” 

 

 

“เสี่ยวอิงฉลาดกว่าที่เจ้าคิด ตอนนี้เขาดึงคนสองคนที่รู้เรื่องพวกนี้เข้าไปช่วยเขารับผิดชอบแล้ว เพราะเขากังวลว่าเมื่อแต่งงานกับเจ้ามันจะมีปัญหา เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ที่จริงแล้วเอาไข่มุกให้เจ้าคือเป้าหมายของเขา คนอื่นก็เป็นแค่ที่กำบัง เขาเอาไข่มุกให้เจ้า เจ้าก็เก็บมันไว้ให้ดีเถิด ไม่เช่นนั้นเขาจะเสียใจเอาได้ ส่วนเรื่องอื่นเสี่ยวอิงจะเป็นคนจัดการเอง 

 

 

การที่เขาไปหาเหล่าเหอก็เพราะว่าเขากำลังหาทางรอดให้ตัวเอง บางทีเหล่าเหออาจจะเป็นคนปล่อยเขาไป ข้าไม่เชื่อว่าเขาไม่คุ้นเคยกับเมืองฉางอัน เขาจะรู้ได้เช่นไรว่าบ้านใครมีสมบัติล้ำค่า เขากล้าหาญเกินไปแล้ว เสี่ยวอิงคือคนที่เขาสามารถให้งานได้? การที่เขาถูกมัดกับเสาให้เป็นอาหารยุง คือบทลงโทษที่เสี่ยวอิงลงโทษเขา” 

 

 

“แต่ว่า พี่อวิ๋น ข้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวอิง” ตาของต้ายาแดงๆ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้นางคงไม่ได้นอนทั้งคืน 

 

 

ดึงต้ายาลงมานั่ง เขารู้สึกไม่สบายใจ ซ่านอิงเป็นคนที่ไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว อยากจะให้เขาใช้ชีวิตสุขสบายไปวันๆ ไม่สู้เอามีดมาแทงเขาให้ตายดีกว่า ต่อไปต้ายาคงต้องมีเรื่องให้กังวลอีกมากมาย เด็กคนนี้ชะตาชีวิตลำบาก นางถูกลิขิตให้กระวนกระวายใจตลอดชีวิต แต่นี่คือชีวิตที่นางเลือกเอง ไม่มีใครช่วยนางได้ 

 

 

แต่งงานกับไก่ก็เป็นไก่ แต่งงานกับสุนัขก็เป็นสุนัข แต่งงานกับลิงก็คงต้องวิ่งไปรอบภูเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคือกองไฟ แต่ก็ยังยืนกรานที่จะกระโดดลงไป ความรักไม่เคยชี้ทิศทางที่ถูกต้องให้แก่ใคร 

 

 

ใช้ผ้าห่อไข่มุกแล้วยื่นให้ต้ายา ในเมื่อเจ้าอยากจะเป็นภรรยาเขา เช่นนั้นก็ต้องมีการเตรียมตัว ต้ายาก้มหน้าลงเก็บไข่มุก แล้วเดินกลับไปที่สวนข้างหลังช้าๆ หันมามองดูพี่อวิ๋นเป็นครั้งคราว 

 

 

“ข้าไม่ยอมเห็นเสี่ยวอิงเป็นอะไรแน่นอน มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอ” ได้ยินคำสัญญาของพี่อวิ๋น ต้ายาก็ก้าวเดินออกไปอย่างมีพลังมากขึ้น ในความทรงจำของนาง พี่อวิ๋นจัดการได้ทุกเรื่อง 

 

 

เหล่าเหอร้องห่มร้องไห้มาที่บ้านของตระกูลอวิ๋น กำลังจะอ้าปากฟ้องก็ถูกอวิ๋นเยี่ยตีเข้าให้ทีหนึ่ง เห็นว่าเขากำลังจะถามว่าทำไม เขาจึงตีไปอีกที ชายอ้วนที่ชาญฉลาดก็กระซิบขึ้นมาทันทีว่า “เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้ ข้ากำลังจะทำอะไรกับอนุภรรยาของข้า น้องเขยของเจ้ากลับมายืนมองอยู่หน้าเต็นท์ ทำเอาข้าตกใจจนไม่รู้จะทำเช่นไร อนุของข้าก็ตกใจจนเป็นลม 

 

 

ข้ายังนอนอยู่ข้างๆ ผู้หญิง เขาก็เข้ามาถามข้าว่าบ้านใครมีไข่มุกราตรีที่ดีที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นบ้านของตระกูลซุน ได้ยินมาว่าไข่มุกราตรีของตระกูลเขาใหญ่กว่าของพระราชวังตั้งสามเท่า ครั้งก่อนที่ตระกูลเขาจัดงานเลี้ยงเขายังเอาออกมาโอ้อวด ข้าเคยเห็นกับตา ข้าจึงชี้ทางให้เสี่ยวอิงไปเล็กน้อย” 

 

 

“ไอ้สารเลว เจ้าไม่รู้จักเตือนเขา เราใช้วิธีการอื่นเอามันมาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงว่าเป็นหัวขโมย” 

 

 

“เจ้าไม่รู้นิสัยน้องเขยของเจ้าหรือ หากเตือนเขาได้ ยังจะต้องถึงมือข้าอีกหรือ คนอย่างเขานอกจากไม่กล้าทำอะไรน้องสาวเจ้า คนอื่นที่หลงเหลืออยู่ หากเขาอยากจะฆ่า เขาก็กล้าฆ่าจริงๆ เมื่อก่อนข้าเจอเขาข้าก็จะหลบ ตอนนี้ไอ้เจ้านั้นเริ่มมีความเป็นคนขึ้นมาหน่อย ข้าจึงกล้าจะไปมาหาสู่กับเขา เจ้าถึงขั้นต้องใช้น้องสาวในการสั่งสอนคนคนหนึ่ง เจ้าเสียเปรียบไปหน่อยหรือเปล่า” 

 

 

อวิ๋นเยี่ยปล่อยมือลงทันที นิสัยป่าเถื่อนของซ่านอิงเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูมาโดยติงเหยี่ยนผิงตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เขามีความมุ่งมั่นในการต่อสู้ นอกจากการฆ่าคน มีความจงรักภักดี ไอ้ติงเหยี่ยนผิงก็ไม่เคยสอนอยางอื่นให้เขาอีก ตอนนี้เขาเลยกลายเป็นตัวประหลาด ตัวประหลาดที่อันตรายทีเดียว หากมีโอกาสเป็นอมตะเขาคงจะพอใจเป็นอย่างมาก 

 

 

อวิ๋นเยี่ยไม่กังวลเรื่องขโมยของ เขามีวิธีกว่าร้อยวิธีในการทำให้เรื่องนี้สงบลง ซ่านอิงเองก็กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ ดูจากการที่เขาไปปล้นคนมาตั้งมากมายก็ดูออกว่าเขาได้เตรียมการไว้แล้ว พี่น้องตระกูลหลี่สองคนนั้นต้องปิดปากแน่นอย่างแน่นอน ตราบใดที่คนซวยไม่ใช่ราชวงศ์ พวกเขาก็ไม่สนใจ สำหรับชีวิตของคนที่แม้แต่มดแมลงก็เทียบไม่ได้พวกนั้น พวกเขาย่อมไม่คิดจะสนใจ 

 

 

คนสามคนที่ได้ทำตามความปรารถนาของตัวเองเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาทางประตู ในมือของหลี่ไท่มีมีดเล็กๆ ที่ห่อด้วยผ้าไหม ของสิ่งนี้สามารถซ่อนไว้ที่กลางนิ้ว พอกำหมัดมันก็จะโผล่ออกมาตามรอยนิ้ว เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งของซ่านอิง ถึงแม้ว่าหลี่ไท่จะยังเล่นไม่ค่อยชำนาญ แต่เมื่อเห็นดาบที่ส่องแสงแวววาวและฟันสีขาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะซวย ใบมีดที่บางเท่าปีกจักจั่น กรีดไปทีหนึ่งใช้เวลาตั้งนานกว่าเลือดจะไหลออกมา เป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมของเหล่านักเลง 

 

 

หน้าอกของหลี่เค่อพองออกมา ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่ง เขายิ้มอย่างชอบอกชอบใจ ซ่านอิงเหลือบไปมองเหอเซ่าทีหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปยังสวนข้างหลัง ตอนนี้ต้ายาคงจะเป็นกังวลมาก ทุกครั้งที่เขาเห็นนางมีอารมณ์เช่นนี้ เขามักจะรู้สึกสบายใจและรู้สึกอบอุ่น