สายตาของซินเยว่เยี่ยนมองตามไปอย่างว่องไว
เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนควบม้านำหน้า อวี้เหว่ยอยู่ด้านหลัง แล้วยังมีผู้ติดตามอีกหลายคน หนึ่งในนั้นเป็นคนหน้าตาดีผู้หนึ่ง แต่พวกนางไม่เคยพบมาก่อน ทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
“คือ…” ซินเยว่เยี่ยนชะงักไป หันมองซือหม่าหรุ่ย “ไหนว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกไปจากชายแดนแล้ว”
มุมปากซือหม่าหรุ่ยกระตุกทีหนึ่ง “ข้าจะรู้ได้ที่ไหนกันว่าเขาจากไปแล้วยังจะกลับมาอีก”
เมื่อคิดถึงสองสามวันที่ผ่านมา เพราะการจากไปของเขาทำให้เยี่ยเม่ยเสียใจปานนั้น ซือหม่าหรุ่ยกระตุกมุมปากอย่างอดใจไม่ไหว นางอยากบอกเหลือเกินว่า แน่จริงจากไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลยสิ
มาตอนนี้ไม่เท่ากับว่า เยี่ยเม่ยร้องไห้เสียเปล่าหรืออย่างไร
อืม….
ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยอย่างจนปัญญา “ข่าวนี้จะบอกเยี่ยเม่ยหรือไม่”
“ต้องบอก! แต่ว่าไม่ให้พวกเราบอก เชื่อว่าพวกที่อยู่ข้างล่างต้องเอาข่าวนี้ไปบอกนางอย่างแน่นอน”
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยไป ก็เห็นเซียวเยว่ชิงที่ลงไปอยู่ข้างล่างหอสังเกตการณ์ประตูเมือง
คนอย่างมู่หรงเหยาฉือมาถึง เซียวเยว่ชิงก็วิ่งไปรายงานเยี่ยเม่ย ในเมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมา ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รายงานกระมัง
ซินเยว่เยี่ยนฟังคำตอบ แล้วพยักหน้า “ข้าจะส่งข่าวให้อู๋เหิน บอกเขาว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมาแล้ว!”
ก่อนหน้านี้เยี่ยเม่ยไปหาอู๋เหิน ขอให้ช่วยแสดงละครร่วมกับนาง อู๋เหินรับปากแต่ก็ไม่ย้ายมา นางเคยถามเขาด้วยความฉงนว่าทำไมไม่ย้ายมา
ผลคืออู๋เหินในตอนนั้นตอบนางว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่อยู่ ต่อให้เขาย้ายมาเยี่ยเม่ยก็ไม่มีความจำเป็นต้องแสดงละคร เมื่อถึงยามนั้นไม่มีอะไร ไม่แน่ว่าเยี่ยเม่ยพานจะรู้สึกว่าเขาเกะกะ ดังนั้นเขาจึงไม่ย้ายมา
อีกทั้งในตอนนี้อู๋เหินยังบอกนางว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องกลับมาแน่
ให้นางรอดูว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมาแล้วค่อยไปรายงานเขา
ตอนนั้นนางยังคิดว่าอู๋เหินคาดเดาไปอย่างนั้นเอง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจากไปแล้วจะกลับมาอีกทำไม คราวนี้เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนำคนกลับมาจริงๆ ซินเยว่เยี่ยนค่อยตระหนักได้ว่า น้องชายของตนช่างมองการณ์ไกล หาใช่คาดเดาไปมั่วๆ อย่างที่นางคิดสักหน่อย
“อืม เจ้าไปเถอะ!” ซือหม่าหรุ่ยผงกหัว
ต่อให้ไม่มีเรื่องที่ประมุขกูเยว่ช่วยนางตามหาเซียวชิน ในเวลานี้คนที่ซือหม่าหรุ่ยสนับสนุนมากที่สุดก็ยังเป็นกูเยว่อู๋เหิน
ไม่ว่าอย่างไรคนของเป่ยเฉินคนไหนล้วนไม่ใช่ตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเยี่ยเม่ยเลยสักคน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเสินเซ่อเทียนเลย ภายหน้าเมื่อฐานะของเยี่ยเม่ยเปิดเผยออกมา เขาจะต้องกลายเป็นศัตรูของเยี่ยเม่ย
บางทีเมื่อเทียบกับเป่ยเฉินอี้แล้ว ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดเสียด้วยซ้ำ
สถานการณ์ในตอนนี้ หวังให้ซือหม่าหรุ่ยสนับสนุนเสินเซ่อเทียนก็เป็นไปไม่ได้
ซินเยว่เยี่ยนกลับถามขึ้นว่า “เจ้าว่า มีโอกาสที่เยี่ยเม่ยจะเลือกอู๋เหินไหม” อย่างไรเสีย ซินเยว่เยี่ยนก็รู้ว่า คนที่เยี่ยเม่ยชอบพออยู่ก่อนหน้าคือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ซือหม่าหรุ่ยมองนางทีหนึ่ง เงียบอยู่สักพัก ค่อยเอ่ยไปตามตรง “ข้ารู้สึกว่าเยี่ยเม่ยในตอนนี้ น่าจะไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องความรัก”
เรื่องอยู่ในสมองของเยี่ยเม่ยตอนนี้คือการแก้แค้น
ซือหม่าหรุ่ยไม่คิดว่าเยี่ยเม่ยมีอารมณ์สนใจเรื่องความรักจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางชอบเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมากมายนัก ถึงบอกว่าเลิกก็เลิก แต่ดูท่าก็คงไม่หลงรักคนใหม่ได้ไวนัก
ซินเยว่เยี่ยนเดาะปากด้วยท่าทางสิ้นหวังอยู่บ้าง แต่ยังเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าอู๋เหินต้องไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่! ไม่ว่าอย่างไรเยี่ยเม่ยก็ไม่ผิดต่อความหวังของข้า กลายเป็นสตรีคนแรกที่เข้าตาอู๋เหินในตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
มิใช่เพราะนางซินเยว่เยี่ยนกินอิ่มว่างงานหาน้องสะใภ้ที่ชายในดวงใจแล้วอย่างเยี่ยเม่ย ซ้ำยังเป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทั้งต้องรอให้ผู้อื่นเกิดเรื่องแล้วค่อยเข้าไปแย่ง
อีกอย่างยังเป็นครั้งแรกในตลอดหลายปีที่นางเห็นคนสันโดษอย่างกูเยว่อู๋เหินเห็นสตรีคนหนึ่งอยู่ในสายตา นางรู้ถึงข้อดีและความแตกต่างจากผู้อื่นของเยี่ยเม่ย ถึงเข้าใจว่าต่อให้ต้องผ่านอุปสรรคแต่ก็ต้องเป็นเยี่ยเม่ยเท่านั้น
“ข้าก็หวังว่ากูเยว่อู๋เหินจะทำได้!” ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยจากใจ เอ่ยปากว่า “เพราะข้าเองไม่อยากให้นางใช้ชีวิตต่อไปอย่างโดดเดี่ยวและเสียใจ”
หากเยี่ยเม่ยรักกูเยว่อู๋เหินได้ เมื่อคิดถึงเป่ยเฉินเสียเยี่ยนย่อมไม่เสียใจถึงเพียงนั้นอีกแล้ว
“ดังนั้นเจ้าต้องจำไว้ว่า ยามอยู่ต่อหน้าเยี่ยเม่ยต้องช่วยอู๋เหินพูดบ้าง!” ซินเยว่เยี่ยนยักคิ้วหลิ่วตาใส่ซือหม่าหรุ่ย
ซือหม่าหรุ่ยชะงักไปเล็กน้อย แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “วางใจเถอะ ข้าจะช่วย!”
นางจะคอยช่วยจริงๆ
……
ระหว่างคนทั้งสองสนทนากันเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่อยู่ด้านล่างพลันกวาดสายตามองขึ้นมา
ระยะทางห่างเช่นนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคงไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกนางหรอกมั้ง อีกทั้งพวกนางยังจงใจเอ่ยเสียงเบา แต่ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อคิดถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่ สีหน้าของสตรีทั้งสองยังถอดสีซีดขาวลงอย่างห้ามไม่ได้
ดีที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองขึ้นมาเพียงชั่วแวบ ไม่เห็นเงาร่างของเยี่ยเม่ยก็ถอนสายตากลับ
ซินเยว่เยี่ยนกับซือหม่าหรุ่ยกลับตกใจจนหน้าถอดสี หันหน้าเดินกลับเข้าเมือง
“เรื่องนี้สอนให้พวกเรารู้ว่า อย่าได้นินทาผู้อื่นลับหลัง!”
มารดามันเถอะ ทำเอาพวกนางตกใจแทบตาย!
“อย่าได้นินทาผู้อื่นลับหลังว่าจะแย่งสตรีของเขา!”
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยรับอีกประโยค
นางยอมพนันด้วยเงินห้าพวงเลย หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟังบทสนทนาของพวกนางเมื่อครู่ วันนี้นางกับซินเยว่เยี่ยนอย่าคิดมีชีวิตเดินลงไปจากหอสังเกตการณ์อีกแล้ว
“ปากพาจน เภทภัยเกิดจากปากแท้ๆ…”
……
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเซียวเยว่ชิง น้ำเสียงน่าฟังของเขาถามว่า “เยี่ยเม่ยเล่า”
ระหว่างถามเขาก็ลงมาจากหลังม้าแล้ว
เซียวเยว่ชิงรีบตอบกลับว่า “เตี้ยน…เตี้ยนเซี่ย…”
อันที่จริงเวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อสนทนากับเตี้ยนเซี่ย แข้งขาเขายังสั่นอย่างห้ามไม่ได้ หลังจากสั่นไปได้สักครู่ ค่อยเอ่ยปากว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยไปกินข้าวกับจวินซ่างแล้ว พวกเขาไปโรงเตี๊ยมที่ดังที่สุดในชายแดน มีชื่อว่าร้านหยุนไหล จวินซ่างเลี้ยงหมูหันแม่นางเยี่ยเม่ย!”
เซียวเยว่ชิงรีบรายงานเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
จวินซ่าง?
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้วถามว่า “ความหมายของเจ้าคือ เสินเซ่อเทียนมาแล้ว?”
“นี่…” เซียวเยว่ชิงกลัดกลุ้ม ไหนว่าจวินซ่างคืออาจารย์ขององค์ชายสี่มิใช่หรือ ไฉนองค์ชายสี่ถึงเรียกชื่อออกมาตรงๆ โดยไม่เกรงใจเลย
แต่ว่าหาใช่เรื่องที่เขาต้องกังวลใจ เซียวเยว่ชิงพยักหน้า “ใช่ เช่นนั้นยามนี้ท่านจะ…”
“พาเยี่ยนไปหาพวกเขา”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนส่งแส้ในมือให้อวี้เหว่ย สั่งการเซียวเยว่ชิง
เซียวเยว่ชิงรีบพยักหน้าทันที “ขอรับ!”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็นำทางไป
……
ฝ่ายมู่หรงเหยาฉือได้ฟังข่าวก็ดีใจอย่างถึงที่สุด “เจ้าบอกว่า องค์ชายสี่กลับมาแล้ว?”