บทที่ 1031 จิงฉิงเทียน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1031 จิงฉิงเทียน

แสงสีทองครอบงำกวาดออก

ทำให้พื้นที่ทั้งหมดตกอยู่ในสภาพวินาศสันตะโร แต่หานซัน จิ่วโยวและคนที่เหลือกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน จากนั้นก็หันกลับมองไปในระยะไกลด้วยสายตาเคร่งเครียด

ที่ตรงนั้นจอมยุทธ์สามคนที่ไม่มีใครให้ความสนใจตั้งแต่แรก ร่างธรรมดาร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวย่างออกมา เขามีรูปร่างผอมเพรียว แต่เมื่อเขาเดินออกมาก็มีแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้กระจายออกไป

“ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกบังคับให้แสดงตัวที่นี่… ตอนแรกข้าคิดแค่ต้องการปะทะกับอัจฉริยะเผ่าเทพอสูรระดับสูงเท่านั้น”

เมื่อร่างนั้นเงยหน้าขึ้นก็เผยให้เห็นใบหน้าที่ดูธรรมดามาก แต่เมื่อเขายิ้มความคมชัดที่น่าสะพรึงก็รวมกันอยู่ในดวงตา

“เจ้าคือ…จิงฉิงเทียน?!”

เมื่อหานซันเห็นชายผู้นี้ม่านตาก็หดลงอดร้องอุทานออกมาไม่ได้ “ได้ข่าวว่าเจ้ากำลังปิดตัวฝึกยุทธ์เพื่อเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นแปดไม่ใช่เหรอ?”

“จิงฉิงเทียน?” มู่เฉินหดดวงตาลงเช่นกัน ชายคนนี้ก็คือหัวหน้ากลุ่มที่ได้รับฉายาว่าวีรบุรุษคู่ทองคำ—จิงฉิงเทียน แต่ฉายานั่นไม่เหมาะกับรูปร่างธรรมดาของเขาเลย

“ง่ายที่จะบรรลุได้ยังไง ดังนั้นข้าจึงออกมาเพื่อหาโอกาสน่ะ…” จิงฉิงเทียนยิ้มขณะยกมือขึ้น ลวดลายหลิงที่แผ่นหลังก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อลวดลายหายไป ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่ทรงพลังผิดปกติลุกโชนขึ้นในร่างกายของเขา

“เจ้าน่าจะสัมผัสถึงข้าได้แล้วสินะ?” จิงฉิงเทียนมองไปที่มู่เฉิน

สายตาของมู่เฉินวูบไหว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ดังนั้นจึงตั้งระวังไว้ในใจ ตอนที่เขาสังหารจอมยุทธ์เหล่านั้นทีละคน ก็มีเป้าหมายที่จะบังคับให้อีกฝ่ายแสดงตัวตนออกมาเช่นกัน

ทว่าความอดกลั้นของชายคนนี้เกินความคาดหมาย ตอนแรกมู่เฉินต้องการใช้พลังของค่ายกลเทพเผาผลาญฆ่าอีกฝ่ายทันทีที่เขาเผยตัวตนออกมา แต่ใครจะคิดว่าเขาจะทนได้นานขนาดนั้น? ไม่เพียงแต่จะรอจนกระทั่งพลังของค่ายกลลดลงไปครึ่งหนึ่ง ซ้ำยังสามารถหาได้ว่าแถวแสงที่สำคัญอยู่ที่ไหน เมื่อเคลื่อนไหวก็ทำลายสัญลักษณ์หลิงยิ่งและทำลายล้างค่ายกลอย่างรุนแรง

ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือความคิดก็ลึกและยากหยั่ง

“เจ้าช่างโหดเหี้ยม” มู่เฉินพูดเสียงเบา หากชายคนนี้แสดงตัวให้ไวก็สามารถช่วยพรรคพวกไว้ได้

จิงฉิงเทียนยิ้ม “ข้าจะฝังเจ้าไว้กับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะไม่ตายอย่างไร้ค่า”

“งั้นเหรอ?” มู่เฉินหรี่ตาลง

“มู่เฉินระวังตัว ชายคนนี้เป็นยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากในเผ่าราชสีห์ทองคำ ซึ่งเทียบได้กับอัจฉริยะเผ่าเทพอสูรชั้นนำเลยทีเดียว ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดเขาก็ยังได้รับการพิจารณาให้อยู่ในอันดับต้นๆ ด้วย” เสียงเคร่งเครียดของหานซันถูกส่งมาซึ่งเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีอันตรายที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างจิงฉิงเทียนซึ่งแข็งแกร่งกว่าหานซันมาก ชายคนนี้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา

นั่นคือระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดแท้จริง แม้แต่หานซัน จิ่วโยวและคนอื่นก็อ่อนแอกว่าเขา

“ฮี่ๆ ในเมื่อเขาถูกบีบให้ต้องแสดงตัว วันนี้พวกแกทุกคนก็หนีไม่รอด” ฮั่วหยังสาดยิ้มเยาะเย้ย เขาไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของจิงฉิงเทียน ชัดว่ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาไม่ลังเลที่จะหักหลังหานซัน นอกจากนี้ยังเชี่อว่าเผ่าราชสีห์ทองคำจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย

“แม้ว่าค่ายกลของมันจะมีความสามารถบ้าง แต่ตอนนี้สลายหมดแล้ว หากไม่มีเวลาเพียงพอ มันก็ไม่สามารถสร้างได้อีก!”

เมื่อสักครู่มู่เฉินได้เปิดเผยการใช้ค่ายกลไปแล้ว ดังนั้นด้วยความคิดของจิงฉิงเทียน เขาไม่มีทางให้มู่เฉินตั้งค่ายกลได้อีกแน่นอน มู่เฉินก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นตั้งแต่การปรากฏตัวของจิงฉิงเทียน เขาก็ไม่คิดจะสร้างค่ายกลเพื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

“เร็วไปหน่อยมั้งที่จะเฉลิมฉลอง” จิ่วโยวเย้ยหยันเสียงเยือกเย็น จิงฉิงเทียนเป็นจอมยุทธ์ไม่ธรรมดาก็จริง แต่ถ้าเขาคิดว่าไพ่ตายของมู่เฉินเป็นค่ายกลละก็ ผิดถนัดแล้ว

เมื่อฮั่วหยังได้ยินคำพูดของนาง เขาก็เค้นเสียงเยาะ คนเหล่านี้ยังคิดพึ่งเจ้าบ้าอย่างมู่เฉินอีกรึ? การเผชิญหน้ากับอัจฉริยะตัวจริงของเผ่าราชสีห์ทองคำ ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินที่ไร้ชื่อเสียง กระทั่งอัจฉริยะอันดับต้นๆ ของเผ่าเทพอสูรก็ต้องให้ความสำคัญกับจิงฉิงเทียน

“พี่มู่ ต้องการให้พวกข้าช่วยไหม?” จอมยุทธ์สามคนเผ่าแรดอสูรก็ทะยานเข้ามาด้วยความระมัดระวัง พวกเขาเหลือบมองจิงฉิงเทียนอย่างหวดาผวา ก่อนที่จะถามเสียงเบา

มู่เฉินส่ายหัวเบาๆ จิงฉิงเทียนทรงพลัง จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาไม่สามารถเผชิญหน้าได้ หากพวกเขาเข้ามาช่วยในการต่อสู้ เขายังต้องแยกความสนใจในการปกป้อง ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพในการต่อสู้ของตนเองไป

เมื่อทั้งสามรับรู้ก็ไม่พูดอะไรถอยฉากออกไปทันที แม้ว่าจะค่อนข้างน่าอับอาย แต่พวกเขาก็รู้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานแน่หากเข้าไปยุ่งในการต่อสู้ระดับนี้

“ดูเหมือนว่าเจ้ามั่นใจในตัวเองมากเลยนะ?” จิงฉิงเทียนก้าวสามขุมเข้ามาช้าๆ หยุดอยู่ห่างจากมู่เฉินประมาณร้อยก้าว เขามองมู่เฉินด้วยสายตาประหลาดใจ

“ไม่งั้นล่ะ?” มู่เฉินยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว

จิงฉิงเทียนพยักหน้าเบาๆ “จิงเลี่ยตาไม่ดี มองไม่ออกเลยว่าเจ้านี่แหละที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้ แต่…นี่อาจยังไม่เพียงพอ”

ชายคนนี้ดูธรรมดามากไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เมื่อเขาพูดก็มีความรู้สึกกดขี่กวาดออก ตอนนี้เขาถึงได้สมกับชื่อเสียงในฐานะอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าราชสีห์ทองคำ

“งั้นก็ชี้แนะด้วย”

แสงสีทองรวมตัวกันในดวงตาของมู่เฉิน นับตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนเสินโซ่ เขาก็ได้พบกับอัจฉริยะจำนวนมากและส่วนใหญ่ไม่อ่อนแอ คุณภาพของพวกเขาสูงกว่าอัจฉริยะภูมิภาคทางเหนือมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะจิงฉิงเทียนที่ยืนอยู่ต่อหน้า ชายผู้นี้เป็นตัวอันตรายที่สุดในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่เขาเจอมา

แต่เผชิญหน้ากับศัตรูที่อันตรายเช่นนี้ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะไม่กลัว เขายังรู้สึกถึงเลือดในกายเดือดพล่าน นับตั้งแต่เขาบรรลุขั้นสองของวิชากายามังกรหงส์ เขายังไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้ที่บีบรัดหัวใจเลย

ครั้งก่อนที่ต่อสู้กับจงเถิง แม้แต่ชายคนนั้นก็ไม่สามารถบังคับให้เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีได้

ดังนั้นมู่เฉินก็อยากรู้ว่าตัวเขาจะเป็นอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดหลังจากเร้ากายามังกรหงส์ไปถึงขีดสุด

จิงฉิงเทียนมองมู่เฉินที่กำจายรัศมีออกมาอย่างช้าๆ ก็หดดวงตาลง “ช่างเป็นพลังกายที่ทรงประสิทธิภาพนัก…”

แม้จะยังไม่ได้สู้ แต่เขาก็สามารถรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ทรงพลังที่มาจากพลังกายของมู่เฉิน จากการประเมินของเขาเพียงแค่พลังกายของมู่เฉินก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาจะเผชิญได้แล้ว

“ข้าต้องการท้าทายจอมยุทธ์หลายคนในการพัฒนาครั้งนี้ ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นหินรองเท้าให้ แต่น่าเสียดายที่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ที่นี่จะกลายเป็นสุสานของเจ้า”

จิงฉิงเทียนสูดหายใจลึก ความกระหายเลือดพลุ่งพล่านในดวงตา เขามองไปที่มู่เฉินก็ยิ้มกริ่ม สายตาถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหาร ทำให้ดูดุร้ายยิ่งขึ้น

เขาเห็นมู่เฉินเป็นหินรองเท้าสำหรับการพัฒนาไปแล้ว!

“กลัวว่าดาบของเจ้าจะคมไม่พอ ระวังทู่ซะก่อนละ”

มู่เฉินยิ้มบางพร้อมกับย้อนเสียงเรียบ แต่ความหมายที่แฝงอยู่กลับไม่ยอมใคร แม้จะต้องเผชิญกับสีหน้าของจิงฉิงเทียนซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นป่าเถื่อน มู่เฉินก็ไม่คิดจะถอยหนีสักนิด

“ฮ่าฮ่า ดี! แกกล้าดี!”

เมื่อจิงฉิงเทียนได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เขาก็ไม่โกรธกลับหัวเราะสมใจลั่นฟ้า สุดท้ายเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงคำรามของราชสีห์ดังกึกก้องไปทั่วขอบฟ้า ทำให้พื้นดินโยกคลอนไปหมด

แสงสีทองครอบงำไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากร่างกายพร้อมกับเส้นผมและดวงตาของจิงฉิงเทียนเปลี่ยนเป็นสีทอง เมื่อมองจากระยะไกลดูเหมือนสิงโตทองคำดึกดำบรรพ์ที่มีพลังอันน่าอัศจรรย์

คลื่นหลิงรุนแรงกวาดออกราวกับคลื่นยักษ์กวนตัวในมิติ พลังนี้ทำให้แม้แต่ใบหน้าของหานซันและจิ่วโยวยังเปลี่ยนไป

“ฮ่าๆ นานแค่ไหนแล้ว ไม่มีคนกล้าพูดกับข้าในลักษณะนี้”

ดวงตาสีทองของจิงฉิงเทียนจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน จากนั้นเขาก็ยิ้มกริ่มพลางหัวเราะร่า “แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้ารู้สึกว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดคำเหล่านี้ ข้าจะหักกระดูกแกทีละท่อนเลย!”

“ตู้ม!”

เมื่อพูดจบจิงฉิงเทียนก็กระทืบเท้า พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ายุบตัวลง ร่างทะยานออกไปกลายเป็นแสงสีทองแล้วหายวับไป

เมื่อจิงฉิงเทียนหายตัวไป แสงสีทองก็พวยพุ่งในดวงตามู่เฉิน นั่นเป็นผลจากการเร้าวิชากายามังกรหงส์ ฝ่าเท้าเคาะลง ร่างกลายเป็นลำแสงถอยออกมา

ตู้ม!

กำปั้นทองคำทะลุผ่านมิติปรากฏในตำแหน่งที่มู่เฉินยืนอยู่ก่อนหน้า ทันใดนั้นชั้นมิติแปรปรวน รอยแตกปรากฏขึ้น ชั้นดินพังทลาย

พลาดเป้าไป สีหน้าของจิงฉิงเทียนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาเหวี่ยงกำปั้นทั้งสองออกไปอีกครั้ง ดูราวกับเทพสายฟ้าควงค้อน ทำให้เกิดเสียงดังก้องและพลังรุนแรง

ร่างของมู่เฉินถอยกลับอีกครั้งราวกับต้องการหลบหนี

“ทำไม? เมื่อครู่เจ้าแค่พูดจาวางกล้ามใหญ่โตเหรอ? ทำไมถึงได้น่าอนาถเช่นนี้?” จิงฉิงเทียนเปิดตัวโจมตีไม่ยั้ง เสียงหัวเราะดังขึ้นตามมา

มู่เฉินที่ถอยออกไปก็หยุดชะงักกึก แสงสีทองพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุดในส่วนลึกของรูม่านตา ก่อนที่เขาจะกำหมัดอย่างช้าๆ

บนแขนจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงปรากฏขึ้น ขณะที่พัวพันไปบนท่อนแขนของเขา เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ดังสะท้อนรุนแรงภายในร่างกายของมู่เฉิน ทำให้กระแสโลหิตและรัศมีปั่นป่วน คลื่นหลิงอาละวาดมากขึ้น

ตู้ม!

แสงสีทองระเบิดที่มิติเบื้องหน้า ร่างจิงฉิงเทียนก็วาบขึ้นมาอีกครั้ง หมัดทองคำของเขาปกคลุมเข้ามาราวกับสิงโตกลืนกินท้องฟ้า เหมือนสามารถทำลายแผ่นดินได้เลยทีเดียว

แต่เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าตกใจของจิงฉิงเทียน มู่เฉินก็ไม่ถอย เพราะเขารู้สึกได้ว่ากายามังกรหงส์เดือดพล่านถึงขีดสุดแล้ว

เขาไม่สามารถหยุดยั้งพลังระเบิดที่ต้องการระเบิดได้แล้ว

ในเมื่อไม่สามารถระงับได้อีกต่อไปก็ระเบิดกันเลย!

ให้ข้าดูสิว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดจะทรงพลังมากแค่ไหน!

แสงสีทองวาบขึ้นในม่านตาดำของมู่เฉิน แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง หมัดที่แผ่ซ่านแสงสีทองก็พุ่งออกไปในเวลานี้

จังหวะนั้นหมัดทรงพลังทั้งสองก็ปะทะกันภายใต้สายตาแข็งค้างมากมาย