เย่เจิ้งฉีแอบทอดถอนใจ “ตระกูลเฉินกำเนิดผู้เก่งกาจ”
ไม่เพียงเย่เจิ้งฉีเท่านั้นที่ถอดถอนใจเช่นนี้ คนเหล่านั้นที่มาอวยพรปีใหม่แก่ตระกูลเฉิน ในใจก็มีความคิดแบบนี้
แม้แต่นายกฯจ้าวก็แอบถอดทอนใจ “ตระกูลเฉินกำเนิดผู้เก่งกาจแล้ว!”
เฉินกั๋วเหลียงก็ตกใจเช่นกัน แต่ในฐานะผู้นำตระกูลเฉิน เขาไม่ได้เผยออกมา
เขาไม่รู้ว่าเฉินโม่กำลังลังเลอะไรอยู่ แต่เขาคิดว่าเฉินโม่น่าจะมีความคิดของตัวเอง แต่เขาก็ยังอดพูดแทรกไม่ได้ “เสี่ยวโม่ นายรู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลเฉินของฉันถึงได้มียศถาอย่างเช่นทุกวันนี้?”
เฉินโม่มองเฉินกั๋วเหลียงอย่างไม่เข้าใจ เขาส่ายหน้าพูดขึ้น “ท่านปู่เชิญพูด!”
เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้า ใบหน้าเหี่ยวย่นเผยสีหน้าเคร่งขรึม “นั่นเป็นเพราะบรรพบุรุษตระกูลเฉินของฉัน พลีชีพเพื่อชาติ ตระกูลเฉินมีวีรบุรุษ ดังนั้นถึงได้แลกกับความมั่งคั่งและเกียรติยศของคนรุ่นหลัง”
เฉินกั๋วจงกับเฉินกั๋วต้งที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าเสียใจออกมา เหมือนกับนึกถึงยุคสมัยนั้นที่น่าเวทนา บรรพบุรุษตระกูลเฉินสละชีพของตัวเอง อาจหาญและเข้มแข็ง กล้าหาญสละชีพในหน้าที่
เฉินกั๋วจงพูดเสียงเข้ม “เสี่ยวโม่ มีประโยคแบบนี้ในคำสั่งสอนของตระกูลเฉิน ประเทศเรียกตัว ก็ต้องพลีชีพ! นายจำได้หรือไม่?
เฉินโม่ไม่พูด คำสั่งสอนตระกูลเฉินเหรอ…เอาเถอะ เขาไม่ได้จำด้วยซ้ำ
เฉินกั๋วต้งพูดต่อ “ตอนนี้พลเอกมาด้วยตัวเอง มอบภารกิจสำคัญแก่นาย ในฐานะลูกหลานตระกูลเฉิน ต้องปฏิบัติตามโดยไร้เงื่อนไข ถึงจะกตัญญูต่อบรรพบุรุษตระกูลเฉิน!”
เฉินกั๋วต้งพูดอย่างเด็ดขาดเป็นอย่างมาก เหมือนกับกลัวว่าเฉินโม่จะไม่รับปาก
เจียงเหอซานประสานกำปั้นคารวะผู้อาวุโสสามท่านของตระกูลเฉินแล้วพูดขึ้น “คุณท่านทั้งสามไตร่ตรองสถานการณ์โดยรวม ได้โปรดรับการคารวะจากเจียงเหอซาน!”
ขณะพูดเจียงเหอซานโค้งตัวแสดงความเคารพ
เฉินกั๋วเหลียงรีบเข้าไปประคองเจียงเหอซาน “ท่านพลเอก อย่าทำเช่นนี้ ในฐานะคนหัวเซี่ย การช่วยเหลือประเทศเป็นความรับผิดชอบของคนตระกูลเฉิน ไม่สามารถรับการคารวะอันยิ่งใหญ่จากท่านพลเอกได้!”
เจียงเหอซานลุกขึ้น มองไปทางเฉินกั๋วเหลียงแล้วทอดถอนใจพูดขึ้น “ทุกคนเข้าใจหลักการ แต่สามารถพูดออกมาเช่นนี้ได้มีสักกี่คนกัน? ทั้งสามท่านคุณธรรมสูงส่ง เจียงเหอซานเลื่อมใสจากใจจริง!”
เฉินจิงเย่ก็โน้มน้าวอยู่ด้านข้าง “เสี่ยวโม่ ท่านปู่ทั้งสามของนายพูดแบบนี้แล้ว นายอย่าทำให้พวกท่านผิดหวัง!”
หลี่ซู่เฟินถลึงตาใส่เฉินจิงเย่ ตวาดเสียงเบา “ถ้าหากให้เสี่ยวโม่ไปตาย คุณก็ให้เขาไปเหรอ? เรื่องนี้ควรจะฟังความคิดของเสี่ยวโม่เอง พวกคุณไม่ต้องเกลี้ยกล่อมเขา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเลือกอย่างถูกต้องของเขา!
เฉินจิงเย่เงียบในทันที
ในฐานะผู้หญิง โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ หลี่ซู่เฟินไม่สนความชอบธรรมของประเทศอะไรหรอก เธอหวังแค่เพียงลูกของตัวเองอยู่เย็นเป็นสุข
เฉินโม่เกิดความอบอุ่นในใจ เขามีตัวเลือกแล้ว
เขาไม่ใส่ใจยศพลตรีอะไรนั่นได้ ไม่ใส่ใจความคิดของปุถุชน แต่ไม่ใส่ใจคนในตระกูลของเขาไม่ได้
บางทีหลังจากช่วงเวลาหนึ่ง เฉินโม่อาจจะจากโลกไป แต่ครอบครัวของเขากลับยังต้องมีชีวิตอยู่บนโลก เฉินโม่ไม่สามารถใช้ความสะใจของตัวเองเพียงชั่วคราว และไม่สนใจความรู้สึกของครอบครัว
โดยเฉพาะครั้งที่แล้วที่ได้พบกับหญิงสาวลึกลับคนนั้นที่ซีเป่ย เฉินโม่รู้ดีเป็นอย่างมาก หญิงสาวคนนั้นคืผู้บำเพ็ญที่สมบูรณ์แบบ
ถึงแม้กำลังของเธอจะอ่อนแอกว่าเฉินโม่เยอะ แต่ก็เป็นภัยอันใหญ่ตลกด เมื่อเฉินโม่ไม่อยู่ หากหญิงสติฟั่นเฟือนคนนั้นแก้แค้นคนตระกูลเฉิน เช่นนั้นเฉินโม่จะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตเหรอ?
แต่ถ้าหากมียศพลตรีนี้ ก็ถือว่ามีการดูแลจากทางการ ต่อให้เป็นหญิงสาวลึกลับคนนั้น ก็ไม่กล้าทำการอุกอาจ
“เจียงโส่วจ่าง คุณชนะแล้ว ฉันไปกับคุณ!” เฉินโม่ยิ้มบางๆ พูดขึ้น
เจียงเหอซานหัวเราะดังลั่น “ท่านได้กล่าวไว้แต่แรกแล้ว นายไม่มีทางปฏิเสธ”
เฉินโม่ถอนหายใจเบาๆ ตรงหน้าปรากฏภาพบุคคลท่านนั้นยืนอยู่บนยอดพีระมิดหัวเซี่ย “หัวเซี่ยมีผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะกลุ้มใจไปไยว่าความรุ่งเรืองในอดีตจะไม่กลับมา?”