เจียงเหอซานมองเฉินโม่แล้วพูด “ฉันให้เวลานายสามวัน สามวันให้หลังฉันรอนายอยู่ที่ยานจิง เป็นเช่นไร?”

เฉินโม่พูดอย่างเรียบเฉย “ไม่จำเป็น พวกเราไปกันตอนนี้เถอะ!”

เจียงเหอซานชะงักงัน “ตอนนี้? นายแน่ใจ?”

“ไปเถอะ!” เฉินโม่ไม่อยากอยู่ต่อไป เขาคาดเดาได้ว่าถ้าหากยังอยู่ที่ตระกูลเฉินต่อ ต่อไปจะมีงานเลี้ยงมากมาย

เฉินโม่ไม่ชอบงานเลี้ยงที่จอมปลอมแบบนี้ ดังนั้นจึงติดรถของเจียงเหอซานหลบหลีกไปด้วยเสียเลย

เจียงเหอซานเหมือนจะเข้าใจความคิดเฉินโม่ จึงยิ้มบางๆ “ตกลง งั้นพวกเราไปกันเถอะ!”

เฉินกั๋วเหลียงรีบพูดขึ้น “ไม่เช่นนั้นโส่วจ่างอยู่ทานอาหารกลางวันก่อนแล้วค่อยเดินทางเถอะ ให้พวกเราที่เป็นนายถิ่นได้เลี้ยงอาหารพวกท่าน”

เจียงเหอซานคำนับพูด “ความหวังดีของผู้นำเฉินฉันรับไว้แล้ว ทานอาหารไม่ต้องหรอก เปลี่ยนวันฉันค่อยมาเลี้ยงต้อนรับเฉินโม่ด้วยตนเอง!”

สำหรับเจียงเหอซานบุคคลใหญ่โตเช่นนี้ เฉินกั๋วเหลียงไม่สะดวกที่จะเหนี่ยวรั้ง จึงพยักหน้า “ก็ได้ งั้นฉันไปส่งโส่วจ่าง!”

มู่หรงยานเอ๋อร์และเฉินเข่อเอ๋อร์ตาปริบๆ มองไปทางเฉินโม่ ไม่อยากให้เฉินโม่ไปทั้งแบบนี้

แต่ว่า คนที่ไม่อยากให้เฉินโม่จากไปมีเยอะแยะ แต่กลับไม่มีใครที่สามารถขัดขวางทางเลือกของเฉินโม่ได้ โดยเฉพาะเฉินโม่ใช้นามของเจียงเหอซาน

เห็นเฉินโม่จะจากไป หลี่ซู่เฟินรีบลุกขึ้นยืน พูดกำชับ “เสี่ยวโม่ ต้องระวังตัวในทุกเรื่อง ห้ามอวดดีเด็ดขาด!”

เฉินโม่หันมายิ้มกับแม่: “แม่วางใจได้ ลูกรู้ขอบเขตของตัวเอง”

เฉินโม่เคลื่อนสายตาไปทางเฉินจิงเย่ “ท่านพ่อ ลูกไปล่ะ พ่อกับแม่รักษาตัวด้วย!”

เฉินจิงเย่พยักหน้า พูดเสียงเข้ม “ไปเถิด อย่าให้คนอื่นดูถูกตระกูลเฉิน”

“ครับ” เฉินโม่พยักหน้า จากนั้นมองไปทางเฉินกั๋วเหลียง อย่าให้เสียหน้าตระกูลเฉินของพวกเรา!”

“ท่านปู่ รักษาตัวด้วย หลานจะรีบไปรีบกลับ!”

เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้า ใบหน้าเหี่ยวย่นตื่นเต้นจนสั่นเทาเล็กน้อย “ไปเถิด นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่ชาติชายตระกูลเฉินควรจะทำ ปู่ภูมิใจในตัวหลาน!”

“ทุกท่าน ฉันขอตัวลา!” เจียงเหอซานประสานกำปั้นคารวะทุกคน จากนั้นหันหลัง สาวท้าวเดินออกไป

ตอนที่เดินมาถึงด้านข้างจินโจงรุ่น เจียงเหอซานหยุดฝีเท้าลง “น้องจิน ผ่านไปหลายปีขนาดนี้นายดูดีขึ้นเยอะนะ น่าปีติยินดียิ่งนัก!”

จินโจงรุ่นรีบโค้งตัวพูด “เป็นบุณที่ได้คุณเฉิน รักษาโรคที่ผมเป็นมานานหลายปี คนแก่อย่างฉันไม่มีสิ่งใดตอบแทน!”

เจียงเหอซานมองไปทางเฉินโม่ ยิ้มกับจินโจงรุ่นแล้วพูดขึ้น “นายวางใจเถอะ เขาไม่มีทางเรียกร้องการตอบแทนจากนายหรอก”

พูดจบ เจียงเหอซานสาวเท้าเดินออก แล้วเงยหน้าหัวเราะ “ฮ่าฮ่า…”

เฉินโม่ส่ายหน้า น้อยครั้งที่เขาจะเห็นเจียงเหอซานดีใจเช่นนี้ แต่เฉินโม่รู้ดีว่าเจียงเหอซานเดีใจเพราะเหตุใด เมื่อก่อนเจียงเหอซานกับเฉินโม่ปะทะกัน ไม่เคยชนะมาก่อน แต่เขาคิดว่าเหตุการณ์วันนี้ เขาชนะแล้ว

เพราะว่าทุกอย่างที่เฉินโม่ตอบกลับ ถูกผู้บังคับบัญชาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าทั้งหมด แทนที่จะพูดว่าเจียงเหอซานชนะ สู้พูดว่าท่านชนะจะดีกว่า

เฉินโม่มองไปทางจินโจงรุ่นและคนอื่นๆ พูดอย่างเรียบเฉย “ขอบคุณทุกท่าน บุญคุณครั้งนี้ฉันจดจำไว้แล้ว”

ทุกคนรีบโค้งตัวพูด “มิกล้า!”

เฉินโม่พยักหน้า หันหลังจากไป

ถึงแม้ตั้งแต่ต้นจนจบเฉินโม่ไม่พูดขอบคุณสักคำ แต่มู่หรงเค่อและคนอื่นๆ กลับพอใจเป็นอย่างยิ่ง สามารถทำให้เฉินไต้ซือเป็นหนี้บุญคุณ นี่มันยากลำบากพอๆ กับขึ้นสวรรค์

รอให้เฉินโม่และเจียงเหอซานจากไป มู่หรงเค่อและคนอื่นๆ ก็บอกลาซึ่งกันและกัน

“ผู้นำเฉิน ยินดีกับตระกูลเฉินที่กำเนิดผู้เก่งกาจ ฉันก็ขอตัวลา” มู่หรงเค่อประสานกำปั้นคารวะพูดขึ้น

“ ยินดีกับตระกูลเฉินที่กำเนิดผู้เก่งกาจ ยินดีกับผู้นำเฉิน ยินดีกับคุณท่านเฉิน!” เสิ่นฉีเซิ่งและคนอื่นๆพูดกับเฉินกั๋วเหลียงและเฉินจิงเย่

เฉินกั๋วเหลียงยิ้มกว้างหุบไม่ลง “ทุกท่านมาจากที่ไกล อยู่ทานอาหารแล้วค่อยกลับก็ไม่สาย!”