ภาคที่ 34 เทพจักรวาล ตอนที่ 17 วิธีการของตงป๋อเสวี่ยอิง

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

กลิ่นอายที่ม้วนตัวของทะเลทุกข์ทะลุผ่านเข้าไปในวิญญาณของอวี๋จิ้งชิว ทำให้นางต้องทนรับความทรมานของ ‘ทะเลทุกข์กลืนวิญญาณ’ อยู่ทุกวันคืน ไร้ที่สิ้นสุดชั่วนิรันดร์

 

“หืม”

 

ความเจ็บปวดขมขื่นในวิญญาณดั้งเดิมมลายหายไปในทันที อวี๋จิ้งชิวรับสัมผัสได้ถึงร่างกายของตนอย่างแจ่มชัด! ตั้งแต่ที่ถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์โยนเข้ามาที่ทะเลทุกข์ นางก็มิอาจสัมผัสได้ถึงร่างกายมาเนิ่นนานแล้ว

 

“นี่มันเรื่องอันใดกัน” อวี๋จิ้งชิวลืมตา

 

ด้านข้างก็คือต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนต้นไม้ใหญ่ กลีบดอกไม่สีแดงลอยละลิ่ว ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้าผู้หนึ่งกำลังมองดูนางอยู่ กลีบดอกไม้ร่วงลงบนร่างของชายหนุ่มอาภรณ์ขาว แล้วร่วงลงบนร่างของนางเช่นกัน

 

อวี๋จิ้งชิวมองดูอย่างตกตะลึง ไร้ซึ่งสุ้มเสียง หยาดน้ำตาก็หลั่งไหลลงมาเสียแล้ว

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นสะท้าน และนัยน์ตาก็รื้นขึ้นมาแล้ว

 

“เสวี่ยอิง กลับมาแล้วหรือ” อวี๋จิ้งชิวอดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือมิได้

 

“จิ้งชิว ให้เจ้าต้องรอนานเสียแล้ว ทำให้เจ้าต้องลำบากเสียแล้ว เป็นความผิดของข้าเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูภรรยา รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดอยู่ในใจ

 

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” อวี๋จิ้งชิวตอบสนองในทันที “ข้าถูกกักขังไว้ในโลกทิพย์โบราณ เจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไรกัน จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เล่า”

 

“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังประมือกับข้าอยู่ วางใจเถิดนะ ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว ข้าขอสาบาน!” ตงป๋อเสวี่ยอิงกอดภรรยาเอาไว้เบาๆ

 

ในอดีต

 

เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็เกิดความรู้สึกสิ้นไร้เรี่ยวแรงชนิดหนึ่ง

 

ปรมาจารย์กู่ฉีตายไป ก่อนหน้านี้ตนก็เคยถูกกดดันจนวิญญาณกระจัดพลัดพรายไปจุติใหม่ยังดินแดนจิตโลกา ภรรยาก็ถูกจับตัวไป… แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอดีตไปเสียแล้ว!

 

******

 

โลกภายนอก

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยังรักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ เพียงชั่วพริบตาก็เก็บเอาเงาร่างหกสายที่ล่องลอยอยู่ในทะเลทุกข์ตรงหน้าเข้าไปไว้ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์จนสิ้น หนึ่งในนั้นก็มีอวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาของตนด้วย

 

ในขณะที่เก็บเข้าไปนั้นเอง

 

“ปัง!”

 

พลังคุกคามอันยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่งพลันกวาดไปทั่วทั้งคุกเพลิง ในชั่วพริบตาทั่วทั้งคุกเพลิงก็นิ่งสงบไปเสียแล้ว ทะเลทุกข์ที่เดิมทีล่องลอยอยู่ก็นิ่งแข็งไปด้วย ยามรักษาการณ์และนักโทษเหล่านั้นล้วนตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อนกันทุกคน ท่ามกลางพลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ยังแฝงกลิ่นอายของกฎเกณฑ์สูงสุดบางส่วนเอาไว้ด้วย หลังจากที่คลื่นอันไร้รูปร่างนี้แผ่ปกคลุมกวาดไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เดิมทีมองไม่เห็นก็ปรากฏรูปลักษณ์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นมอง

 

สายตาของเขาทะลุผ่านการขัดขวางของห้วงมิติและการขัดขวางของสรรพสิ่ง มองปราดหนึ่งก็เห็นเงาร่างสวมอาภรณ์ด้ายถักสีดำที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหินสีดำในห้องโถงพระราชวังทางด้านบนของคุกเพลิงแห่งนั้น ขณะนี้เองจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ลืมตาขึ้นแล้วมองต่ำลงไปยังเบื้องล่าง! เขตพลังของเขาบีบบังคับให้ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัว

 

‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ อาจจะทำให้เทพจักรวาลจำนวนมากจนใจ แต่ผู้ที่ไปถึงระดับจักรวาลขั้นสุดยอดโดยทั่วไปต่างก็มีวิธีจัดการด้วยกันทั้งสิ้น

 

“เจ้าเป็นใครกัน” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มองลงไปยังชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้สวมหน้ากากสีเงินที่ส่วนลึกของคุกเพลิงเบื้องล่าง เสียงดังสนั่นก้องสะท้อนอยู่รอบกายตงป๋อเสวี่ยอิง

 

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลงจากเตียงศิลาดำ ร่างกายทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งเดินตรงลงมายังเบื้องล่าง

 

และที่ส่วนลึกของคุกเพลิง

 

ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะถูกเขตพลังกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายขัดขวาง แต่ก็ควบคุมห้วงอากาศในชั่วพริบตา ทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้! เคล็ดวิชามีเอกลักษณ์เฉพาะ ลำพังแค่ห้วงอากาศ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังร้ายกาจกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์

 

“พรึ่บ”

 

ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้

 

แต่กลางอากาศตรงเบื้องหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น นั่นคือร่างแปรร่างหนึ่งที่อาศัยพลังโลกทิพย์โบราณรวมตัวกันขึ้นมาตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ด้ายถักสีขาวร่างหนึ่ง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ด้ายถักสีขาวนี้ยื่นมือออกมาก็มีสายฟ้าปรากฏขึ้นในมือของเขา

 

“ล้างผลาญ!”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับลงมืออย่างอุกอาจ

 

ฝ่ามือของเขายื่นออกมาแล้วห่อหุ้มไปทางร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวราวกับชั้นเมฆ บนฝ่ามือมีลวดลายลับสายแล้วสายเล่าโคจร และที่เบื้องล่างของร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวก็มีฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้วย

 

ด้านบนคือฝ่ามือของตงป๋อเสวี่ยอิงฟาดลงมา ฝ่ามือใหญ่ด้านล่างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

 

ฝ่ามือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน!

 

“หืม” ร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวที่เดิมทีเฉยเมยมาโดยตลอดสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย สายฟ้าในมือแปรเปลี่ยนเป็นหอกยาวกวัดแกว่งออกมา แต่ห้วงมิติที่ฝ่ามือบนล่างทั้งสองโอบล้อมเอาไว้นั้นกลับถูกกดดันในทันที เมื่อบีบอัด ก็บีบจนบี้แบนเสียแล้ว! ร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวและหอกสายฟ้าที่เขารวมออกมาแปรเปลี่ยนเป็นภาพวาดภาพหนึ่งจนหมด ภาพวาดนี้… ภายใต้การกดดันของฝ่ามือใหญ่ทั้งสอง ในที่สุดก็สั่นสะท้านเล็กน้อยแล้วกลายเป็นผุยผงไปในที่สุด!

 

ยุทธวิธีคละถิ่น

 

เป็นยุทธวิธีที่ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ แห่งดินแดนจิตโลกาคิดค้นขึ้น สามารถสำแดงพลังของร่างคละถิ่นออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระบวนท่าลึกลับ คล้ายกับความเร้นลับของวิถีอากาศจนหมดสิ้น ความยิ่งใหญ่ของพลังคุกคามก็ย่อมเหนือกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพอยู่แล้ว

 

“ดึงลาก”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไป

 

ลำแสงขมุกขมัวห้าสายแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทุกทางอย่างรวดเร็วแล้วแผ่ขยายออกไปอย่างบ้าคลั่ง

 

“เฮอะ”

 

ในขณะนี้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะเดินมุ่งลงไปข้างล่างอย่างมิได้ตั้งใจ แต่กลับเผยความเร็วอันน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุดออกมาเสียแล้ว  จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงกับเคลื่อนที่ผ่านไปสามส่วนของระยะทางทั่วทั้งคุกเพลิงแล้ว

 

ถึงแม้ว่าลำแสงขมุกขมัวห้าสายที่แผ่มาจากรอบกายตงป๋อเสวี่ยอิงจะรวดเร็วเป็นที่สุด แต่สุดท้ายแล้วก็มาทันเพียงแค่ปกคลุมเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งคุกเพลิงเอาไว้เท่านั้น! พรึ่บ! เคล็ดผนึกห้าภาพ! คุกเพลิงสามพันเก้าร้อยชั้น  แต่ในขณะนี้เบื้องล่างราวๆ หนึ่งพันเก้าร้อยชั้นถูกเคล็ดผนึกห้าภาพของตงป๋อเสวี่ยอิงปกคลุมเอาไว้จนหมดสิ้นเสียแล้ว

 

แยกออกจนหมด ผนึกเอาไว้!

 

“พรึ่บ”

 

หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ส่วนหนึ่งของคุกเพลิงอันใหญ่มหึมาก็หายสาบสูญไปอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทั่วทั้งห้วงอากาศยังคงสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม คล้ายกับว่าแต่ไหนแต่ไรคุกเพลิงก็มีเพียงแค่ราวๆ สองพันชั้นนี้อยู่แล้วเท่านั้น

 

“หืม” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไล่ล่ามาถึงบริเวณใกล้ๆ แล้ว แต่กลับพบว่าคุกเพลิงชั้นแล้วชั้นเล่าตรงหน้าหายลับไปอย่างฉับพลัน ห้วงมิติอันใหญ่มหึมาส่วนหนึ่งก็หายสาบสูญไปเช่นนี้แล้ว เบื้องล่างกลายเป็นกรวดหินดินทรายหลายชั้นไปเสียแล้ว แต่เขากลับแววตาสว่างวาบ “การตัดแยกห้วงมิติหรือ เป็นฝีมือของจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างนั้นหรือ คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเสียแล้ว”

 

******

 

ที่เมืองราชันย์มีดแห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา

 

ร่างแยกร่างหนึ่งของบรรพชนห้วงอากาศพำนักระยะยาวอยู่ที่นี่ สอดแนมดูความเคลื่อนไหวของโลกทิพย์โบราณอยู่ห่างๆ ถึงแม้ว่าจะสอดแนมดูอย่างต่อเนื่องมาหนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีแล้ว แต่บรรพชนห้วงอากาศก็ยังคงมีความอดทนต่อไป

 

“จะเป็นเจ้าเด็กเสวี่ยอิงผู้นี้หรือไม่” บรรพชนห้วงอากาศรอคอยอย่างเงียบๆ

 

เขาสอดแนม

 

วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อสอดแนมจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่บำเพ็ญอยู่ที่นั่น และอวี๋จิ้งชิวที่ล่องลอยอยู่กลางทะเลทุกข์ในส่วนลึกของคุกเพลิง

 

“ถ้าหากเป็นเสวี่ยอิง ถ้าหากต้องการจะช่วยคน ก็จะต้องช่วยอวี๋จิ้งชิวอย่างแน่นอน! แต่โลกทิพย์โบราณจะขัดขวางเสวี่ยอิง คาดว่าคงจะมีแต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ลงมือ” บรรพชนห้วงอากาศแน่ใจว่าเพียงแค่สอดแนมคนทั้งสองนี้ตลอดเวลา เมื่อใดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยคน ก็จะต้องค้นพบอย่างแน่นอน

 

ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ…

 

บุคคลลึกลับผู้นั้นคือตงป๋อเสวี่ยอิงจริงๆ ใช่หรือไม่

 

“หืม” บรรพชนห้วงอากาศร่างกายสั่นสะท้านในทันใด ดวงตาเบิกกว้าง ในระหว่างการสอดแนมของเขา เงาร่างหกสายและอวี๋จิ้งชิวที่อยู่กลางทะเลทุกข์ชั้นนั้นหายสาบสูญไปกับความว่างเปล่า ทว่ามองไม่เห็นยอดฝีมือคนใดที่ลงมือในบริเวณรอบๆ เลย

 

“มาเร็วเข้า! ลงมือแล้ว!” บรรพชนห้วงอากาศถ่ายเสียงพูด

 

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

 

เงาร่างห้าสายปรากฏตัวขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกัน ซึ่งก็คือราชันย์มีด จอมกระบี่ บรรพชนเทียนอวี๋ บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกา! นอกจากราชันย์มีด คนอื่นๆ ล้วนเป็นเพียงแค่ร่างแปรเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็จำเป็นต้องนั่งประจำการอยู่ทุกที่ ในขณะนี้ร่างจริงของจอมกระบี่ บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกาต่างก็กำลังเร่งเดินทางมาด้วยความเร็วสูงสุดอยู่

 

“เป็นอย่างไรบ้าง”

 

“ใช่เสวี่ยอิงหรือไม่”

 

“ลงมือช่วยคนเสียแล้วจริงๆ หรือ”

 

แต่ละคนให้ความสนใจอย่างกระวนกระวาย

 

บรรพชนห้วงอากาศก็โบกมือคราหนึ่ง ด้านข้างมีภาพวาดปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือภาพวาดที่เขาได้เห็น! ที่กลางภาพวาด จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนเตียงศิลาดำยืดกายลุกขึ้นแล้ว อีกทั้งเขตพลังอันน่าหวาดหวั่นยังแผ่ปกคลุมลงไปอีกด้วย จนกระทั่งบีบให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องเผยร่างออกมา

 

ชายหนุ่มอาภรณ์ขาว หน้ากากสีเงิน

 

“เขาหรือ”

 

บรรพชนเทียนอวี๋ จอมกระบี่ ราชันย์มีด บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกา พวกเขาห้าคนต่างก็เพ่งมองรูปลักษณ์ของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นโดยละเอียด คล้ายกับจะมองหาร่องรอยบางอย่างให้ออก

 

สวมหน้ากากหรือ

 

เป็นใครกัน

 

“เขาลงมือช่วยเหลืออวี๋จิ้งชิว มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นเสวี่ยอิง” บรรพชนห้วงอากาศพูด

 

“อย่าได้รีบร้อนนักเลย ไม่แน่ว่าอาจเป็นกลเม็ดตบตาก็ได้” บรรพชนทิพย์พินิจดูอย่างละเอียด ยังเอ่ยวาจาไม่ทันจบก็หยุดลงอย่างกะทันหัน

 

เพราะในการสังเกตของพวกเขา

 

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์รวบรวมร่างแปรร่างหนึ่งในทันที ถึงกับถูกชายหนุ่มอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้นั้นกดดันผลาญทำลายด้วยฝ่ามือเดียว อีกทั้งสิ่งที่สำแดงก็คือเคล็ดวิชาวิถีอากาศ!

 

“วิถีอากาศ ห้วงอากาศ ‘ฟ้า’ และ ‘ดิน’ เชื่อมต่อกัน โลกดุจภาพวาด กดดันผลาญทำลาย” บรรพชนห้วงอากาศตื่นตระหนก เขาก็คือผู้ที่วิถีอากาศแข็งแกร่งที่สุดในทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านในตอนนี้ แต่เขามองปราดเดียวก็มองความเร้นลับนานาชนิดจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงนั้นออกมาได้แล้ว อย่างเช่นการผสานกันของ ‘ภาพฟ้า’ และ ‘ภาพดิน’ ของวิถีอากาศ อย่างเช่นโลกดุจภาพวาด กดดันผลาญทำลาย เป็นต้น ผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

 

เคล็ดวิชาเช่นนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่บรรพชนห้วงอากาศก็ยังทำมิได้

 

“ด้านวิถีอากาศของเขายังแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก!” บรรพชนห้วงอากาศพูด

 

บรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีด จอมกระบี่ และบรรพชนเทียนอวี๋ก็มองออกก่อนแล้วเช่นกัน

 

ถึงแม้ว่าความเข้าใจในวิถีอากาศของพวกเขาจะมิได้ลึกซึ้ง แต่ก็เข้าใจว่าร่างแปรของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์… ก็คงจะมีพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาล! ถึงแม้ว่าร่างแปรจะไม่มีวัตถุล้ำค่า มิได้มีร่างกายอันแข็งแกร่ง ระดับขั้นก็อ่อนแอ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาล จะกดดันผลาญสังหารร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์พลังยุทธ์ของชายหน้ากากสีเงินผู้นี้ เกรงว่าคงต้องเป็นเทพจักรวาลระดับขั้นที่สอง!

 

เทพจักรวาลระดับขั้นที่สองหรือ

 

กลเม็ดตบตาหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปเสาะหายอดฝีมือที่วิถีอากาศน่าหวาดหวั่นเช่นนี้มาจากไหนกัน

 

“พื้นฐานทางด้านวิถีอากาศของเสวี่ยอิงก็ล้ำลึกมากเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ก็เป็นสายเดียวกันกับข้า” บรรพชนห้วงอากาศพึมพำ “แต่นี่เพิ่งจะนานเท่าไหร่เอง เขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก็แล้วไปเถิด แต่ไปถึงเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองเลยหรือ”

 

“หายไปแล้ว!”

 

“หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว”

 

ทั่วทั้งคุกเพลิง เกือบครึ่งหนึ่งของคุกเพลิงอันใหญ่โตหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปกับความว่างเปล่า

 

ในภาพของการสอดแนมของบรรพชนห้วงอากาศ ก็เหลือคุกเพลิงอยู่ราวๆ สองพันชั้น

 

“สามารถหายไปกับความว่างเปล่าได้ อีกทั้งยังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลย เป็นการตัดแยกห้วงมิติอย่างนั้นหรือ นี่เป็นสิ่งที่มีแต่จักรพรรดิเก้าเมฆาเท่านั้นที่ทำได้!” บรรพชนห้วงอากาศเอ่ยอย่างพรั่นพรึง เขาก็ทุ่มเทจิตใจศึกษาการตัดแยกห้วงมิติอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่จนบัดนี้ก็ยังมิอาจตระหนักรู้ได้เลย

 

………………………………….