พลังคละถิ่นเป็นพลังของมิติระดับที่สูงกว่าภายนอกโลกกำเนิดที่แฝงอยู่ ที่ส่วนลึกของมิติระดับที่สูงกว่านั้น พลังคละถิ่นก็ยิ่งทวีความหนาแน่นกว้างใหญ่ไพศาล แม้กระทั่งเหล่าเทพจักรวาลก็ยังไม่กล้าเข้าไป เข้าไปสัมผัสกับพลังคละถิ่นก็คือความตาย!
เท่าที่รู้ก็มีเพียงแค่ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ เท่านั้นที่สามารถเคลื่อนผ่านเข้าไปได้ ยามที่เคลื่อนผ่านเข้าไปก็ย่อมมิกล้าปนเปื้อนพลังคละถิ่นของมิติระดับที่สูงกว่า เพราะว่าเข้มข้นและยิ่งใหญ่เกินไป ต่อให้ร่างกายคงความเป็นมายาอย่างที่สุดเอาไว้ได้ ก็ยังอาจถูกกัดกร่อนผลาญจนตายได้
แต่เมื่อเข้าใกล้ กลิ่นอายลึกลับของโลกกำเนิดก็เบาบางเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเล็กๆ ที่แพร่ผ่านโพรงขนาดเล็กเข้ามาก็ยิ่งเบาบางเสียแล้ว แต่ก็มีส่วนที่น่าอัศจรรย์มากมาย อย่างเช่นหลังจากวิญญาณดูดซับพลังคละถิ่นจำนวนเล็กน้อยและแปรสภาพแล้ว ก็สามารถสำแดงศาสตร์ร่างแยกได้! เช่นถ้าหากร่างกายสามารถดูดซับได้สำเร็จก็จะเกิดการแปรสภาพอย่างสมบูรณ์ จักรพรรดิเซี่ยก็มีความมั่นใจที่จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาในระดับเดียวกัน เหนือกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพเสียอีก
การฝึกกายคละถิ่นของปุจฉวิถีคละถิ่น ต่อให้เป็นที่ดินแดนจิตโลกา บุคคลผู้ไร้เทียมทานที่การหลอมกายไปถึงขั้นสุดยอดเหล่านั้น การฝึกกายคละถิ่นก็ไปถึงระดับสุดยอดเช่นเดียวกัน
ดังนั้นเพียงแค่สองขั้นก็ต้องจ่ายถึงหนึ่งแสนมหาคุณูปการ
“อาศัย ‘พลังคละถิ่น’ หล่อเลี้ยงกายตน ที่ดินแดนจิตโลกาก็ยังเป็นเคล็ดวิชาฝึกกายระดับสุดยอด เมื่อใดที่ฝึกขั้นแรกสำเร็จ ร่างกายก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองทั่วไป!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ก็เหมือนกับเพลิงเจ็ดสี โลกราตรีนิรันดร์ และเคล็ดวิชาสามชาติภพ ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาระดับสุดยอดระดับเดียวกัน มีคุณสมบัติการต่อสู้ในขั้นที่เหนือกว่า
ปุจฉวิถีคละถิ่นก็เป็นเช่นนี้
เคล็ดวิชานี้…
ขอบกั้นสูงลิบอย่างที่สุด
จะต้องทำให้แปดสายในเก้าสายของวิถีอากาศไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาล รวมทั้งการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด อีกทั้งทลายเปิดกรงขัง จึงจะบำเพ็ญได้สำเร็จ
……
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเจ็บปวดทิ่มแทงไปทั่วทุกบริเวณตลอดร่าง ถึงอย่างไร ‘พลังคละถิ่น’ ก็มีความกัดกร่อนทำลายต่อร่างกายและวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะบางเบาเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ก็อาศัยความเร้นลับในปุจฉวิถีคละถิ่น แปดสายผสานรวมกันควบคุมร่างกายที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นห้วงอากาศ จึงทำให้พลังคละถิ่นสายแล้วสายเล่าค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย
“ชิ้งๆๆ”
ร่างกายก็เหมือนกับตัวอากาศเอง กำลังรับประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงของพลังคละถิ่น! ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถรู้สึกได้ว่าในร่างกายมีพลังอันมิอาจจินตนาการได้ พลังชนิดนี้ยังยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย
มิอาจรีบร้อนได้
ร่างกายมิใช่อาวุธ กระบวนการแปรสภาพนั้นจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาถึงหนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีเต็ม ทั้งหมดจึงค่อยหยุดยั้งลง
“สำเร็จแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่ของอากาศอันสับสนอลหม่าน กลิ่นอายที่ร่างกายแผ่ออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยทำให้ห้วงอากาศโดยรอบล้วนบิดเบี้ยวไปหมด เขาลืมตาขึ้น มือขวาลากดึงและฉีกทึ้ง จนกระทั่งเกิดเป็นรอยแตกของห้วงอากาศที่บางเฉียบรอยหนึ่ง อีกด้านหนึ่งของรอยแตกอันดำสนิทนี้ก็คือห้วงมิติระดับที่สูงขึ้น กลิ่นอายของพลังคละถิ่นแผ่กำจายเข้ามา
“ช่างเป็นพลังคุกคามที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา
ปุจฉวิถีคละถิ่นแข็งแกร่งก็ตรงที่ร่างกายนี่เอง
เพราะว่าร่างกายสามารถเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองทั่วไปทางสายฝึกกาย ดังนั้นถึงแม้ว่ายุทธวิธีคละถิ่นจะแข็งแกร่งกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพอยู่เล็กน้อย แต่การขับเคลื่อนด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ทำให้พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงยังสามารถไปถึงเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองได้ มิอาจนับได้ว่าสุดยอด แต่ก็คาดว่าเทียบเคียงได้กับ ‘เจ้าเมืองหลัว’ แล้ว
“ตอนนี้ทลายเปิดกรงขัง ดูเหมือนว่าบริเวณที่ทลายเปิดจะใหญ่ขึ้นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดหมัดออกไปอีกครั้ง บริเวณกำปั้นมีห้วงมิติแปดอันเชื่อมโยงกันในทันใด บริเวณศูนย์กลางการเชื่อมโยงมีโพรงสีดำขนาดใหญ่ประมาณปลายนิ้วมือปรากฏขึ้น ขนาดของโพรงนี้เท่าๆ กันกับ ‘ทลายเวหา’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์สำแดงที่ดินแดนจิตโลกาเลยทีเดียว
“เคล็ดวิชานี้คุ้มค่าแล้วจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดี
สามารถทลายเปิดหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ก็หมายความว่าความเข้มข้นของ ‘พลังคละถิ่น’ ที่เล็ดรอดเข้ามาก็เพิ่มพูนขึ้นด้วย ก็สามารถบำเพ็ญศาสตร์ร่างแยกขั้นที่สองที่ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้นมาได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
การบำเพ็ญร่างแยกก็จะรวดเร็ว
รวดเร็วอย่างยิ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงแปดคนต่างก็ปรากฏตัวขึ้นบนก้อนหินใหญ่ก้อนนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา “มีร่างแยกแปดร่าง ก็ยิ่งมีความมั่นใจในการมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์โบราณในคราวนี้เพิ่มมากขึ้นแล้ว”
ยังมีร่างแยกอีกร่างหนึ่งอยู่ที่โลกดาราระยับเช่นเดิม
……
ฝึกร่างคละถิ่นสำเร็จ โพรงที่ทลายเปิดกรงขังก็ยิ่งใหญ่ ทำให้ศาสตร์ร่างแยกของตนก้าวหน้าไปอีกขั้น เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีอย่างแท้จริง
“ชิงเหยา” “อวี้เอ๋อร์”
ขณะนี้ชิงเหยากำลังบำเพ็ญอยู่ภายใต้สำนักของจอมกระบี่แห่งวังทวีสูญ ลำบากลำบนเป็นอย่างยิ่ง
ตงป๋ออวี้ก็บำเพ็ญอย่างถ่อมตนอยู่ภายใต้สำนักของบรรพชนทิพย์อย่างแน่วแน่ พวกเขาสองคนต่างก็ไม่ทราบเรื่องการกลับมาของตงป๋อเสวี่ยอิง ตอนนั้นอวี๋จิ้งชิวเป็นกังวลว่าบุตรชายบุตรสาวของตนจะรักษาความลับเอาไว้ไม่ได้ เรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีป้ายคำสั่งจิตโลกาแล้วสามารถกลับมาได้นั้น นางย่อมไม่เร่งร้อนที่จะบอกบุตรชายบุตรสาวอยู่แล้ว! ในใจของตงป๋อชิงเหยาและตงป๋ออวี้ในตอนนี้ย่อมเศร้าโศกและโมโห บิดาตายไปแล้วมารดายังถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับไปคุมขังที่โลกทิพย์โบราณอีกด้วย
พวกเขาเต็มไปด้วยความแค้นต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ความกระหายในการบำเพ็ญก็ย่อมแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง
“อีกไม่นานข้าจะพาท่านแม่ของพวกเจ้าไปหาพวกเจ้าเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงสังเกตการณ์บุตรชายบุตรสาวอยู่ห่างๆ ผ่านศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา
“ออกเดินทาง!”
ทันใดนั้นก็มิได้คิดอะไรมากอีกแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังโลกทิพย์โบราณ
******
ณ โลกทิพย์โบราณ
ที่ชิ้นส่วนใหญ่ที่สุดหลังจากที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายในตอนนั้น มีขนาดประมาณหนึ่งในร้อยส่วนของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม มีขนาดใหญ่กว่าโลกทิพย์อื่นๆ อีกสามแห่งอยู่มาก มีวิญญาณเทพจำนวนนับไม่ถ้วน ขั้นอลวนก็มีอยู่มากมายนัก
“พรึ่บ…”
ณ ศูนย์กลางของโลกทิพย์โบราณมีเจดีย์สูงอยู่แห่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดรัศมีสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน รัศมีสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนนี้ห่อหุ้มโลกทิพย์โบราณทั้งโลกเอาไว้ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ต่างก็อาบไล้อยู่ภายใต้รัศมีสีดำนี้ พวกเขาทุกคนต่างก็จงรักภักดีต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่จากจิตวิญญาณ เพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วพวกเขาสามารถเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ ราวกับว่าพวกเขาทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
ภายในเจดีย์สูงก็มีร่างแปรทิพย์โบราณเก็บตัวบำเพ็ญอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าคราวก่อนจะต่อสู้ใหญ่โตกับเจ้าศิลา สิ่งที่ร่างแปรทิพย์โบราณสั่งสมมาก็ร่อยหรอจนสิ้น แต่ตอนนี้ก็ย่อมเริ่มต้นสะสมพลังต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติ
“นั่นคือเจดีย์ทิพย์โบราณ”
ในขณะนี้
ก็มีเทพจักรวาลคนหนึ่งลอบแทรกซึมเข้าสู่โลกทิพย์โบราณอย่างเงียบเชียบ ตงป๋อเสวี่ยอิงยังรักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแก่นห้วงอากาศอย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง เขาก็คือส่วนหนึ่งของแก่นห้วงอากาศ! แทรกซึมเข้าสู่โลกทิพย์โบราณ ถึงแม้ว่ารัศมีสีดำของโลกทิพย์โบราณจะเจิดจรัส แต่กลับมิอาจพบตัวตงป๋อเสวี่ยอิงได้เลย
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมุ่งหน้าเข้าไปอย่างเงียบเชียบ บริเวณไกลออกไปก็คือพระราชวังแห่งหนึ่ง อาณาบริเวณโดยรอบพระราชวังมีการรักษาการณ์แน่นหนา ที่เห็นซึ่งๆ หน้าก็มียามรักษาการณ์กลุ่มใหญ่คอยเฝ้ายามอยู่ และยังมีสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดจำนวนหนึ่งเฝ้ายามอยู่ด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ซ่อนตัวอยู่คาดการณ์ว่าการรักษาการณ์คงยิ่งแน่นหนากว่า
แต่เขาจำเป็นต้องผ่านไป เพราะว่าสถานที่ที่คุมขังอวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาเอาไว้ก็อยู่ที่ด้านล่างของจัตุรัสด้านหน้าพระราชวังแห่งนั้น
“สวบ”
เขาเหินบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
รักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ ค่ายกลใดๆ ต่างก็ไม่สามารถค้นพบตงป๋อเสวี่ยอิงได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เคลื่อนผ่านด้านในร่างกายของบรรดายามรักษาการณ์โดยที่ผู้อื่นมิได้สังเกตพบเลยแม้แต่น้อย พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ภายในโลกกำเนิด ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นถึงส่วนประกอบที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดของแก่นห้วงอากาศของโลกกำเนิด ก็ย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้อยู่แล้ว
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงบนจัตุรัส มองแวบหนึ่งก็เห็นประตูตำหนักของพระราชวังที่อยู่ตรงหน้าเปิดกว้างอยู่ บนเตียงศิลาดำที่อยู่ด้านในมีมีเงาร่างเท้าเปล่าที่สวมอาภรณ์ด้ายถักสีดำกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดูกลางๆ ยากจะแยกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง รูปโฉมดูศักดิ์สิทธิ์ นั่งอยู่ที่นั่น อาณาบริเวณตรงนั้นก็มีกลิ่นอายของกฎเกณฑ์สูงสุดบางส่วนอยู่ด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบริษยา
เขาได้สัมผัสกับความลับจำนวนมากมายที่ดินแดนจิตโลกา มีความเข้าใจเกี่ยวกับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สามมากยิ่งขึ้น เข้าใจว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปถึงระดับสุดยอดของเทพจักรวาลก่อนนานแล้ว
ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปสู่ก้าวสุดท้ายของการ ‘ไขว่คว้ากฎเกณฑ์สูงสุด’ เห็นได้ชัดว่ามีการหยั่งรู้กฎเกณฑ์สูงสุดเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“ตอนนี้เขามิอาจพบตัวข้าได้ แต่เมื่อใดที่ข้าพาตัวจิ้งชิวไป ก็จะกระตุ้นเตือนเขาในทันที” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้คิดมากต่อไปอีกแล้วแทรกตัวลงไปอย่างเงียบๆ ในทันใด
ก้อนหินหนาหนักของจัตุรัสด้านหน้าพระราชวัง ค่ายกลมากมาย ต่างก็มิได้ขัดขวางใดๆ เลย
ตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกตัวลงไปไม่หยุดหย่อน
พื้นที่เบื้องล่างกว้างใหญ่ มีคุกชั้นแล้วชั้นเล่า ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับรายละเอียดข้อมูลจาก ‘ผู้วิเศษชางฟู่’ มาก่อนแล้ว รู้ว่าภรรยาและประมุขตำหนักสองท่านต่างก็ถูกคุมขังเอาไว้ที่ ‘ทะเลทุกข์’ ใน ‘คุกเพลิง’ จึงได้ตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดโดยอาศัยศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา แล้วจึงหาสถานที่กักขังภรรยาและประมุขตำหนักสองท่านพบได้
มิฉะนั้นคนก็คงอาศัยศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาค้นหาไปทั่วทุกหนแห่งอย่างโง่งม ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเมื่อใดจึงจะหาพบ
ผู้วิเศษชางฟู่ถูกสังหารเมื่อหนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีก่อน ก็เคยรายงานข่าวขึ้นไปถึงจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นด้วย! จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มิได้ใส่ใจกับสิ่งนี้ เพียงแต่ประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น… ประหลาดใจที่ทางโลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์นี้ถึงกับสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นอลวนระดับชั้นที่แปดได้ด้วยทางด้านวิญญาณ
“ทะเลทุกข์แห่งคุกเพลิง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นหาต่อไปไม่หยุดหย่อน
คุกเพลิง มีทั้งสิ้นสามพันเก้าร้อยชั้น ภายในนั้นมีแปดสิบชั้นที่ต่างก็เป็นอาณาบริเวณของทะเลทุกข์
ทะเลทุกข์คือสิ่งใดกันหรือ
ทะเลทุกข์ให้ความสำคัญกับการทรมานจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอวี๋จิ้งชิวผู้มีพลังยุทธ์อ่อนแอ ทนรับการทรมานที่น่าหวาดหวั่นเกินไปไม่ไหว ดังนั้นจึงถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์โยนเอาไว้ที่ทะเลทุกข์แห่งคุกเพลิง “ไม่เห็นจะต้องมาทรมานข้าทุกวันเลยนี่ การทรมานของเจ้า สำหรับข้าก็เป็นเพียงแค่การบำเพ็ญจิตใจเท่านั้นเอง จะให้ข้าสวามิภักดิ์ต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอิสรภาพแล้ว ก็คือความหลงผิดแล้วล่ะ” ที่ชั้นที่สามพันสามร้อย สายโซ่เส้นแล้วเส้นเล่าพันธนาการชายชรากระเซอะกระเซิงคนหนึ่งเอาไว้ ชายชรานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ไม่ว่าตัวจะได้รับการลงโทษนานาชนิดของยามรักษาการณ์ แต่ก็ยังคงรอคอยอย่างสงบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอย่างเงียบๆ แล้วก็แทรกตัวลงไปต่อไป
……
เพื่อการเผยแพร่ลัทธิและทำให้ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากมาสวามิภักดิ์ต่อตน มีบางส่วนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ควบคุมวิญญาณโดยตรง แต่บางส่วนที่จิตวิญญาณแข็งแกร่งเกินไปแล้วไม่ปรารถนาที่จะสวามิภักดิ์ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตัดใจสังหารไม่ลงก็คุมขังพันธนาการเอาไว้ ใช้การทรมานต่างๆ นานา บีบบังคับให้ผู้แข็งแกร่งยอมศิโรราบ
“ถึงแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นแล้ว
ที่ชั้นที่สามพันห้าร้อยสิบเอ็ด ที่ผิวหน้าของทะเลทุกข์มีเงาร่างสายแล้วสายเล่าล่องลอยอยู่ข้างบน บนทะเลทุกข์ยังมีกลิ่นอายชั้นแล้วชั้นเล่าม้วนตัว นี่คือชั้นที่อ่อนแอที่สุดในทะเลทุกข์แปดสิบชั้น อวี๋จิ้งชิวก็คือหนึ่งในเงาร่างหกสายที่ล่องลอยอยู่ในทะเลทุกข์อันกว้างใหญ่
ส่วนพวกประมุขตำหนักหมื่นรูปสองคนกลับถูกโยนเอาไว้ที่ชั้นล่างสุดของทะเลทุกข์ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นขั้นอลวนสองคน
“จิ้งชิว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงยังข้างกายของอวี๋จิ้งชิว อวี๋จิ้งชิวล่องลอยอยู่บนทะเลทุกข์ สีหน้าสงบราบเรียบราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ว่าการทรมานของทะเลทุกข์นั้นมีเป้าหมายคือจิตวิญญาณ
“ตอนนั้นข้าไม่ยอมมอบศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมา คิดไม่ถึงว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นจะน่าไม่อายได้ถึงเพียงนี้ มาลากเจ้าไปเกี่ยวด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งละอายทั้งจนใจ ต่อให้เอาใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาก็ยังคงไม่มีทางมอบออกมาให้อยู่ดี
“ลงมือเลย ต้องเร็วด้วย”
ห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแผนการต่อสู้เคลื่อนผ่านรอบหนึ่ง คราวนี้จะต้องสำเร็จให้จงได้!
……………………………………..