บรรพชนเทียนอวี๋เคยถามราชันย์มีดเกี่ยวกับป้ายคำสั่งจิตโลกามาแล้ว จึงทราบว่า ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ นั้นลึกลับผิดธรรมดา ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขั้นกล่าวว่าอาศัย ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ในภายหน้าก็จะกลับมา ก็ย่อมต้องมีหลักประกันอย่างแน่นอน
“จะเป็นเสวี่ยอิงไปได้หรือ” ยามนี้หัวใจของบรรพชนเทียนอวี๋มีความคิดนับพันนับหมื่นผุดขึ้นมา
“ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ เหตุใดเขาจึงสำแดงเขตลวงกับเจ้าเล่า” บรรพชนเทียนอวี๋ถามอย่างจริงจัง
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าวว่า “เขาสอบถามข้อมูลโดยละเอียดของตอนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีวังทวีสูญของเรา ทั้งยังเจาะจงถามถึงข้อมูลของอวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาด้วย”
บรรพชนเทียนอวี๋สีหน้าเปลี่ยนแปรไป “เขารู้ว่าอวี๋จิ้งชิวถูกจองจำอยู่ในโลกทิพย์โบราณอย่างนั้นหรือ”
“รู้ขอรับ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์จนใจ “ข้าจมดิ่งเข้าไปในเขตลวงแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องเล่าจนละเอียดแจ่มแจ้งแต่โดยดี”
“ไม่ดีแล้ว” บรรพชนเทียนอวี๋ร้อนใจขึ้นมา
“ทำไมหรือขอรับ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถาม “ท่านบรรพชน คนผู้นี้ใช่พี่ตงป๋อจริงๆ หรือไม่ขอรับ เขามิได้วิญญาณกระจัดพลัดพรายไปแล้วหรือ นอกจากนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่มีทางแกล้งตายได้หรอกกระมัง”
บรรพชนเทียนอวี๋สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา เขาเอ่ยถามว่า“เขาบอกเจ้าไว้หรือไม่ว่าจะติดต่อเขาได้อย่างไร”
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ส่ายหน้า “มิได้บอกขอรับ”
“เจ้าถอยออกไปก่อนเถิด จำเอาไว้ เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไปภายนอกเป็นอันขาด” บรรพชนเทียนอวี๋กล่าว
“ขอรับ คนผู้นั้นก็บอกให้ข้าอย่าเปิดเผยต่อภายนอกเช่นกัน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ว่า “เป็นพี่ตงป๋อจริงๆ หรือขอรับ เขายังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ”
บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่มั่นใจเอาเสียเลย เอาล่ะ เรื่องที่เจ้าจะเผยออกไปภายนอกไม่ได้เด็ดขาด”
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะจากไปด้วยความเคารพนบนอบ
บรรพชนเทียนอวียืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ผู้ที่รู้ว่า ‘ตงป๋อเสวี่ยอิงมีป้ายคำสั่งจิตโลกา และจะกลับมาในภายภาคหน้า’ เดิมทีก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้อยู่แล้ว! เขตลวงที่คนผู้นั้นสำแดงออกมาสามารถทำให้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถูกกระบวนท่าเข้าได้อย่างง่ายดาย! นอกจากนี้ข้อมูลที่สอบถามก็เป็นข้อมูลของตอนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีวังทวีสูญในตอนนั้น…คนลึกลับผู้นี้ มีโอกาสที่จะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงสูงอย่างยิ่งจริงๆ
“อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้เจ็ดส่วนว่าจะเป็นเสวี่ยอิง!” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ลอบถาม
“หากเป็นเสวี่ยอิงจริงๆ…ด้วยนิสัยของเสวี่ยอิงแล้ว เกรงว่าเขาคงจะทนไม่ไหว ต้องไปช่วยภรรยาเขาอย่างแน่นอน” บรรพชนเทียนอวี๋ร้อนใจขึ้นมา “เขาก็มุทะลุไปหน่อยแล้ว จอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นบรรลุถึงขั้นสุด พลังของเขาเหนือกว่าเทพจักรวาลหน้าไหนๆ ทั้งสิ้น ใน ‘โลกทิพย์โบราณ’ วิธีการของเขาก็ยิ่งลึกล้ำเกินหยั่งขึ้นไปอีก ทะเล่อทะล่าเข้าไปเช่นนี้ แล้วจะช่วยคนได้อย่างไรกัน เกรงว่าแม้แต่ตนเองก็คงต้องส่งเข้าไปด้วย! ทำอย่างไรดี ตอนนี้ติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย”
มีความเป็นไปได้อย่างน้อยเจ็ดส่วนว่าจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนเทียนอวี๋ย่อมไม่มีทางเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงส่งตัวเองไปตายต่อหน้าต่อตาอย่างแน่นอน!
สู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มาตลอดคืนวันอันยาวนาน ก็ยิ่งเข้าใจว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกล้ำเกินหยั่ง
เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยบีบบังคับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้จนมุมมาก่อน!
เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้ แม้แต่ ‘เจ้าศิลา’ ที่บ้าคลั่ง ก็เพียงแค่ทำให้ ‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สั่งสมเอาไว้เผาผลาญจนสิ้นไปเท่านั้น ส่วนด้านอื่นๆ ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมิได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
……
เพียงชั่วขณะให้หลัง
ภายในวังทวีสูญ บรรพชนเทียนอวี๋ จอมกระบี่ ราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศรวมตัวกันอยู่ที่นี่
“เทียนอวี๋ มีเรื่องอันใดจึงรีบร้อนเรียกหาพวกเราเช่นนี้” ราชันย์มีดไต่ถาม เขาและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็ส่งร่างแปรมาที่นี่
“ใช่แล้ว ท่านบรรพชน มีเรื่องอันใดหรือ” จอมกระบี่ก็ถามขึ้นบ้าง
บรรพชนห้วงอากาศก็มองไปทางบรรพชนเทียนอวี๋
บรรพชนเทียนอวี๋จึงอธิบายอย่างละเอียด “ก่อนหน้านี้…”
ฟังแล้วเทพจักรวาลทั้งสามก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงไป ส่วนเรื่องป้ายคำสั่งจิตโลกา พวกเขาทั้งสามล้วนล่วงรู้ทั้งสิ้น พวกเขาทั้งสามล้วนแต่เป็นผู้ที่บรรพชนเทียนอวี๋เชื่อใจอย่างเต็มที่ อันที่จริงภายในหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นสามัคคีกันเป็นอันมาก
“ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมาแล้วหรือ” ราชันย์มีดขมวดคิ้ว
“กลับมาแล้วหรือ ประเสริฐ ประเสริฐ” บรรพชนห้วงอากาศกลับเผยสีหน้ายินดีออกมา กู่ชี่และตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นใจไปตามๆ กัน สำหรับบรรพชนห้วงอากาศก็เป็นการทิ่มแทงใจอย่างใหญ่หลวงโดยแท้จริง บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยป้ายคำสั่งจิตโลกาหวนกลับมาแล้ว ทำให้พวกเขาอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้ “เทียนอวี๋ เจ้าติดต่อเขามิได้หรือ สามารถสะกดรอยแล้วตรวจสอบได้หรือไม่”
“เคยลองแล้ว แต่ว่าตรวจไม่พบเลย” บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ย
“ไหนข้าขอลองดูหน่อยสิ”
“ข้าก็ขอลองบ้าง”
จอมกระบี่และราชันย์มีดตรวจสอบดูอย่างอดไม่ได้
พวกเขาทั้งสองล้วนแต่มั่นใจในตนเองเป็นอันมากแล้วเริ่มตรวจสอบตามรอยเขา ทว่าตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองเป็นถึงเทพจักรวาล และวิญญาณยังดูดซับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ด้วย ต่อให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มาเองก็มิอาจสะกดรอยตามเขาได้ แต่ละคนในที่นั้นล้วนเคยลองแล้ว แต่ทุกคนกลับหาเขาไม่พบ
“วิธีการช่างร้ายกาจนัก” ราชันย์มีดทอดถอนใจ “ก่อนหน้านี้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถูกควบคุมอย่างแท้จริง แต่คนเร้นลับผู้นั้นกลับมิอาจตามรอยได้ แม้แต่ข้าและคนอื่นๆ ก็สืบเสาะร่องรอยไม่พบเลยแม้แต่น้อย…ลำพังแค่วิธีการตัดขาดการสะกดรอยนี่ก็เหนือกว่าเทพจักรวาลส่วนใหญ่แล้ว เทียนอวี๋ ในสายตาข้า เจ้าก็อย่าได้กังวลไปเลย ตงป๋อเสวี่ยอิงมีวิธีการตัดขาดการสะกดรอยที่ร้ายกาจเช่นนี้ บัดนี้พลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว”
“พลังของเสวี่ยอิงจะต้องก้าวหน้าเป็นอย่างมากแน่นอน! นอกจากนี้ บำเพ็ญมาถึงระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ และมิใช่ผู้ที่มุทะลุจนโง่งม ไม่มีทางส่งตัวเองไปตายหรอก” จอมกระบี่กล่าว
“นิสัยของเขา…” บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะ
“พูดยาก” บรรพชนห้วงอากาศก็กังวลใจ “วิธีการของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำเกินหยั่ง ต่อให้เป็นครั้งที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกสลายนั้น จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยอเนจอนาถอย่างแท้จริงมาก่อน หากเสวี่ยอิงไปยังโลกทิพย์โบราณของเขาเพื่อช่วยคนจริงๆ แล้ว ก็คงอันตรายโดยแท้”
“สามารถทำอย่างไรได้บ้าง”
“ช่วยไม่ได้!”
“วางใจเถิด เขาสามารถตัดขาดการตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย ก็คงจะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วล่ะ อย่างน้อยก็คงจะมั่นใจอยู่บ้างจึงกล้าบุกไปยังโลกทิพย์โบราณ” จอมกระบี่กล่าว “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน บรรพชนห้วงอากาศสอดส่องโลกทิพย์โบราณไปก่อน ทันทีที่พบความเคลื่อนไหว หากตงป๋อเสวี่ยอิงไปช่วยคนจริงๆ แล้วประสบกับอันตรายใหญ่หลวงเข้าแล้วล่ะก็…ข้าและคนอื่นๆ ก็จะร่วมมือกันบุกสังหารเข้าไปในโลกทิพย์โบราณ”
“ได้” บรรพชนห้วงอากาศพยักหน้า
“อื้ม ข้าจะติดต่อบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์” ราชันย์มีดก็พยักหน้าเช่นกัน
หากพวกเขาทั้งกลุ่มร่วมมือกันก็ยังพอกล้าที่จะบุกเข้าไปในโลกทิพย์โบราณ เพราะถึงอย่างไรบรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีดและจอมกระบี่ทั้งสี่คนล้วนใกล้เคียงกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
“แล้วก็ต้องระวังด้วย อาจจะมิใช่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นได้” จอมกระบี่เตือน
……
ไม่นานนัก
หกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และโลกทิพย์นิจนิรันดร์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว บรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีดและจอมกระบี่ทั้งสี่คนพร้อมบุกเข้าไปในโลกทิพย์โบราณตลอดเวลา ส่วนบรรพชนห้วงอากาศก็สำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของสถานที่สำคัญในโลกทิพย์โบราณอยู่ตลอด
“เขายังมีชีวิตอยู่หรือ” บรรพชนโลกาก็ยิ่งลอบตกใจ
ตอนนั้นเนื่องจากการตายของตงป๋อเสวี่ยอิง เจ้าศิลา ท่านอาจารย์ของเขาก็โกรธแค้นสุดขีด ทั้งยังห้ำหั่นกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยกใหญ่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็บาดเจ็บสาหัส! สิ่งที่ร่างแปรทิพย์โบราณของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สั่งสมมาได้สูญสลายไปจนสิ้น ส่วนเจ้าศิลานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเข้าสู่ห้วงนิทรา ไปแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือไม่ หากใช่เขาจริงๆ ค่อยแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบ” บรรพชนโลกาลอบพึมพำ แม้เมื่อพวกเขาร่วมมือกันแล้วจะไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำลายโลกทิพย์โบราณได้ แต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถ ‘ถอยจนสุดตัว’ ได้! ยิ่งไปกว่านั้นบรรพชนโลกายังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม…เบื้องหลังเขายังมี ‘เจ้าศิลา’ อยู่ เมื่อถึงคราวคับขันก็สามารถให้เจ้าศิลาผู้เป็นอาจารย์ลงมือได้
******
เวลาเคลื่อนคล้อยไป
‘บรรพชนห้วงอากาศ’ อาจารย์ทวดของตงป๋อเสวี่ยอิงคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก พวกเขาต่างตั้งตารอคอย ถึงขั้นอยากรู้ว่า…ที่แท้แล้วบุคคลเร้นลับผู้นั้นใช่ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือไม่!
“ฟิ้วๆๆ”
ในอากาศอันสับสนอลหม่านบนศิลาก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งมีอาณาบริเวณหลายสิบลี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างยืนอยู่ที่นี่ แม้อากาศระลอกแล้วระลอกเล่าจะแผ่มาถึงที่นี่ แต่เพิ่งจะกดดันมาถึงตรงตงป๋อเสวี่ยอิงก็เปลี่ยนทิศจากไปหมด
“ฝึกกายคละถิ่น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดอยากช่วยภรรยา ภายในใจก็ยิ่งร้อนรน
แต่ต่อให้ร้อนรนกว่านี้ เขาก็ไม่มีทางส่งตัวเองไปตายอย่างโง่งมแน่
ลำพังแค่อาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด ก็คิดว่าจะสามารถช่วยคนจากเงื้อมมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเสียแล้ว! อย่างบรรพชนห้วงอากาศซึ่งสามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ หรืออย่าง ‘จักรพรรดิเก้าเมฆา’ ก็สามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ ทางด้านวิถีอากาศของจักรพรรดิเก้าเมฆานั้นประสบความสำเร็จสูงกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเสียอีก แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องสิ้นใจไปอยู่ดี! ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ซึ่งตนจะบุกไปก็ยังเป็น ‘โลกทิพย์โบราณ’ ถิ่นของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
“บุกไปโดยตรงเช่นนี้ ความหวังที่จะสำเร็จนั้นมีไม่ถึงส่วนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แทบจะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง หากฝึกฝน ‘ฝึกกายคละถิ่น’ สำเร็จกลับมีโอกาสสักแปดส่วน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
มีโอกาสสักแปดส่วนก็เพียงพอแล้ว
ต้องรู้ไว้ว่า
เขายังมีร่างแยกอีกร่างหนึ่งอยู่ในโลกดาราระยับ ซึ่งปลอมตัวเป็นศิษย์คนหนึ่งของสำนักนภาทมิฬอยู่! เขาเก็บเนื้อเก็บตัวเป็นอันมาก หากร่างนี้สู้จนตัวตาย ร่างแยกก็สามารถฝึกร่างกายร่างใหม่ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่อันตรายที่สุดของการพ่ายแพ้มิใช่การสู้จนตัวตาย หากแต่เป็นการทำให้ภรรยาสิ้นใจไปด้วย!
“ปุจฉวิถีคละถิ่นแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งคือยุทธวิธีคละถิ่น สองคือฝึกกายคละถิ่น ในจำนวนนั้นฝึกกายคละถิ่นจึงจะเป็นรากฐาน!” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงมั่นใจเต็มเปี่ยม ที่เขาคิดว่ามั่นใจเพียงแปดส่วนเท่านั้น ก็เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าที่แท้แล้วจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีลูกไม้ที่คาดไม่ถึงอันใดอยู่อีก ลำพังแค่ลูกไม้ที่รู้จักอยู่แล้ว…ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าการจะฝึกกายคละถิ่นชั้นที่หนึ่งให้สำเร็จนั้น ยังคงมั่นใจเต็มร้อย
จะกลัวก็แต่ลูกไม้ที่คาดไม่ถึงเท่านั้น จึงคิดว่ามั่นใจสักแปดส่วน
“จิ้งชิว รออีกสักพักนะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิลงไป
เขาชกออกไปหมัดหนึ่ง ทันใดนั้นมิติรอบด้านก็ราวกับชะงักค้างไปโดยพลัน ก่อนจะแยกออกเป็นมิติแปดส่วน ราวกับกระจกบานใหญ่บานหนึ่งซึ่งแยกออกเป็นแปดส่วน ณ ใจกลางของมิติแปดส่วนที่พันพาดกันไปมานั้นก็คือ ‘จุดสีดำ’ เล็กจิ๋วอย่างยิ่งซึ่งหมัดของตงป๋อเสวี่ยอิงชกออกมา นั่นคือหลุมสีดำขนาดเล็กราวเมล็ดข้าว มี ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ แผ่ซ่านออกมาจากในนั้น
“ฟิ้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหมุนเวียนเคล็ดวิชา ‘ฝึกกายคละถิ่น’ ขึ้นมาทันใด ในขณะนี้ ร่างกายของเขาก็ได้คงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดเอาไว้ และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นห้วงอากาศอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเคล็ดผนึกห้าภาพเหล่านั้นก็ถูกดึงดูดให้พุ่งตรงไปทางร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงทันที ประหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
………………………………