สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงออกจากโลกทิพย์กิเลนบูรพามาอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่านที่เวิ้งว้างทันที ยามนี้ไอโหดร้ายบนร่างของเขายิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น ในใจมีเพลิงโทสะและความร้อนรนอัดแน่นไปหมด
เขาเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าระหว่างที่ทำสงครามกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องมีคนที่ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก! เพราะถึงอย่างไร ‘โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม’ ในตอนนั้น และสงครามขนาดใหญ่หลายครั้งหลังจากนั้น ก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปมากมาย และจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นผู้ที่ก่อสงครามขึ้นทุกครั้งโดยไม่เว้นแม้แต่ครั้งเดียว! ลัทธิทิพย์โบราณของเขาทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนภักดีต่อเขาอย่างสมบูรณ์จากวิญญาณ เมื่อเขาออกคำสั่ง ผู้ศรัทธาลัทธิทิพย์โบราณจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะไม่สนใจแม้แต่ชีวิต
“เพื่อตัวเขาเอง เขาสามารถทำให้โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมทั้งใบแตกสลายได้ สามารถกวาดล้างโลกทิพย์ทั้งใบได้…ต่อให้สิ่งมีชีวิตล้มตายไปมากกว่านี้เขาก็ไม่แยแส! ช่างเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจ เพื่อ ‘เส้นทาง’ ของตนเอง เกรงว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์คงจะยอมสละสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอากาศอันสับสนอลหม่านอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้เขาอยากได้ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ เป็นอย่างมาก”
“ดังนั้นจึงยังมิได้สังหารพวกจิ้งชิว เห็นได้ชัดว่ายังคงมีความหวังอยู่ หากข้าจะไปช่วยเหลือ ก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจดีว่าการจะช่วยเหลือคนนั้นยากเย็นเพียงใด
นั่นคือโลกทิพย์โบราณ!
มี ‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ประจำการอยู่ จวบจนบัดนี้ก็มิมีผู้ใดกล้าเข้าไปต่อกรกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น (ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่รู้เรื่องที่เจ้าศิลาประมือกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์)
ร่างจริงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ที่นั่น เมื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยังไม่รู้วิธีการของตน ครั้งแรกก็ยังมีหวังจะทำสำเร็จได้ แต่เมื่อรู้วิธีการของตนแล้ว โอกาสสำเร็จก็ต่ำอย่างยิ่งแล้ว
“ต้องทำสำเร็จให้ได้”
“ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเขาขังจิ้งชิวเอาไว้ที่ไหน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
……
พูดไปก็เหมือนจะช้า
แต่เมื่อถึงระดับอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว สมองก็ครุ่นคิดได้ฉับไวเพียงใด เพียงพริบตาเดียวก็มีแผนการโดยละเอียดแล้ว
เขาจากโลกทิพย์กิเลนบูรพาไปแล้วสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ก็มาถึง ‘ดินแดนเก้าเมฆา’ อันไกลโพ้นแล้ว
ดินแดนเก้าเมฆานั้น หลังจากที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกสลายไปแล้ว นอกจากเศษเสี้ยวที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ‘โลกทิพย์โบราณ’ แล้ว สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีเทพจักรวาล ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ พำนักอยู่ที่นี่ และเป็นสถานที่เผยแผ่ลัทธิของลัทธิทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา…ลัทธิทิพย์โบราณก็จัดให้มีผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนคอยจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ที่นี่
“ดินแดนเก้าเมฆา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่าน มองดูผืนดินอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเบื้องล่าง
ตอนนั้นเขาเคยมายังดินแดนเก้าเมฆา ก็พอจะเข้าใจผังอำนาจคร่าวๆ ของดินแดนเก้าเมฆา ทั้งยังล่วงรู้สถานที่ซ่อนตัวของ ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ ด้วย
“วิ้ง”
ระลอกคลื่นมิติอันไร้รูปร่างพลันปกคลุมบริเวณในขอบเขตอำนาจของ ‘ลัทธิทิพย์โบราณ’
“อื้ม บรรพชนกฎฉุนอีไม่อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ เมื่ออาศัยแก่นห้วงอากาศตรวจตรา บรรพชนกฎฉุนอีก็ยากที่จะพบได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่กล้าสำแดงเขตลวงโลกเทียมออกไปปกคลุมโดยตรง หากไม่ระวังขึ้นมา แล้วไปถูก ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ เข้า บัดนี้เขตลวงโลกเทียมของเขายังคงมิอาจทำให้บรรพชนกฎฉุนอีจมดิ่งลงไปได้
สามารถเปิดเผยการมีอยู่ของตนออกไปได้อย่างง่ายดาย!
บรรพชนกฎฉุนอีนั้นไม่เข้าร่วมสงคราม ไม่ช่วยเหลือทางสำนักของบรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีดและจอมกระบี่ และไม่ช่วยเหลืออีกสองพรรคใหญ่ด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เชื่อใจบรรพชนกฎฉุนอีเอาเสียเลย
“ลัทธิทิพย์โบราณแค่ส่งขั้นอลวนคนหนึ่งมาอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ ผู้วิเศษชางฟู่เชี่ยวชาญทางสายศาสตร์โบราณ และยังมีร่างแยกด้วยกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงจำอีกฝ่ายได้ในทันที
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไปยังดินแดนจิตโลกาเพียงเกือบหมื่นล้านปีเท่านั้น
ผู้แกร่งกล้าทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากสักเท่าใดนัก พลังของ ‘ผู้วิเศษชางฟู่’ มิได้นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก ราวๆ ขั้นอลวนชั้นที่แปดเท่านั้นเอง! แต่พรสวรรค์ทางด้านศาสตร์โบราณของเขากลับมีศาสตร์ร่างแยกอยู่ด้วย เขามีร่างแยกเจ็ดร่างด้วยกัน! การมีศาสตร์ร่างแยกโดยอาศัยพรสวรรค์ศาสตร์โบราณเช่นนี้ จะอิจฉาไปก็ไร้ประโยชน์
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีวังทวีสูญอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำให้ทั้งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแตกทำลายไป! เชื่อว่าบัดนี้ทั้งสองฝ่ายคงจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในดินแดนเก้าเมฆามีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน จะมาเผยแพร่ลัทธิที่นี่ก็สำคัญอย่างยิ่ง จะละทิ้งไปไม่ได้ ดังนั้นจึงส่งผู้ที่มีร่างแยกออกไปอย่างนั้นหรือ ต่อให้ถูกลอบสังหาร ก็สามารถส่งร่างแยกร่างใหม่ออกมาได้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มเย็น
เทพจักรวาลโดยทั่วไปก็จะปวดหัวกับขั้นอลวนที่มีร่างแยก
เนื่องจากสังหารแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ยังสามารถฝึกร่างแยกออกมาได้อีก สังหารไปก็ไม่จบไม่สิ้น! จ้าวภูเขาฉื้อเหมยในตอนนั้น แม้แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิก็ยังมิอาจสังหารให้ตายได้
“น่าเสียดายที่พบข้าเข้า” นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงฉายแววเยียบเย็น
ก่อนที่จะไปยังดินแดนจิตโลกา เขาก็เป็นอันดับหนึ่งทางด้านเขตลวงโลกเทียมของทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน! ทว่าตอนนั้น ขั้นอลวนบางคนที่ปณิธานวิญญาณยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เขาก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ตอนนี้สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว! อานุภาพของกระบวนท่าก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เกรงว่าในบรรดาผู้แกร่งกล้าระดับ ‘ขั้นอลวนชั้นที่เก้า’ มีเพียงจำนวนน้อยนิดจนนิ้วนับได้เท่านั้นที่จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้! คนอื่นๆ ล้วนต้องหมดกันทั้งสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขั้นอลวนชั้นที่เจ็ดและชั้นที่แปดคนอื่นๆ แล้ว
……
ภายในดินแดนเก้าเมฆา
ริมทะเลสาบ
ชายชราศีรษะโล้นสวมอาภรณ์สีดำนั่งขัดสมาธิอยู่ กลิ่นอายดำมืดแผ่กำจายไปรอบด้าน เขาก็คือ ‘ผู้วิเศษชางฟู่’ ผู้จัดการเรื่องต่างๆ ของลัทธิทิพย์โบราณในดินแดนเก้าเมฆา
สวบ
เงาร่างสายหนึ่งทะยานเข้ามาจากที่อันไกลโพ้น เป็นคนอาภรณ์เทาผู้หนึ่ง เขาร่อนลงมาแล้วก็โค้งคำนับ “ผู้วิเศษ”
“เอ๊ะ” ผู้วิเศษชางฟู่เปิดเปลือกตาขึ้นมา “สำเร็จแล้วหรือ”
“เปล่า เปล่าขอรับ ข้าและคนอื่นๆ ทุ่มเทสุดกำลังแล้ว” เสียงของคนอาภรณ์เทาสั่นเครืออยู่บ้าง เขาเอ่ยต่อว่า “ผู้แกร่งกล้าของโลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์ หลังจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราถูกทำลายแล้ว คนของดินแดนเก้าเมฆาก็ต่อสู้กับพวกเราอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น! วิธีการก็โหดร้ายมากขึ้น…”
“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกแล้ว” ผู้วิเศษชางฟู่พูดเสียงเรียบ “ในเมื่อทำไม่สำเร็จ ก็เป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าน่ะไร้ประโยชน์ เจ้ากลับโลกทิพย์โบราณไปเถอะ”
“ขอรับ” เสียงของคนอาภรณ์เทาสั่นเครือ
ภารกิจล้มเหลว กลับไปยังโลกทิพย์โบราณย่อมต้องมีการลงโทษ
รอจนคนอาภรณ์เทาจากไป
ผู้วิเศษชางฟู่ขมวดคิ้วน้อยๆ “โลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์ถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์บีบบังคับจนสิ้นหวัง บ้าคลั่งมากขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ” ก่อนหน้านี้ผู้วิเศษชางฟู่ก็ถูกสังหารไปครั้งหนึ่ง ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีร่างแยกร่างใหม่รีบเข้ามาดำเนินการต่อ
“เฮอะ ต่อสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่มีหวังหรอก” มุมปากของผู้วิเศษชางฟู่กระดกขึ้นเล็กน้อย เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้น…
วิ้ง!
เขตลวงโลกเทียมร่อนลงมา
ร่างกายของผู้วิเศษชางฟู่สั่นสะท้านน้อยๆ สติรับรู้ก็จมดิ่งลงไป แต่ร่างกายของเขากลับยังคงยืนขึ้นมา แล้วบินข้ามขอบฟ้าไป ก่อนจะ ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“ผู้วิเศษ” ข้างทะเลสาบมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติอยู่ พวกเขามองดูเจ้านายของตนจากไป พวกเขาสงสัยแต่ก็มิกล้าถามให้มากความ เพราะผู้วิเศษมีสถานะระดับใดกัน ผู้วิเศษจากไป ไยจึงต้องอธิบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นพวกเขาด้วยเล่า
……
กลางท้องฟ้านอกดินแดนเก้าเมฆา ผู้วิเศษชางฟู่ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งเพื่อสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพออกไป จากนั้นเขากับผู้วิเศษชางฟู่ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
จะต้องเข้าใจข้อมูลโดยละเอียดของ ‘โลกทิพย์โบราณ’ ให้ได้เร็วที่สุด และยิ่งต้องตรวจสอบให้รู้แน่ชัดว่าที่แท้แล้วพวกภรรยาถูกจองจำอยู่ที่ใด
******
ณ อีกฝั่งหนึ่ง
ในลานของตำหนักวารีสวรรค์ของ ‘วังทวีสูญ’ แห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ซึ่งเดิมทีดื่มสุราจนเมามายแล้วฟุบลงกับโต๊ะนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว
“พี่ตงป๋อหรือ เป็นเขาไปได้อย่างไรกัน”
“อยู่ต่อหน้าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาปลอมแปลงได้อย่างไรกัน นอกจากนี้ตอนนั้นร่างแปรของเขายังแตกสลายทันทีอีกด้วย” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ยังคงไม่อยากจะเชื่อ สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว การแปลงโฉมนั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่สำแดงเขตลวงออกมาแล้วทำให้เขาถูกกระบวนท่าเข้านั้นจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงไปได้ “แต่ทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ผู้ที่มีวิธีการเขตลวงเช่นนี้ได้ก็คงมีไม่กี่คนเท่านั้นกระมัง หากจะแอบอ้างทั้งที ก็คงไม่โง่เง่าถึงขั้นแอบอ้างเป็นพี่ตงป๋อที่สิ้นใจไปแล้วกระมัง”
แม้ในใจจะงุนงงสงสัย
แต่ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็ยังคงจากไปทันที มุ่งหน้าไปคารวะบรรพชนเทียนอวี๋
ไม่นานนัก
“ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ เจ้ามาด้วยเรื่องอันใดกันหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋ชายชราหลังค่อมมองดูประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วไถ่ถาม
บรรพชนเทียนอวี๋ในตอนนี้เหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริงแล้ว ภายในใจก็เศร้าโศกอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรวังทวีสูญก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปอย่างหนักหนาสาหัส เขาผู้เป็นประมุขวังจะไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไรกัน
ประมุขตำหนักสองคนและอวี๋จิ้งชิวก็ยังถูกจับไปทรมาน แต่เขากลับไม่มีหนทางใดเลย
“ต่อให้ทั้งวังทวีสูญต้องดับสลายไป ก็ไม่มีทางมอบศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาด” บรรพชนเทียนอวี๋รู้สึกผิดต่อศิษย์ในสำนัก และรู้สึกผิดต่อตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งตายจากไปนานแล้ว “หากจะโทษใคร ก็โทษว่าข้าไร้ความสามารถก็แล้วกัน! เสวี่ยอิง เจ้าฝากฝังให้ข้าดูแลบุตรภรรยาให้ดี แต่ว่า เฮ้อ…”
ต่อให้รู้สึกผิดมากกว่านี้
ต่อให้เจ็บปวดใจมากกว่านี้ก็ต้องอดทนเอาไว้!
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา จะมอบให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เด็ดขาด! นี่คือเส้นที่มิอาจก้าวล่วงไปได้!
“ท่านบรรพชน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าประสบเรื่องหนึ่งเข้า ข้าเองก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง เมื่อครู่นี้เอง ข้าถูกเขตลวงเข้า แล้วจมดิ่งอยู่ในเขตลวง”
“เขตลวงหรือ” สีหน้าของบรรพชนเทียนอวี๋เปลี่ยนแปรไปในทันใด
“เขามิได้ทำร้ายข้า” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ออกจะงุนงงอยู่บ้าง “นอกจากนี้ยอดฝีมือที่สำแดงเขตลวงออกมาผู้นั้นได้ปลดหน้ากากออกต่อหน้าข้า รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นช่างเหมือนกับน้องตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีผิด เขายังบอกว่าตนก็คือตงป๋อเสวี่ยอิง ทั้งยังพูดว่าหากบอกท่านบรรพชน ท่านก็จะเข้าใจเองขอรับ”
บรรพชนเทียนอวี๋สะดุ้ง
ตอนแรกอวี๋จิ้งชิวบอกบรรพชนเทียนอวี๋เรื่องป้ายคำสั่งจิตโลกาก่อนแล้ว และบอกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกลบมาในภายภาคหน้า
“เสวี่ยอิงกลับมาแล้วหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋ทั้งยินดีและสงสัยอยู่ในใจ
………………………………..