ภาคที่ 34 เทพจักรวาล ตอนที่ 13 ข้าคือตงป๋อเสวี่ยอิง

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ภายในวังทวีสูญซึ่งเคลื่อนย้ายมายัง ‘โลกทิพย์กิเลนบูรพา’ ตำหนักทวีสูญยังคงโดดเด่นสะดุดตา รัศมีสาดส่องไปทั่วทุกอณูในมิติ

 

ภายในตำหนักวารีสวรรค์ บนผืนดินอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ล่องลอยอยู่

 

“น่าขันๆ”

 

“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเกรียงไกร ผู้แกร่งกล้าบาดเจ็บล้มตายก็แล้วไปเถิด แม้แต่บุตรภรรยาของพี่ตงป๋อก็ยังมิอาจปกป้องได้ ช่างน่าอัปยศ น่าอัปยศจริงๆ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มนั่งดื่มสุราอยู่ภายในลานเพียงลำพัง บนใบหน้าฉายแววขมขื่นและเดือดดาล

 

นอกประตูลานมีสาวใช้เมียงมองอยู่ แต่กลับมิกล้าเข้าใกล้เลย

 

นับตั้งแต่วังทวีสูญเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นต้นมา ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็กลายเป็นคนที่ถดถอยลงไป แม้แต่ศิษย์ก็ยังมิกล้าเข้ามาปลอบใจเขาเลย

 

“ดิ้นรน จะดิ้นรนเช่นใดได้อีกเล่า” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พูดเสียงต่ำ บรรดาศิษย์เหล่านั้นยังมีปณิธานอยู่ แต่ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยมาตั้งนานแล้ว “เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เทพจักรวาลทั้งหมดทางฝ่ายพวกเราร่วมมือกันก็ทำได้เพียงรักษาการป้องกันเอาไว้เท่านั้น มิอาจคุกคามเขาได้เลย ภายในมีจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ภายนอกมีฝูงมารผลาญทำลาย…นอกจากนี้อากาศอันสับสนอลหม่านยังขยายตัวอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงอย่างไรก็ต้องเกิดการแตกทำลายครั้งใหญ่ ฮ่าฮ่า ก็ดีๆ พี่ตงป๋อ พี่เชียนอี้ พวกท่านแต่ละคนล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง อีกไม่นานพวกเราก็จะตามไปแล้ว”

 

ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ปวดร้าวและรู้สึกผิดอยู่ในใจ

 

สำหรับ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ในตอนนั้นประมุขตำหนักวารีสวรรค์ได้เห็นเขาเติบโตขึ้นมาทีละก้าวๆ เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงประจำการเมืองอลหม่าน เมืองที่ไปก็คือเมืองวารีสวรรค์

 

ผู้มีพรสวรรค์เกรียงไกรเช่นนั้น…

 

ไร้เทียมทาน โดดเด่นสะดุดตา!

 

เดิมทีระยะเวลาในการบำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สั้นอยู่แล้ว แต่กลับใช้เวลากว่าล้านล้านปีไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายมาโดยตลอด  ทั้งยังตามหารังระดับเกราะทองของฝูงมารผลาญทำลายพบหลายรัง สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงจนทำให้เหล่าเทพจักรวาลต้องอ้าปากค้าง! ท้ายที่สุด แม้จะถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับไปทั้งเป็น ก็ยังยอมเลือกที่จะตาย ก็ไม่เคยบอกสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ล่วงรู้

 

ผู้ที่มีคุณูปการอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ต้องมาสิ้นลมไปตั้งแต่เนิ่นๆ แต่สุดท้าย แม้แต่ภรรยาของเขา วังทวีสูญก็ยังปกป้องเอาไว้มิได้

 

“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย จอมเทพศักดิ์สิทธิ์” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พึมพำเสียงเบา

 

ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้งของอากาศอันสับสนอลหม่านถึงกลับทำเรื่องอัปยศพรรค์นั้นได้โดยไม่รักษาหน้าตนเอง

 

“พลังแตกต่างกันมากเกินไปแล้ว ทางฝ่ายพวกเรามิอาจคุกคามเขาได้เลย” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ฟุบลงกับโต๊ะ สุรามิได้มอมเมาคน คนต่างหากที่เมาเอง

 

เขารู้สึกว่าสติรับรู้ค่อยๆ จมดิ่งลงไป

 

“ไม่ดีแล้ว…”

 

ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พลันรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา จากนั้นสติรับรู้ก็ดับวูบไปอย่างสิ้นเชิง เขาซบหน้าฟุบลงกับโต๊ะแล้วหลับสนิทไป

 

สาวใช้นอกลานเห็นเข้า ก็มิได้ตระหนักเลยว่าประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถูกกระบวนท่าเข้าเสียแล้ว

 

******

 

โลกทิพย์กิเลนบูรพาก็มีสถานที่อันรกร้างห่างไกลอยู่มากมาย บัดนี้ก็ก็ได้แบ่งพื้นที่ต่างๆ ออกมาโดยมีวังทวีสูญปกครอง และยังได้สร้างเมืองอลหม่านขึ้นมาแปดแห่ง ในจำนวนนั้นก็มี ‘เมืองวารีสวรรค์’ อยู่ด้วย

 

ภายในจวนประมุขแห่งเมืองวารีสวรรค์

 

ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์หลับใหลอยู่ในห้องเงียบใต้ดิน ทันใดนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นแล้วออกจากจวนประมุขไป เขาสาวเท้าก้าวหนึ่งแล้ว ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ มาถึงในหอสุราแห่งหนึ่ง

 

ภายในห้องส่วนตัวแห่งหนึ่งของหอสุรา

 

ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ผลักประตูเข้าไป ภายในห้องส่วนตัวมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้หนึ่งนั่งอยู่

 

“พี่วารีสวรรค์” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วโบกมือคราหนึ่ง

 

ฟิ้ว!

 

ผนึกห้าภาพ! ห้องส่วนตัวนี้ตัดขาดจาดโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง จากภายนอกก็มิอาจหาห้องส่วนตัวนี้พบได้แล้ว

 

ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์มีสายตาราบเรียบ อันที่จริงแล้ว เขาถูกตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมอย่างสิ้นเชิงแล้ว แม้แต่การ ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ ก็เป็นตงป๋อเสวี่ยอิงที่ควบคุมอากาศแล้วทำให้เขามาถึงที่นี่ได้

 

“ร่างจริงของเขาน่าจะหลับใหลด้วยเช่นกัน พวกบรรพชนเทียนอวี๋อาจจะสังเกตเห็นแล้วก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิด “ก็ไม่เป็นไร พวกเขาหาที่นี่ไม่พบ ก็ไม่มีทางรบกวนข้าได้ ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้น่ะหรือ ให้บรรพชนเทียนอวี๋รู้เข้าก็ไม่เป็นไร!”

 

เทพจักรวาลที่ทำให้เขาเชื่อใจได้มีไม่มากนัก และบรรพชนเทียนอวี๋ก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

“วิ้ง”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วเอ่ยปากว่า “ครั้งนี้ต้องล่วงเกินแล้ว หวังว่าท่านจะให้อภัยด้วย”

 

ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็นั่งลงอย่างเงียบเชียบ

 

“ท่านเกลียดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

 

บัดนี้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์เป็นยอดฝีมือขั้นอลวนระดับชั้นที่แปด นอกจากนี้ยังเป็นทางสายของกฎเกณฑ์ ปณิธานวิญญาณจึงไม่ธรรมดา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่มีสมบัติลับอันใด เป็นเพราะเขตลวงโลกเทียมบรรลุระดับขั้นเทพจักรวาลล้วนๆ จึงสามารถควบคุมประมุขตำหนักวารีสวรรค์เอาไว้ได้ แต่กลับมิอาจทำได้ถึงขั้นพลิกดูความทรงจำของประมุขตำหนักวารีสวรรค์! ทำได้เพียงโน้มน้าวให้อีกฝ่ายพูดความลับต่างๆ ออกมาเท่านั้น

 

ถึงขั้นหลังจากตนหยุดเคล็ดลับและจากไปแล้ว ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ฟื้นคืนสติ ก็สามารถล่วงรู้ได้ว่าเมื่อครู่ตนถูกกระบวนท่าเข้าเสียแล้ว

 

“เกลียดสิ เกลียดจนอดใจรอให้เขาตายไปเร็วๆ ไม่ได้เลยล่ะ” สีหน้าของประมุขตำหนักวารีสวรรค์เหี้ยมเกรียม ราวกับเห็นภาพที่ทำให้โมโหอย่างไรอย่างนั้น เขาพูดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

 

จากภาพที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นในเขตลวงซึ่งสำแดงออกมาขณะนี้ เขาก็ตัดสินได้ว่าประมุขตำหนักวารีสวรรค์มิใช่คนทรยศ

 

“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลอบโจมตีวังทวีสูญ วังทวีสูญเสียหายเพียงใดกัน” นี่เป็นเรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นห่วงอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มโน้มน้าวจิตใจของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ซึ่งจมดิ่งอยู่ในเขตลวง ทำให้ทั้งเขตลวงโลกเทียมค่อยๆ มีภาพของสงครามในครั้งนั้นปรากฏขึ้นมา

 

“กะทันหันเกินไป ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับคนของวังทวีสูญกลุ่มหนึ่งไปทั้งเป็น ในจำนวนนั้นมีประมุขตำหนักถึงสี่คน!” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าว

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนแปรครั้งใหญ่

 

จับประมุขตำหนักสี่คนไปทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ

 

หากไม่นับตนเอง ทั้งวังทวีสูญก็มีประมุขตำหนักเพียงสิบสองคนเท่านั้น!

 

“ประมุขตำหนักทั้งสี่คนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

 

“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์บีบบังคับให้พวกท่านบรรพชนมอบสิ่งที่เรียกว่า ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ให้ ท่านบรรพชนและจอมกระบี่ต่างก็ไม่ยอมมอบให้” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าว “ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็สังหารคนที่เขาจับไปทั้งเป็นทีละคนๆ ‘ประมุขตำหนักเชียนอี้’ และ ‘จอมมาร’ สองในสี่ของประมุขตำหนักต่างก็ถูกปลิดชีพในตอนนั้น”

 

หัวใจของตงป๋อเสวี่ยอิงบีบตัวแน่น

 

พี่เชียนอี้และจอมมารหรือ

 

ตอนนั้นประมุขตำหนักอีกสิบสองคน นำโดยประมุขตำหนักอลวน ยังมีประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์เป็นต้น ตนล้วนแต่คุ้นเคยดีมาก เรียกกันเป็นพี่เป็นน้อง เนื่องจากจอมมารมาจากจักรวาลเดียวกับตน ความสัมพันธ์จึงค่อนข้างพิเศษ

 

สิ้นใจแล้วหรือ

 

สิ้นใจไปเช่นนี้เองน่ะหรือ

 

“แล้วอย่างไรอีก วังทวีสูญเสียหายอย่างไรบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามต่อ

 

“ในสงครามนั้น นอกจากคนที่ถูกจับไปทั้งเป็นจะถูกสังหารเป็นจำนวนมากแล้ว ศิษย์คนสำคัญของทั้งวังทวีสูญก็ล้มตายไปมากถึงสามส่วน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จงใจ จงใจทำให้ศิษย์วังทวีสูญของข้าถูกลูกหลง แม้ท่านบรรพชนและจอมกระบี่จะพยายามปกป้อง ก็ยังคงล้มตายกันไปมากมาย ที่ทำให้ข้าโกรธแค้นที่สุดก็คือ เพื่อสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกานั่น เขายังจับ ‘อวี๋จิ้งชิว’ ภรรยาของพี่ตงป๋อไปทั้งเป็นด้วย”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าซีดขาว

 

สิ่งที่กลัวที่สุด กลัวที่สุด…

 

สิ่งที่กังวลที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว!

 

“ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาเล่า แล้วศิษย์คนอื่นๆ ของตงป๋อเสวี่ยอิงเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามรัว

 

“พี่ตงป๋อสร้างคุณูปการใหญ่หลวงให้ฝ่ายเรา หลังเขาสิ้นใจ จอมกระบี่ก็ได้รับตงป๋อชิงเหยาเป็นศิษย์ บรรพชนทิพย์ก็รับตงป๋ออวี้เป็นศิษย์ ดังนั้นบุตรชายบุตรสาวของพี่ตงป๋อจึงยังดีอยู่ สิงหั่วสวินอีศิษย์เขาก็มิได้ตายไปในสงครามนั้น เดิมทีประมุขเหยากวงคิดจะรับอวี๋จิ้งชิวเป็นศิษย์ แต่อวี๋จิ้งชิวกลับไม่ยินยอม นางรั้งอยู่ในคูหาของพี่ตงป๋อในตอนนั้นมาโดยตลอด อยู่ที่นั่นมาตลอดโดยไม่ยอมไปที่อื่นเลย ตอนนั้นคนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับไปทั้งเป็นคนแรกก็คืออวี๋จิ้งชิว!” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์เอ่ย

 

“ไม่ยอมไปที่อื่นเลย ไม่ยอมไปที่อื่นเลย…”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงว้าวุ่นใจ

 

คนอื่นไม่รู้

 

แต่ตัวเขาเองรู้ ตนเคยให้สัญญาเอาไว้ว่า ในภายหน้าจะกลับมาให้จงได้! ตนมี ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ จะต้องกลับมาหาภรรยาอย่างแน่นอน! ดังนั้นจิ้งชิวจึงอยู่เฝ้าที่นั่นมาโดยตลอดเพื่อรอคอยตน

 

“ตอนนี้อวี๋จิ้งชิวยังดีอยู่หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

 

“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับศิษย์กลุ่มหนึ่งไปทั้งเป็น มีเพียงนางและประมุขตำหนักสองคนเช่นหมื่นรูปที่ยังคงมีชีวิตอยู่ชั่วคราว” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าว “จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ขังพวกเขาเอาไว้ในโลกทิพย์โบราณ และใช้การลงโทษทรมานพวกเขามาโดยตลอด บีบบังคับให้พวกเราชาววังทวีสูญมอบ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ให้ จวบจนบัดนี้วังทวีสูญยังมิได้มอบให้ไป พวกเขาก็ยังคงทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น  เคราะห์ดีที่ตอนนั้นพี่ตงป๋อมิได้บอกเรื่องศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาให้ภรรยารู้ มิเช่นนั้นแล้วภรรยาเขาและพวกพี่หมื่นรูปก็คงต้องตายอย่างแน่นอน”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงเจ็บปวดใจและโกรธแค้น

 

ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา…

 

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ นอกจากจะลงมือกับตนแล้ว ยังลงมือกับทั้งวังทวีสูญอีก!

 

“พวกจิ้งชิวยังคงทนทุกข์ทรมานอยู่” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจ พวกบรรพชนเทียนอวี๋ยอมตาย ก็ไม่ยอมเสียเปรียบจอมเทพศักดิ์สิทธิ์! เพราะถึงอย่างไรทุกฝ่ายก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่งคือ หากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัย ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ สำแดงศาสตร์ร่างแยกออกมา เช่นนั้นสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงไปอีก

 

……

 

เขาสอบถามข้อข้องใจอีกหลายอย่างโดยละเอียด ทั้งยังสำแดงภาพอีกหลายภาพขึ้นมาโดยผ่านเขตลวงโลกเทียมเพื่อให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน

 

“พี่วารีสวรรค์ ครั้งนี้ล่วงเกินแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วค่อยๆ ถอดหน้ากากบนหน้าออก เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง “ข้าคือตงป๋อเสวี่ยอิง! อย่าเพิ่งเปิดเผยตัวตนของข้าในตอนนี้ ทว่าท่านสามารถบอกบรรพชนเทียนอวี๋ได้ หากท่านบอกเขา เขาก็จะเข้าใจเอง”

 

พูดจบ

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เก็บเคล็ดผนึกห้าภาพแล้วหายวับไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

 

ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์สั่นสะท้านคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้สติกลับคืนมา

 

“ข้า ข้าถูกเขตลวงเข้าหรือ” ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์หวาดผวาเสียจนหน้าซีดขาวไปหมด

 

แต่จากนั้น เมื่อย้อนคิดถึงทุกสิ่งที่ได้ประสบในเขตลวง ลักษณะของผู้ที่ถอดหน้ากากออกให้เขาได้เห็นด้วยตาเปล่าเมื่อครู่ ก็ทำให้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ตะลึงงันไป

 

“พี่ตงป๋อรึ เขา เขายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์มึนงงไปหมด

 

 ………………………………..