ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้าง ในใจเย็นวาบ สีหน้าซีดขาวขึ้นมา
ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมา
กังวล จิตใจไม่สงบ หวาดกลัว…
“ไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบด้าน “เหตุใดโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราหนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้าจึงหายไปเช่นนี้ได้เล่า หรือว่าข้าเคลื่อนที่ในพริบตาคลาดเคลื่อนมากเกินไปแล้ว”
ตู้มมม…
สติรับรู้แผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทางโดยอาศัยอากาศ มันกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา จักรวาลและดินแดนต่างๆ รอบด้านล้วนถูกสติรับรู้ของเขาปกคลุมเอาไว้ ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายนานถึงล้านล้านปี จึงรู้จักบริเวณต่างๆ ของอากาศอันสับสนอลหม่านดียิ่งนัก เหมือนกับที่เขากลับชาติไปจุติในโลกดาราระยับ เมื่อใช้สติรับรู้ปกคลุมไปทั่วโลกดาราระยับเพื่อตรวจสอบดู ก็รู้ว่าตนอยู่ใน ‘โลกดาราระยับ’
เนื่องจากที่ผ่านมาเขาเคยสำรวจมาก่อน!
ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน เขาจึงคุ้นเคยกับรอบโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราเป็นอย่างมาก
“มิผิด จักรวาลต่างๆ รอบด้าน ที่นี่ควรจะเป็นโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราสิ แต่มันไม่มีแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ” ต่อให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นเทพจักรวาล ก็ยากที่จะปิดบังความร้อนรนเอาไว้ได้ เนื่องจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดารานั้นเกี่ยวข้องกับคนที่เขาใส่ใจมากมายเกินไปแล้ว ทั้งภรรยาและบุตรชายบุตรสาวของเขา สหายมากมายตอนที่จากจักรวาลมา และคนร่วมสำนักในวังทวีสูญ…
“นี้เพิ่งจะผ่านไปแค่เกือบหมื่นล้านปีเท่านั้น ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงข่มความไม่สงบใจเอาไว้ สวบ แล้วเขาก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย
******
ฟิ้ว
ขณะที่ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งนั้น ก็มาถึงบริเวณซึ่งเดิมทีเป็นอากาศนอก ‘โลกทิพย์กิเลนบูรพา’ หนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้า
“เป็นที่นี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูโลกทิพย์ขนาดมหึมาไกลออกไปแล้วลอบถอนหายใจคราหนึ่ง โลกทิพย์กิเลนบูรพายังคงอยู่ดีดังเดิม
ว่ากันตามหลักแล้ว
ตนใช้เวลาในดินแดนจิตโลกาไปเกือบหมื่นล้านปี เวลาเล็กน้อยเท่านี้ สำหรับผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งแล้วก็มิได้นับว่ายาวนานแต่อย่างใด! ตามหลักแล้วอากาศอันสับสนอลหม่านไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ ‘โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา’ หายไปแล้ว จึงย่อมทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนกตกใจขึ้นมา เขาถึงขั้นกลัวว่าโลกทิพย์กิเลนบูรพาจะไม่อยู่แล้วเช่นกัน
“โลกทิพย์กิเลนบูรพามีทรัพยากรลึกล้ำกว่า ที่นี่มีพวกราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศอยู่ ทั้งยังมีเจ้าเมืองหลัวผู้ลึกล้ำยากเกินคาดเดาผู้นั้นอยู่ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
เห็นๆ กันอยู่ว่าเจ้าเมืองหลัวเป็นขั้นอลวนคนหนึ่ง
พลังที่สำแดงออกมา กลับสามารถกดดันคนระดับอย่างบรรพชนห้วงอากาศได้ ในสายตาของตงป๋อเสวี่ยอิง ต่อให้พวกบรรพชนฝานสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกามาถึงที่นี่ ก็ต้องถูกกดดันให้อยู่ในขั้นอลวน พลังมิอาจแข็งแกร่งไปถึงไหนได้ เจ้าเมืองหลัวแข็งแกร่งเช่นนี้ ช่างไม่สอดคล้องกับหลักทั่วไปเอาเสียเลย
“เจ้าเมืองหลัวเป็นผู้มาจากภายนอกอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิด “ที่มาที่นี่เป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งของเขาอย่างนั้นหรือ ร่างแยกร่างหนึ่งเผชิญกับการผลักไสและกดดันของกฎเกณฑ์อันสูงส่งก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าพลังของร่างจริงจะต้องน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า อาจจะเหนือกว่าพวกบรรพชนฝานเสียอีก! หากเขาสามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างสิ้นเชิง เกรงว่าคงจะสามารถจัดการกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว น่าเสียดายที่เป็นผู้มาจากภายนอก ด้วยขั้นอลวน เขาก็สำแดงออกมาได้เพียงพลังรบเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเท่านั้น สู้พวกราชันย์มีดและบรรพชนทิพย์ไม่ได้เลย”
เมื่อสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวเข้าไปในโลกทิพย์กิเลนบูรพา แล้วเลือกเมืองใหญ่แห่งหนึ่งก่อนจะร่อนลงไปตามอำเภอใจ
กลางตัวเมืองยังคงคึกคัก มีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน
ภายในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารามี ‘หอทะเลสัตตดารา’ ซึ่งมีไว้สำหรับทำการซื้อขายโดยเฉพาะ ในโลกทิพย์กิเลนบูรพาก็มี ‘ตำหนักกิเลนบูรพา’ ซึ่งมีไว้สำหรับทำการซื้อขายต่างๆ โดยเฉพาะเช่นกัน
“ตำหนักกิเลนบูรพา” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงตำหนักย่อยของตำหนักกิเลนบูรพาในเมืองใหญ่แห่งนี้ พลางเงยหน้ามองดูสิ่งก่อสร้างสูงตระหง่านตรงหน้าแห่งนี้
“ใต้เท้าท่านนี้ ยินดีต้อนรับสู่ตำหนักกิเลนบูรพาเจ้าค่ะ ตำหนักกิเลนบูรพาของเรามีครบครันทุกสิ่งรวบรวมทุกอย่างเอาไว้” สาวใช้เทพแท้หน้าตาหมดจดงดงามคนหนึ่งกล่าวต้อนรับ
เนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์เก็บงำกลิ่นอายเอาไว้โดยสิ้นเชิงได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังจงใจแสร้งทำเป็นปลดปล่อยไอร้ายกาจเยียบเย็นออกมา บนใบหน้าก็สวมหน้ากากสีเงินเอาไว้ กลิ่นอายที่เขาแสร้งปลดปล่อยออกมาเป็นเพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น หากมีเทพจักรวาลเร้นลับคนหนึ่งมาเยือนน่ะหรือ อย่าว่าแต่ประมุขตำหนักย่อยของตำหนักกิเลนบูรพาแห่งนี้เลย เกรงว่าคงจะต้องทำให้พวกราชันย์มีดแตกตื่นกันหมดเป็นแน่
ไม่นานนักเขาก็ถูกนำทางมาจนถึงโถงตำหนักอันวิจิตรแห่งหนึ่ง มีอาหารและสุรารสเลิศเรียงรายอยู่ สาวใช้ก็อยู่เป็นเพื่อนที่ด้านหนึ่ง
ขั้นรวมเป็นหนึ่ง…เมื่ออยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือตัวฉกาจได้แล้ว
“ข้าเก็บตัวมาเป็นเสลาหลายหมื่นล้านปีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก “ออกมาครั้งนี้ กลับได้ยินมาว่าโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราไม่อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ นั่นเป็นศึกใหญ่เลยทีเดียว” สาวใช้พูดยิ้มๆ
“ศึกใหญ่หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง
“ว่ากันว่าเกี่ยวข้องกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ส่วนรายละเอียดข้าก็ไม่ค่อยรู้แล้เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ย ถึงนางเข้าใจก็มิอาจพูดอะไรมากได้ ข่าวสารทั่วไปที่แพร่ไปจนรู้กันทั่วหล้านั้นนางสามารถพูดได้ ส่วนข่าวสารที่ ‘ล้ำค่า’ หน่อยนั้น หากอยากรู้ก็ต้องซื้อเอาแล้ว!
ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงคันยุบยิบไปหมด
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์หรือ
นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของตน ผู้ที่สามารถทำให้โลกทิพย์แห่งหนึ่งหายไปได้ พวกบรรพชนเทียนอวี๋คงไม่มีทางเบื่อหน่ายจนถึงขั้นไปทำลายโลกทิพย์ด้วยตนเอง เกรงว่าคงมีเพียง ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
“ช้าอยากรู้ข้อมูลเรื่องที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดาราหายไปโดยละเอียด รวมทั้งหลายหมื่นล้านปีที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ต้องการละเอียดขนาดไหนเจ้าคะ” สาวใช้สอบถาม
“ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
สาวใช้พยักหน้าน้อยๆ พลางครุ่นคิด จะต้องลอบติดต่อกับเบื้องบนให้ได้
“รายงานฉบับนี้เกี่ยวพันลึกซึ้งนัก ต้องใช้ศิลาปฐมโลกาหนึ่งก้อนเจ้าค่ะ!” สาวใช้กล่าว
“ข้ามี ‘ศิลาด้ายทองสามสี’ อยู่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ศิลากึ่งโปร่งใสซึ่งเปล่งแสงสามสีก้อนแล้วก้อนเล่าปรากฏขึ้นมา ภายในนั้นมีด้ายมองเคลื่อนไหวอยู่ ศิลามีทั้งหมดสิบแปดก้อนด้วยกัน “สามารถใช้แทนศิลาปฐมโลกาก้อนหนึ่งได้กระมัง” นี่คือสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบ่มเพาะขึ้นมาเองในจักรวาลโลกเทียมของตน เขาบ่มเพาะวัตถุเช่นนี้ขึ้นมา จะต้องเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจทะลุปรุโปร่งอย่างแท้จริง
สมบัติลับอันแข็งแกร่งอย่าง ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ หรือวัสดุลับนั้น หากมิได้ค้นคว้าให้ทะลุปรุโปร่งทั้งนอกและใน เขาก็มิอาจสร้างขึ้นมาเปล่าๆ ได้
ด้วยระดับขั้นของเขา วัสดุที่เมื่อเทียบกันแล้วรองลงมาบ้าง…โดยทั่วไปก็ล้วนค้นคว้าจนทะลุปรุโปร่งได้ และสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ เพียงแต่ว่าต้องใช้พลังงานมากหน่อยเท่านั้นเอง ดังนั้นหากอยากทำ เทพจักรวาลในอากาศอันสับสนอลหม่านเพียงคนเดียวซึ่งเข้าถึง ‘จักรวาลโลกเทียม’ ในตอนนี้อย่างเขา หากพูดถึงระดับความมั่งคั่งแล้ว ย่อมสามารถจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ได้! เพียงแต่ว่าสมบัติลับพิสดารอันล้ำค่าจริงๆ นั้น ต่อให้มีวัสดุล้ำค่าระดับรองมากกว่านี้ก็มิอาจแลกมาได้
“ได้เจ้าค่ะ” สาวใช้พยักหน้ารัว
……
ไม่นานนัก
รายงานฉบับหนึ่งก็ถูกส่งมาตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับม้วนสาส์นสีม่วงเข้มฉบับหนึ่งที่สาวใช้ส่งมาให้ หลังคลี่ออกแล้วเขาก็สำรวจดูเล็กน้อย บนม้วนสาส์นสีม่วงเข้มมีรอยอักษรปรากฏขึ้นมา ทั้งยังมีข้อมูลจำนวนมากส่งถ่ายเข้าไปในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิง
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับกุม ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ เจ้าตำหนักแห่งวังทวีสูญในโลกเทียมไป ตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นชีพในโลกทิพย์โบราณ
หลังตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นชีพได้สามสิบล้านปี จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็แอบแทรกซึมเข้าไปภายในวังทวีสูญแล้วลอบสังหาร
สงครามใหญ่ครั้งหนึ่งปะทุขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน!
บรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาต่างก็เข้าร่วมสงคราม
สงครามใหญ่ครั้งนี้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บ้าคลั่งเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดก็ทำให้ทั้งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปจนสิ้น วังทวีสูญ เกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงก็ทำทันเพียงให้ศิษย์ในเมืองใหญ่อพยพหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น ส่วนผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วบริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลที่โลกทิพย์แตกสลายนั้นก็แทบจะหายไปหมด
……
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงดูคล้ำเขียว สิ่งมีชีวิตภายในโลกทิพย์แห่งหนึ่งแทบจะดับสลายไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่บันทึกเอาไว้ในรายงานก็นับได้ว่าละเอียดมากแล้ว ถึงขั้นบันทึกเอาไว้ว่าขณะที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลอบโจมตีสังหารวังทวีสูญนั้น ยังจับตัวศิษย์วังทวีสูญบางส่วนไปด้วยความเร็วอันสูงยิ่งอีกด้วย
“น่าแปลก”
“เหตุใดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จึงตั้งใจมุ่งหน้าไปลอบโจมตีวังทวีสูญเล่า ด้วยนิสัยของเขา จะไม่เข่นฆ่าโดยตรง แต่กลับจับศิษย์วังทวีสูญบางส่วนกลับไปทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่า
ศึกใหญ่ซึ่งนำไปสู่การแตกสลายของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารานั้น เกี่ยวข้องกับเกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงไม่มากนัก เกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงเป็นปลาที่ติดร่างแหมาด้วยเท่านั้นจริงๆ
“เรื่องลอบโจมตีวังทวีสูญ เกี่ยวข้องกับจอมกระบี่อย่างนั้นหรือ หรือว่าเกี่ยวข้องกับข้ากันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ตอนที่จอมกระบี่บรรลุนั้น ก็เคยยั่วให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บุกเข้ามาเช่นกัน
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บ้าคลั่งแล้วทำลายไปทั้งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็เป็นเทพจักรวาล จึงเข้าใจดีมากว่า การจะทำให้โลกทิพย์ใบหนึ่งได้รับความเสียหายนั้นง่ายดายมาก หากจะทำลายโลกทิพย์ทั้งใบภายใต้การขัดขวางของบรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกาและคนอื่นๆ ก็ยากมาก แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำเช่นนี้ลงไปแล้ว คาดว่าคงจะโมโหจนคลั่งไปจริงๆ
“ยังมีจิ้งชิว อวี้เอ๋อร์ ชิงเหยาและคนร่วมสำนักวังทวีสูญทั้งหลาย…” ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงอยากจะรู้สภาพความเป็นไปของภรรยาและลูกๆ รวมทั้งคนทั้งหลายที่เขาห่วงใยเป็นอย่างมาก แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่เหมาะจะซื้อข้อมูลแล้ว
เขายังไม่อยากเปิดเผยสถานะของตนในตอนนี้!
เพราะถึงอย่างไร ที่เขากลับมาจากดินแดนจิตโลกาก็ได้ผ่านการกลับชาติมาจุติอีกครั้ง แม้ทุกครั้งล้วนแต่มีวิญญาณแท้เริ่มแรกสุดเป็นรากฐานเช่นเดียวกัน แต่กลิ่นอายวิญญาณก็ยังคงแตกต่างกันอยู่บ้าง! นอกจากนี้ เขาสำแดงเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ออกมาจึงสามารถเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถปลอมแปลงกลิ่นอายได้อย่างง่ายดาย! แม้แต่ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ก็ยังเชื่อว่าเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ตายไปตั้งนานแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่ายิ่งต้องปิดบังเข้าไปใหญ่
ศัตรูอยู่ในที่แจ้ง ส่วนเขาอยู่ในที่ลับ ผลลัพธ์เช่นนี้จึงจะดี!
แน่นอนว่า มีบางคนที่ควรค่าแก่การเชื่อใจ ดังเช่น ‘บรรพชนเทียนอวี๋’ และ ‘บรรพชนห้วงอากาศ’ เป็นต้น เพียงแต่ว่า ตอนนั้นตนได้วิญญาณกระจัดพลัดพรายไปจริงๆ วิญญาณแท้สายหนึ่งกลับชาติไปจุติ มุ่งหน้าไปยังดินแดนจิตโลกา ทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงป้ายคำสั่งจิตโลกาแล้วก็กลับชาติไปจุติอีก คิดจะทำให้เหล่าเทพจักรวาลอย่างพวกบรรพชนห้วงอากาศเชื่อว่าตนคือตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิใช่เรื่องง่ายเลย
“ข้าอยู่ในความมืดไปก่อนชั่วคราวก็แล้วกัน ตอนนี้พลังของข้าก็ไม่แข็งแกร่งพอ แม้แต่ปุจฉวิถีคละถิ่นชั้นที่หนึ่งก็ยังฝึกไม่สำเร็จ เฮ้อ ตรวจสอบสถานการณ์ของพวกจิ้งชิวให้แน่ชัดเสียก่อน หวังว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัยดี” ตามข้อมูลที่ได้มา คนส่วนใหญ่ของวังทวีสูญล้วนถูกจอมกระบี่และชายชราเทียนอวี๋พาอพยพไปยังโลกทิพย์กิเลนบูรพา หวังว่าภรรยาและลูกๆ จะอยู่ในจำนวนนั้นด้วย
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็จากตำหนักย่อยขอตำหนักกิเลนบูรพาแห่งนี้ไปอย่างไร้สุ้มเสียง
……………………………………….