ซูจิ่นซีจ้องไปที่มู่หรงอวิ๋นไห่ นางลุกขึ้นและเดินไปด้านข้างเขา เมื่อยื่นมือออกไป ใจกลางฝ่ามือของนางก็ปรากฏยาเม็ดหนึ่ง
มู่หรงอวิ๋นไห่มองซูจิ่นซีด้วยความสงสัย เนื่องจากไม่เข้าใจ
“กินยาเม็ดนี้”
มู่หรงอวิ๋นไห่กินยาเม็ดนั้นตามความต้องการของซูจิ่นซีโดยไม่มีข้อสงสัย
จากนั้น ซูจิ่นซีก็กำชับให้ทุกคนเงียบ นางหยิบสมุนไพรทรงกรวยชิ้นหนึ่งออกมาจากระบบถอนพิษ ก่อนจะมัดเชือกตรงด้านปลายที่ใหญ่กว่า และชูมันไว้เบื้องหน้ามู่หรงอวิ๋นไห่
“ตอนนี้ ให้เสด็จพ่อเพ่งความสนใจทั้งหมดมาที่สมุนไพรในมือของหม่อมฉัน” ซูจิ่นซีกล่าว
เดิมทีมู่หรงอวิ๋นไห่ย่อมไม่ปฏิเสธ อย่างไรเสียก็มีเพียงซูจิ่นซีผู้เดียวที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิด มู่หรงอวิ๋นไห่กลับค้านขึ้นมา
เขาพูดว่า “จิ่นซี ก่อนที่จะทำ พ่อต้องการบอกบางอย่างกับเจ้า”
ซูจิ่นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเหลือบมององครักษ์และองครักษ์เงาที่อยู่ใกล้ที่สุด
ทุกคนพลันถอยห่างออกไป
มู่หรงอวิ๋นไห่มองเยี่ยโยวเหยาอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาแสดงสีหน้าเย็นชา ไม่มีผู้ใดอยู่ในสายตาของเขายกเว้นซูจิ่นซี และเขาไม่ใส่ใจที่จะถอยออกไป
ซูจิ่นซีเน้นย้ำว่า “หม่อมฉันและเยี่ยโยวเหยาเป็นสามีภรรยากันแล้ว เป็นสามีภรรยาหนึ่งวัน เท่ากับเป็นสามีภรรยาตลอดชีวิต ไม่แบ่งแยก ไม่ว่าเสด็จพ่อต้องการจะพูดอันใดก็บอกมาตามตรง เขาไม่จำเป็นต้องหลบไปที่ใด”
มู่หรงอวิ๋นไห่พยักหน้า ก่อนจะขยับเข้าใกล้ซูจิ่นซีและลดเสียงลง
“จิ่นซี ให้คำสัญญากับพ่อ หากไม่สามารถกำจัดพิษในร่างกายของพ่อได้ หรือหากมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ให้ลูกปลิดชีพพ่อเสียถ้าจำเป็น ส่วนแผ่นดินแคว้นหนานหลีนั้น ช่วงหลายปีที่พ่อไม่อยู่ ภายในราชสำนักมีเสด็จพี่ของเจ้าที่ต่อสู้กับสำนักโอสถสกุลจงและเสด็จอาของเขา มู่หรงเฟิง ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาก เมื่อแผ่นดินตกอยู่ในมือของเขา พ่อวางใจและเชื่อว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่รักชาติรักประชาชนแน่นอน”
ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่ามู่หรงอวิ๋นไห่จะพูดเช่นนี้ แววตาของนางแสดงออกอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ทว่าไม่นานนัก ซูจิ่นซีก็ปกปิดความผิดปกติบนใบหน้าไว้ภายใต้ท่าทางเรียบเฉย “ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดคำเหล่านั้น หม่อมฉันชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังมากกว่า
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ชีวิตของเสด็จพ่อเป็นของหม่อมฉัน หากซูจิ่นซีต้องการช่วยชีวิตผู้ใด ไม่มีใครสามารถพรากชีวิตของเขาไปจากหม่อมฉันได้”
บางที ก่อนหน้านี้ซูจิ่นซีอาจไม่มีความมั่นใจที่จะพูดคำเหล่านี้ แต่ตอนนี้นางมั่นใจอย่างมาก และมั่นใจในทักษะวิชาแพทย์ของนางเอง
หลังจากพูดจบ ซูจิ่นซีก็ลุกขึ้น นางกำลังจะนั่งลงด้านข้างมู่หรงอวิ๋นไห่
“จิ่นซี! ” มู่หรงอวิ๋นไห่เอ่ยเรียกซูจิ่นซีอย่างกะทันหัน
ซูจิ่นซีหยุดชะงักชั่วครู่ มู่หรงอวิ๋นไห่ถามว่า “เจ้ายังกล่าวโทษพ่ออยู่หรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องที่สั่งให้เจ้าอภิเษกกับแคว้นเป่ยอี้ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ไม่ใช่… ”
มู่หรงอวิ๋นไห่ยังพูดไม่ทันจบ ซูจิ่นซีก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้น “หม่อมฉันทราบเพคะ! ”
นางพูดพลางหันไปมองมู่หรงอวิ๋นไห่ และส่งรอยยิ้มปลอบโยนให้เขา
“เสด็จพ่อวางใจได้ จิ่นซีเข้าใจดีว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่ความตั้งใจของเสด็จพ่อ ส่วนเรื่องอื่น เสด็จพ่ออย่าเก็บมาใส่ใจ เชื่อมั่นในตัวลูกก็พอ! ”
ไม่ว่ารอยยิ้มและคำปลอบโยนนั้นจะมาจากส่วนลึกของหัวใจหรือไม่ ทว่าตอนนี้ มู่หรงอวิ๋นไห่เป็นคนไข้ของซูจิ่นซี
สำหรับผู้ป่วยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีสภาวะอารมณ์ที่ดี ในฐานะที่เป็นหมอมืออาชีพ นางย่อมมอบรอยยิ้มแบบมืออาชีพให้ผู้ป่วยอย่างแน่นอน
ไม่สำคัญว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ใด
เมื่อเห็นรอยยิ้มของซูจิ่นซี ภายในใจของมู่หรงอวิ๋นไห่ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก เขาพูดติดต่อกันสองครั้งว่า “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! ”
มู่หรงอวิ๋นไห่เอนหลังพิงกำแพงพลางหลับตาทั้งสองข้าง ใบหน้าปรากฏความผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากที่ทุกคนได้พักผ่อนแล้ว ซูจิ่นซีจึงเดินหน้าตามเส้นทางใหม่ที่เพิ่งค้นพบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงอวิ๋นไห่ก็ถามซูจิ่นซีว่า “จิ่นซี เมื่อครู่เจ้านำสมุนไพรนั้นออกมา เจ้าต้องการให้พ่อร่วมมือกับเจ้าอย่างไร? ”
จากการแสดงออกเช่นนี้ มู่หรงอวิ๋นไห่คงเข้าใจและคิดตกแล้ว
หากตอนนี้ซูจิ่นซีต้องการดำเนินการต่อ มู่หรงอวิ๋นไห่ต้องร่วมมืออย่างแน่นอน
ซูจิ่นซีคิดหาคำอธิบาย “หม่อมฉันครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว วิธีการนั้นค่อนข้างเสี่ยงอันตราย ยังไม่ควรทำในเวลานี้! ”
ดวงตาของมู่หรงอวิ๋นไห่ทอประกายซับซ้อน “เจ้าเป็นห่วงพ่อหรือ? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วและพูดเน้นย้ำว่า “หม่อมฉันเป็นหมอ มันเป็นจรรยาบรรณในวิชาชีพของหมอที่ต้องรับรองความปลอดภัยของผู้ป่วย! ”
ไม่ว่าซูจิ่นซีจะเน้นย้ำอย่างไร มู่หรงอวิ๋นไห่ก็คิดเพียงว่าซูจิ่นซีเป็นห่วงเขา
ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุอย่างมู่หรงอวิ๋นไห่ ย่อมห่วงใยบุตรธิดามากที่สุดในยามป่วย
เขามองซูจิ่นซี มุมปากพลันปรากฏรอยยิ้มลึกซึ้ง
ซูจิ่นซีแสดงท่าทีเรียบเฉยตลอดเวลา “ไปกันต่อเถิด! ดูว่าข้างหน้าพวกเราจะพบอันใด ค่อยตัดสินใจว่าจะใช้วิธีนั้นหรือไม่! ”
“จิ่นซี เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ เจ้าจะใช้วิธีใด? ”
ซูจิ่นซีอธิบายให้มู่หรงอวิ๋นไห่ฟังอย่างอดทน “เป็นวิชาสะกดจิต พูดในเชิงวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องราวที่ทุกคนประสบมา ย่อมไม่อาจลืมเลือนได้อย่างสมบูรณ์ แม้สาเหตุที่ทำให้จำไม่ได้จะเกิดจากกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน หรือปัจจัยภายนอกบางอย่าง ทว่าความทรงจำดั้งเดิมบางส่วนจะยังถูกปิดซ่อนไว้ในจิตใต้สำนึกของทุกคน
วิชาสะกดจิตเป็นการนำความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกกลับมา”
มู่หรงอวิ๋นไห่ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ากำลังพูดถึงวิชาเวทลวงตาหรือ? ”
หลังจากพิจารณา ซูจิ่นซีจึงตัดสินได้ว่าในยุคนี้ วิชาสะกดจิตอาจเรียกว่าวิชาเวทลวงตา ทว่าเมื่อเทียบกับวิชาเวทลวงตาแล้ว วิชาสะกดจิตยังฟังดูเข้าใจมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องวิชาการเหล่านี้ให้มู่หรงอวิ๋นไห่เข้าใจ
นางจึงพยักหน้า
มู่หรงอวิ๋นไห่แย้มยิ้มและพูดว่า “แม้พ่อจะไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าเรียกว่าวิทยาศาสตร์ แต่เรื่องเกี่ยวกับวิชาเวทลวงตานั้น พ่อพอรู้อยู่บ้าง มันไม่มีอันตราย หากจำเป็นต้องทำ เจ้าสามารถทำได้ทันที”
ซูจิ่นซีมองมู่หรงอวิ๋นไห่ที่พูดจารื่นหูน่าฟัง แล้วหวนนึกถึงทัศนคติของเขาตอนที่นางพบเขาในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ครั้งแรก
ก่อนและหลังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซูจิ่นซีอดหัวเราะในใจไม่ได้
นางพยักหน้าและเดินต่อไป
หลังจากเดินผ่านเส้นทางที่ยาว แคบ และคดเคี้ยว ซูจิ่นซีก็ได้กลิ่นหอมซึ่งเป็นกลิ่นของดอกบัว
นางหยุดชะงัก
ทุกคนไม่ได้มีพลังวิเศษจากอาคมกำไลปี่อั้นเหมือนซูจิ่นซี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กลิ่นอันใดแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของซูจิ่นซี พวกเขาจึงคิดว่าเป็นอันตราย และพากันระมัดระวังตัวมากขึ้น
“คืออันใด? ”
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีแน่น พลางเอ่ยถาม
“เป็นกลิ่นหอมจางๆ เหมือนกลิ่นดอกบัว”
“มีพิษหรือ? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะเล็กน้อย “กลิ่นนี้ไม่มีพิษ ทว่าเรื่องแปลกคือ การที่มันปรากฏในสถานที่เช่นนี้”
การเจริญเติบโตของดอกบัวไม่เพียงต้องการน้ำอย่างเพียงพอ ทว่ายังต้องการแสงแดดที่เพียงพออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่พวกเขากำลังเดินอยู่ตอนนี้ ไม่เพียงแห้งเท่านั้น ทว่ายังไม่มีการไหลเวียนของอากาศ และไม่มีแสงแดดอีกด้วย
นอกจากนั้น ซูจิ่นซีได้เปิดอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด และไม่พบกระแสลมที่อยู่โดยรอบบริเวณ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีช่องทางหรือสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของดอกบัว
ทว่ากลิ่นหอมนั้นเข้มข้นยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าอยู่ใกล้พวกเขามาก
นี่มันเกิดอันใดขึ้น?