บทที่ 1252 เหยื่ออันโอชะ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

นั่นเพราะคืนนี้หมายเลข958 ได้ประมูลชนะเหออวี้ฉงหลายครั้งหลายครา และครั้งสุดท้ายถึงกับหลอกนางลวงนางเช่นนี้!
  “หากแพ้ประมูลเพราะไม่สามารถสู้ราคาได้ข้ายังพอเข้าใจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะใช้วิธีชั่วช้าสามานย์หลอกลวงผู้อื่นเช่นนี้”
  “ข้าไม่ควรเชื่อคำพูดเพียงไม่กี่คำของผู้อื่นจริงๆ!”
  เหออวี้ฉงไม่เคยต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายเช่นนี้มาก่อนนางขบฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น และแทบอยากจะวิ่งออกจากห้องวีไอพีไปหาคนชั่วช้าหมายเลข 958 ทันที
  “หึ..คิดจะโกงกันเช่นนี้ เจ้าฝันไปเถิด!”
  เหออวี้ฉงจ้องมองใบหน้าสงบนิ่งของหญิงสาวที่อยู่ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ฉายส่องพร้อมกับคิดอยู่ในใจว่า
  ‘ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้าถึงสองครั้งเพราะความสามารถของตัวเองแต่ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปมาก ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!’
  เมื่อคิดได้เช่นนี้เหออวี้ฉงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นางหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาส่งข้อความหาผู้ที่อยู่ในห้องวีไอพีหมายเลข 17 ทันที
  ยอดฝีมือทั้งสามนั้นมากับเหออวี้ฉงนอกจากจะมาคอยคุ้มครองนางแล้ว ยังมาคอยสอดส่องนางอีกด้วย เหออวี้ฉงรู้ดีว่าตนนั้นต้องยกไขหยกม่วงให้กับยอดฝีมือทั้งสามอยู่แล้ว หากนางจะยืมมือพวกเขาคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไร
  –หลังจากที่ข้าได้รับไขหยกม่วงแล้วข้าจะมอบให้กับพวกท่านทั้งสามทันที แต่มีเงื่อนไขว่าพวกท่านต้องช่วยข้าจัดการกับหมายเลข 958 ให้ข้าด้วย..–
  –ได้..นางต้องตาย!-
  เมื่อผู้ที่เป็นหัวหน้าได้รับข้อความของหญิงสาวเขาก็ตอบกลับไปทางกระแสจิตทันทีจากนั้นยอดฝีมือทั้งสามก็หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ
  ……
  ‘ฮ่า..ฮ่า.. แม่นางผู้นี้ช่างเจ้าอารมณ์ยิ่งนัก! ข้ายังยุ่งอยู่ไม่มีเวลาคุยกับเจ้า คงต้องปล่อยให้เจ้าหงุดหงิดไปก่อนแล้ว..’
  หลังจากที่ประมูลสำเร็จแล้วแม้หลิงหยุนจะไม่ได้สื่อสารกับเหออวี้ฉงต่อ แต่การเคลื่อนไหวของนางทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในรัศมีจิตหยั่งรู้ของเขาทั้งสิ้น แม้กระทั่งของความในเครื่องมือสื่อสารของนาง หลิงหยุนก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
  แต่หลิงหยุนก็ไม่นึกตำหนินางเพราะหากนางจะคิดไปเช่นนั้นก็ไม่คงไม่แปลกอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เขาจะรับปากจะรักษาคนในครอบครัวนางนั้น เขาเองก็ไม่ได้คิดหลอกลวง และคงต้องปล่อยให้นางเข้าใจผิดเช่นนี้ไปก่อน
  และในเวลานี้การประมูลก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วจริงๆเซี่ยโหวหมิงประกาศด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า
  “ทุกท่าน..ของประมูลที่จะนำออกมานี้ เป็นของประมูลชิ้นสุดท้ายสำหรับคืนนี้แล้วจริงๆ”
  “สิ่งนี้คือกระบี่เหินเฟยเจี้ยนที่ล้ำเลิศของสำนักกระบี่ฉู่ซานผู้ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งสามารถหยดเลือดของตนแสดงความเป็นเจ้าของเพื่อใช้มันในการต่อสู้ได้..”
  ทันทีที่เซี่วโหวหมิงพูดจบผู้คนในหอประมูลทั้งชั้นหนึ่ง และชั้นสองต่างก็พากับผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง..
  จะไม่ให้ทุกคนฮือฮาได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อกระบี่เหินเฟยเจี้ยนนั้นเป็นเพียงตำนานที่หลายคนได้ฟังต่อๆกันมา เมื่อได้มีโอกาสเห็นกับตาตัวเองเช่นนี้ ทุกคนจึงอยากจะได้เห็นเต็มตา
  ยกเว้นเพียงหนึ่งคนเท่านั้น..ซึ่งก็คือหลิงหยุน!
  หลิงหยุนนั่งยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่า‘ดูท่าตระกูลเย่สร้างโรงประมูลขึ้นมา คงไม่ใช่เพราะต้องการเพียงแค่เครือข่าย ทรัพยากร ข่าวสาส์น และผลกำไรแค่นั้น พวกเขายังต้องการชื่อเสียงอีกด้วย!’
  แววตาของหลิงหยุนเป็นประกาย..เขาพอจะคาดเดาเหตุผลที่แอบแฝงในครั้งนี้ของตระกูลเย่ได้
  การที่สามารถนำกระบี่เหินเฟยเจี้ยนมาประมูลต่อหน้าชาวยุทธนับพันคนได้นั้นไม่เพียงเป็นการประกาศความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างตระกูลเย่กับสำนักกระบี่ฉู่ซาน แต่ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเย่ไปด้วย
  อีกทั้งยังเป็นการประกาศให้ตระกูลหลิงที่กำลังผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นได้รู้ถึงพลังอำนาจของตระกูลเย่ไปในตัวด้วย..
  ‘หึ..ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! พวกเจ้าข่มขู่ผิดคนแล้ว..’
  หลิงหยุนมองกระบี่เหินเฟยเจี้ยนของสำนักกระบี่ฉู่ซานด้วยแววตาเหยียดหยันพร้อมกับคิดในใจว่าเขามีกระบี่เหินเงาธนูที่ล้ำเลิศกว่าหลายเท่า อีกทั้งในวันข้างหน้าก็จะสร้างกระบี่เหินเล่มใหม่ด้วยกระบี่กังฉีของตน และเมื่อถึงตอนนั้นมันจะกลายเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยากที่จะหาจากที่ใดได้..
  หลิงหยุนมีกระบี่เหินล้ำค่าถึงสองเล่มอยู่กับตัวเช่นนี้มีหรือที่จะสนใจกระบี่เหินระดับกลางเช่นนี้
  หลิงหยุนเพียงแค่เหลือบมองจากนั้นจึงกลับมาครุ่นคิดถึงเรื่องที่จะต้องจัดการหลังการประมูลสิ้นสุดลง..
  ….
  ในช่วงบ่ายของวันนี้หลังจากที่หลิงหยุนได้รับบัตรเชิญจากตระกูลเย่แล้ว เขาก็ได้เตรียมการกับตี้เสี่ยวอู๋และโม่วู๋เตาไว้แล้ว เวลานี้จึงเพียงแค่รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมจะสั่งการเท่านั้น
  ตอนนี้ก็เพียงแค่รอเวลาปิดประมูลหลังจากนั้นเสี่ยวเม่ยเม่ยก็จะเดินออกจากโรงประมูลชาวยุทธแห่งนี้พร้อมกับสมบัติล้ำค่าทั้งห้าชิ้น ซึ่งมีภูเขาไฟหลากสี น้ำผึ้งหยกขาว แผนที่ปริศนา กระบี่ฑูตสวรรค์ และศิลาเกลาใจ
  สมบัติล้ำค่าทั้งห้าชิ้นนี้มีมูลค่ารวมกันกว่าสองหมื่นล้านหยวนเลยทีเดียว!
  ‘ดูเหมือนคืนนี้จะมีผู้คนจ้องเข่นฆ่ากันเองมากมาย!’
  หลิงหยุนนึกหยันอยู่ในใจและเขาก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่จ้องจะฆ่าผู้อื่นเช่นกัน!
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ใช่คนไร้ศีลธรรมอะไรมากนักเขาไม่คิดที่จะแย่งชิงของของผู้อื่นมาเป็นของตน แต่หากผู้ใดคิดจะทำกับเขาเช่นนั้น เขาก็ยินดีและพร้อมที่จะรับมือด้วยความยินดี
  ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นการประมูลกระบี่เหินของสำนักกระบี่ฉู่ซาน ก็กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด เวลานี้ราคาประมูลได้พุ่งสูงขึ้นจากราคาเริ่มต้นห้าพันล้านหยวน ไปเป็นหนึ่งหมื่นล้านหยวนในทันที  ผู้ที่ร่วมประมูลก็คือตระกูลหลิวห้องหมายเลข2 ตระกูลถันห้องหมายเลข 3 ตระกูลหลี่ห้องหมายเลข 4 หมั่นเทียนซิงห้องหมายเลข 6 ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติในห้องวีไอพีหมายเลข 14 กับ 16 และยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติในชั้นที่หนึ่ง..
  กระบี่เหินล้ำเลิศเล่มนี้สามารถดึงดูดความสนใจของเหล่ายอดฝีมือขั้นพลังธรรมชาติได้มากมายเพราะหากได้กระบี่เหินเล่มนี้ไปครอบครอง ก็จะสามารถสังหารยอดฝีมือในยุทธภพได้อย่างง่ายดาย..
  ส่วนการที่ตระกูลหลิวตระกูลถัน และตระกูลหลี่แข่งกันประมูลนั้น หลิงหยุนก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะเซี่ยโหวหมิงได้ประกาศไว้ว่า
  “ไม่ว่าผู้ที่ประมูลกระบี่เหินเล่มนี้ได้จะเป็นใครก็ตามตระกูลเย่จะให้การรับรองภายในระยะเวลาสามปี!”
  คำประกาศให้การรับรองของตระกูลเย่ย่อมหมายถึงคำประกาศของสำนักกระบี่ฉู่ซานด้วย จึงยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนพากันแข่งขันประมูลกันอย่างดุเดือด
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหลิวตระกูลถัน และตระกูลหลี่ที่ยังไม่ได้รับการปกป้องทั้งจากตระกูลหลง และตระกูลหลิงนั้น การได้รับความคุ้มครองจากตระกูลเย่ถึงสามปีจึงนับเป็นเรื่องที่คุ้มค่า อีกทั้งยังได้กระบี่เหินไปครอบครองอีกด้วย เช่นนี้แล้วพวกเขาจะปล่อยให้โอกาสดีๆเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร
  แต่เมื่อราคาประมูลพุ่งสูงถึงหนึ่งหมื่นล้านเช่นนี้ทุกคนต่างก็เริ่มชะลอการประมูลลง และเมื่อราคาพุ่งขึ้นเป็น 10.5พันล้าน ยอดฝีมือขึ้นพลังเหนือธรรมชาติชั้นที่หนึ่งก็ประกาศถอนตัวทันที
  และเมื่อราคาพุ่งสูงขึ้นถึง11.5 พันล้าน หมั่นเทียนซิง และห้องวีไอพี 16 ก็ประกาศถอนตัวเช่นกัน รวมทั้งหลิวหย่วนจื้อด้วย
  เวลานี้จึงเหลือผู้ประมูลเพียงแค่ตระกูลถันในห้องหมายเลข3 และห้องวีไอพีหมายเลข 14 เท่านั้น
  ถันอิงที่อยู่ในห้องวีไอพีหมายเลข3 ได้แต่พึมพำออกมาว่า “หึ.. หลังจากประมูลกระบี่เหินเล่มนี้ได้ ตระกูลถันก็จะได้รับการคุ้มครองจากตระกูลเย่ถึงสามปี ระหว่างนั้นข้าค่อยหาทางขายกระบี่เหินออกไป!”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..ถันอิงช่างเป็นคนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ไม่โง่เหมือนกับหลิวหย่วนจื้อ!
  เรียกได้ว่าการประมูลในครั้งนี้ตระกูลเย่ต้องการชื่อเสียงและผลกำไร ในขณะที่ตระกูลถันก็ต้องการความคุ้มครองและการสนับสนุน ส่วนห้องวีไอพีหมายเลข 14 ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่กระบี่เหินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
  เมื่อห้องวีไอพีหมายเลข14 เสนอราคา 12.5 พันล้าน ถันอิงก็รีบประมูลแข่งด้วยจำนวนเงิน 13.5 พันล้านทันทีเช่นกัน
  หลังจากที่ตัวเลขไม่ขยับเป็นเวลาหนึ่งนาทีในที่สุดเซี่ยโหวหมิงก็เคาะพร้อมกับประกาศให้กระบี่เหินตกเป็นของห้องวีไอพีหมายเลข 3 ทันที  ในการประมูลคืนนี้ตระกูลเย่ทำรายได้มากถึงสองหมื่นเจ็ดพันล้านเลยทีเดียว!
  …..
  หลังการประมูลสิ้นสุดลงเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ได้ทำการโอนเงินค่าสินค้าทั้งหมดซึ่งหักส่วนลด 10% คิดเป็นเงินทั้งหมด 17.7 พันล้านให้ทางโรงประมูลทันที
  ครั้งนี้เท่ากับหลิงหยุนประหยัดไปได้ถึง1.8 พันล้าน!
  ‘นับว่ามาไม่เสียเที่ยวจริงๆ!’
  หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะหากหลิงหยุนไม่สามารถประมูลสินค้าเปิดได้ เขาก็คงไม่สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้มากมายถึงเพียงนี้
  หลังจากที่จัดการจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเซี่ยโหวหมิงก็ได้เอ่ยถามเสี่ยวเม่ยเม่ยว่า นางจะนำสิ่งของมากมายเหล่านี้กลับไปได้อย่างไร
  นี่เป็นบริการของโรงประมูลตระกูลเย่แม้พวกเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับอีกฝ่าย แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่จัดส่งสินค้าให้กับผู้ประมูล..
  แต่เมื่อได้ยินเสี่ยวเม่ยเม่ยตอบกลับมาว่านางขับรถมาและจะนำสินค้าขึ้นรถกลับไปเช่นนั้น เซี่ยโหวหมิงถึงกับถามย้ำให้แน่ใจ
  “แม่นางจะนำของขึ้นรถกลับเองจริงๆงั้นรึ!”
  “ถูกต้อง!”
  เสี่ยวเม่ยเม่ยตอบเพียงแค่สั้นๆก่อนจะเดินออกจากหอประมูลไป..
  เซี่ยโหวหมิงจึงให้นักรบตระกูลเย่ขั้นเซียงเทียนทั้งยี่สิบคนช่วยกันขนของทั้งหมดตามเสี่ยวเม่ยเม่ยเดินลงบันไดไป
  หลังจากนั้นนักรบตระกูลเย่ทั้งยี่สิบคนก็ได้ตามไปส่งเสี่ยวเม่ยเม่ยต่ออีกราวหนึ่งกิโลเมตรแล้วจึงกลับมาโรงประมูล
  ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรจากโรงประมูลยังถือเป็นเขตที่อยู่ในความดูแลของโรงประมูลตระกูลเย่ หากเกิดปัญหาขึ้นกับสินค้าที่ประมูลไป ตระกูลเย่จะต้องชดใช้เป็นสิบเท่าของราคาประมูล
  และหากพ้นจากเขตความรับผิดชอบของโรงประมูลไปแล้วตระกูลเย่จะไม่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าสินค้า..
  ……
  ในเวลานั้นหลิงหยุนได้จัดการถอนค่ายกลและเก็บหินพลังชีวิตเข้าไปในแหวนหมดแล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ เดินออกจากห้องวีไอพีหมายเลข 9 ไปอย่างเงียบๆ และเริ่มทำตามแผนที่ได้วางไว้
  หลิงหยุนและเย่ซิงเฉินได้เปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดและคอยจับตามองเสี่ยวเม่ยเม่ยไว้ตลอดเวลา และเมื่อเสี่ยวเม่ยเม่ยพร้อมด้วยนักรบตระกูลเย่ทั้งยี่สิบคนเดินออกจากล็อบบี้โรงแรมไปแล้ว หลิงหยุนกับคนอื่นๆ ก็ได้ไปรออยู่ที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
  เวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาตีสองของเช้าวันใหม่พอดี..
  ‘เหยื่ออ้วนพลีเช่นนี้แม้แต่ข้าเองก็ยังนึกอยากปล้น..’
  หลิงหยุนเฝ้ามองรถแวนของเสี่ยวเม่ยเม่ยพร้อมกับนึกขัน..
  –เสี่ยวเม่ยเม่ยเมื่อออกจากโรงประมูลแล้ว เจ้าขับมุ่งหน้าไปทางทิศตระวันออก เรื่องอื่นๆไม่ต้องเป็นห่วง–
  หลังจากนั้นหลิงหยุนกับคนอื่นๆก็เดินไปขึ้นรถแต่รถของเขากลับไม่ขับไปในทิศทางเดียวกับเสี่ยวเม่ยเม่ย แต่ทั้งหมดได้ขับมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ แล้วจึงกลับรถตรงสี่แยกมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกต่อไป
  และไม่ว่ารถของเสี่ยวเม่ยเม่ยจะวิ่งไปทางใดก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในรัศมีจิตหยั่งรู้ของเขาทั้งสิ้น อีกทั้งหลิงหยุนยังได้เผาหยดเสินหยวนไว้ด้วย
  สองนาทีผ่านไปหลังจากที่รถของหลิงหยุนได้แล่นออกจากโรงประมูลตระกูลเย่ส่วนเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ได้ขับมุ่งหน้าตรงไปทางด้านทิศตะวันออกพร้อมกับเหล่านักรบตระกูลเย่ทั้งยี่สิบคนที่ติดตามมา
  ยามนี้ท้องฟ้าช่างมืดมิดเพราะดวงจันทร์ที่ปรากฏบนท้องฟ้านั้นมีเพียงแค่เสี้ยวเดียว..
  เหยื่อถูกส่งออกไปแล้ว!
  แผนการไล่ล่าที่หลิงหยุนได้จัดวางไว้ก็กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน!