หวังเป่าเล่อตระหนักได้ว่าปรมาจารย์มหาทัณฑ์ต้องมีวิธีปกปิดสายเลือดของตนเพื่อไม่ให้ใครล่วงรู้ ชายหนุ่มยังตระหนักได้อีกด้วยว่า…สิ่งนี้ต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดที่ปรมาจารย์เก็บซ่อนเอาไว้
แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเชื้อสายราชวงศ์ แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแม้แต่น้อย ปรมาจารย์ไต่เต้าขึ้นมาจนเป็นปรมาจารย์ระดับดาวพระเคราะห์ของสำนักฝ่ายตรงข้ามที่ขับเคี่ยวกับราชวงศ์อย่างถึงลูกถึงคนมาตลอด หวังเป่าเล่อเชื่อว่าระหว่างปรมาจารย์และราชวงศ์ต้องเคยมีเรื่องบาดหมางกันเป็นแน่ อาจเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสมาชิกราชวงศ์ที่มีลูกนอกสมรสทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อน ผู้ที่ล่วงรู้เรื่องลูกนอกสมรสคนนี้ หากไม่ถูกสังหารไปแล้วก็คงเลือกที่จะปิดปากเงียบ!
“จริงอยู่ที่ว่าข้าไม่รับสืบทอดสิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์ แต่เมื่อสังหารเจ้าได้ข้าย่อมได้มันมาแน่ ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้รู้ความจริงแล้ว เช่นนั้นก็จงตายอย่างสงบเสียเถิด” ปรมาจารย์มหาทัณฑ์พูดอย่างเยือกเย็น ความจริงถูกเปิดเผย หลงหนานจื่อจะต้องตาย และแผนการของเขาจะต้องสำเร็จ ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปกปิดอะไรอีกต่อไป ชายวัยกลางคนชี้นิ้วไปหาหวังเป่าเล่อ
พลังมหาศาลไหลบ่าออกจากนิ้วมือของเขาแล้วมุ่งเข้าไปหาหวังเป่าเล่อ ร่างที่อ่อนล้าของชายหนุ่มสั่นสะท้านก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่น ความตายของเขามาถึงในชั่วพริบตา!
ปรมาจารย์มหาทัณฑ์แทบจะควบคุมความลิงโลดใจเอาไว้ไม่อยู่หลังจากที่สังหารหวังเป่าเล่อไปเรียบร้อย ชายผู้นี้มีเลือดราชวงศ์อยู่ในกายจริง หวังเป่าเล่อเดาได้ถูกต้อง แผนของเขาคือจัดฉากการต่อสู้ระหว่างหวังเป่าเล่อกับราชวงศ์ ปรมาจารย์ต้องการกำจัดสมาชิกราชวงศ์ออกไปให้มากที่สุดในขณะที่ซ่อนความจริงที่ว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเอาไว้ เมื่อเขาและหลงหนานจื่อกลายมาเป็นสมาชิกราชวงศ์สองคนสุดท้าย เขาจึงจะลงมือ
แต่การที่หวังเป่าเล่อไปติดกับดักบนดารานิรันดร์ไม่ได้เป็นไปตามแผนของเขา ด้วยเหตุนี้ปรมาจารย์มหาทัณฑ์จึงต้องออกมาให้ความช่วยเหลือชายหนุ่มไม่น้อย ความตายของผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นโอกาสที่ปรมาจารย์รอคอย เขาฉวยโอกาสตอนที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าสังหารสมาชิกราชวงศ์ที่เหลือทุกคน รวมถึงเหออวิ๋นจื่อด้วย!
แต่การที่สิทธิ์การควบคุมไม่ได้ถูกส่งผ่านมายังเขาหลังจากที่เหออวิ๋นจื่อตายเป็นเรื่องเกินคาดอยู่สักหน่อย ปรมาจารย์ต้องเสี่ยงไม่น้อยเพื่อสังหารเหออวิ๋นจื่อ ชั้นป้องกันแน่นหนาที่ล้อมรอบเหออวิ๋นจื่อเอาไว้ทำให้ไม่อาจรับประกันได้ว่าปรมาจารย์มหาทัณฑ์จะกลับออกมาได้อย่างปลอดภัยแม้จะสังหารอีกฝ่ายได้ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งความโกรธเกรี้ยวของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงการเปิดเผยตัวตนในฐานะราชวงศ์ของปรมาจารย์ ก็เป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ทุกอย่าง!
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า แม้สิทธิ์การควบคุมจะยังไม่ได้ถูกโอนมาที่เขา ทว่าสัญลักษณ์ตกเป็นของเขาแล้ว มันคือร่องรอยสีขาวตรงหว่างคิ้วนั่นเอง
สิ่งใดก็ตามที่เหออวิ๋นจื่อสามารถมอบให้สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาเองก็ให้ได้เช่นกัน เพราะอย่างไรเสีย สิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการก็คือสัญลักษณ์ของสุสานดวงดารา ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เหออวิ๋นจื่อให้คนเหล่านั้นไม่ได้ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์สามารถให้ได้!
ด้วยเหตุนี้สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จึงเลือกที่จะร่วมมือกับเขาแทน ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่คิดอยู่พักใหญ่ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็เข้าใจว่าเหตุใดสิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์จึงยังไม่ถูกถ่ายโอนมาที่เขา สายเลือดราชวงศ์นั้นเป็นความเกี่ยวดองทางโลหิตเช่นเดียวกับการสืบทอดวิชาดวงเนตรสวรรค์ สัญลักษณ์ผู้สืบทอดอยู่ในเลือดและเนื้อ เป็นเหตุให้ผู้ที่จะได้รับสืบทอดสัญลักษณ์ต้องมีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับราชวงศ์ แต่สิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์นั้นแตกต่างออกไป ดารานิรันดร์เป็นวัตถุภายนอก อาจนับได้ว่าเป็นวัตถุเวทที่มีขนาดมหึมา การส่งผ่านสิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์นั้นจึงขึ้นอยู่กับว่า ผู้นั้นได้รับสืบทอดวิชาดวงเนตรสวรรค์หรือไม่
แม้ว่าปรมาจารย์จะไม่เหมาะสมเท่าหวังเป่าเล่อในฐานะผู้สืบทอดสิทธิ์ควบคุม แต่เขาก็มีทางแก้ไขได้ง่ายๆ นั่นคือการสังหารหลงหนานจื่อเสีย เมื่ออีกฝ่ายตายแล้ว ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็จะกลายมาเป็นผู้สืบทอดสิทธิ์ควบคุมแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงรัศมีที่แผ่ออกมาจากดวงเนตรสวรรค์เบื้องหลังเขา ข้างกายเขานั้นคือประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จ้องมองมาพลางพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“หลงหนานจื่อตายแล้ว สหายร่วมสำนักเต๋าปรมาจารย์มหาทัณฑ์ ข้าขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้รับสิทธิ์ควบคุมดวงเนตรของดารานิรันดร์โดยสมบูรณ์ ได้โปรดเปิดดารานิรันดร์เถิด ผู้ฝึกตนแห่งอารยธรรมครามทองคำระลอกสองจะได้เดินทางมาที่นี่ มหาศิษย์เต๋าของอารยธรรมเราจะมาถึงพร้อมกองกำลังระลอกสองนี้ เขาได้รับเลือกให้รับสัญลักษณ์ผู้สืบทอด เรือสู่สุสานดวงดารานั้น…ใกล้จะมาถึงเต็มทีแล้ว”
ปรมาจารย์มหาทัณฑ์เริ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่ประมุขสำนักพูด ความเคลือบแคลงและสับสนค่อยๆ ปรากฏขึ้นในแววตา
“ข้ายังไม่รู้สึกว่าสิทธิ์การควบคุมถูกถ่ายทอดมายังกายข้าเลย…”
“ปรมาจารย์มหาทัณฑ์!” นัยน์ตาของประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เย็นชาขึ้นมาทันที
“ท่านสังหารสมาชิกราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์ทั้งหมด ท่านเป็นทายาทคนสุดท้ายที่มีสายเลือดราชวงศ์ในกาย หลงหนานจื่อก็ตายแล้ว แล้วท่านก็ยังมีสัญลักษณ์ผู้สืบทอด ท่านจะไม่มีสิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์ได้อย่างไรกัน” คำพูดของประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์เป็นคนหลักแหลม จึงได้ยินความขุ่นเคืองนั้นอย่างชัดเจน
คิ้วของปรมาจารย์ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น ก่อนที่ประกายสงสัยในแววตาจะเริ่มกล้าขึ้น เขาหันไปจ้องมองประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงพยายามอธิบาย ขณะหักห้ามใจตนเองไม่ให้ยิ้มเยาะความไร้ปัญญาของอีกฝ่าย
“สหายร่วมสำนักเต๋า ข้าได้สาบานเอาไว้แล้ว ถึงขนาดยอมมอบสัญลักษณ์ผู้สืบทอดให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับความร่วมมือ แล้วข้าจะหวงสิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์ไปทำไมเล่า แต่ตอนนี้ข้ายังควบคุมมันไม่ได้จริงๆ!”
“แปลได้อย่างเดียว…” เขามีสีหน้าถมึงทึงขึ้นมาทันที ปรมาจารย์มหาทัณฑ์เงยหน้าขึ้นอย่างปุบปับก่อนจะจ้องไปยังตำแหน่งที่หวังเป่าเล่อสิ้นชีพไปด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
“หลงหนานจื่อ…ยังไม่ตาย!”
ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อดรนทนไม่ได้ขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูด สีหน้าก็พลันตื่นตกใจขึ้นมาเสียก่อนขณะจ้องมองไปยังทิศทางของดารานิรันดร์
มีคลื่นพลังวิญญาณกระจายออกมาจากดารานิรันดร์ วงแหวนปราณที่ครอบดารานิรันดร์อยู่ถูกเจาะเข้าไปแล้ว!
“ไม่นะ!”
ขณะที่ความตื่นตกใจสะท้อนอยู่ในสีหน้าของทุกคน ร่างสารัตถะของหวังเป่าเล่อก็พุ่งทะลุวงแหวนปราณรอบนอกดารานิรันดร์ราวกับเป็นดาวหาง ร่างอวตารถูกส่งไปเป็นตัวล่อศัตรู ในขณะที่ร่างสารัตถะออกมาจากสะเก็ดดาวและมุ่งหน้าไปที่ดารานิรันดร์อย่างเร็วรี่
ตอนที่ร่างอวตารของเขาตาย กายสารัตถะของชายหนุ่มก็อยู่ใกล้ดารานิรันดร์มากแล้ว หวังเป่าเล่อจึงไม่มีความจำเป็นต้องซ่อนตัวเองอีกต่อไป ชายหนุ่มใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งทะลวงวงแหวนปราณก่อนที่ศัตรูจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปรกติ!
ไม่มีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ยืนยามอยู่นอกดารานิรันดร์ในขณะนี้ มีเพียงขั้นจิตวิญญาณอมตะสองสามคนเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ล่วงรู้ว่าหวังเป่าเล่อจะมาถึงจึงไม่อาจหยุดชายหนุ่มได้ อุปสรรคเดียวที่ขวางหน้าหวังเป่าเล่ออยู่ก็คือวงแหวนปราณ แต่หากมีเวลามากพอ ชายหนุ่มก็รู้ว่าเขาสามารถทะลวงมันเข้าไปถึงดารานิรันดร์ได้!
หวังเป่าเล่อรู้อยู่แล้วว่าปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่ได้สิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์ไปหลังจากที่สังหารเหออวิ๋นจื่อ แปลว่า…มีความเป็นไปได้มากที่ตอนนี้หวังเป่าเล่อจะมีสิทธิ์การควบคุมดารานิรันดร์อย่างสมบูรณ์!
ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่อธิบายถึงการมีอยู่ของวงแหวนปราณรอบดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์และความพยายามมหาศาลที่ทั้งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะสังหารเขาได้ดีไปกว่านี้
หากชายหนุ่มคิดถูก ทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ขณะนี้ ดารานิรันดร์ย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเขา หากไปถึงที่นั่นได้หวังเป่าเล่อก็จะไร้เทียมทาน!
*ตั๊กแตนมัวแต่แกะรอยจักจั่น หารู้ไม่ว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลังตน ไม่ว่าปรมาจารย์มหาทัณฑ์จะเจ้าเล่ห์เพทุบายเพียงใด…สุดท้ายข้าก็ยังอ่านแผนของเขาออกจนได้ ตอนนี้ข้าได้เปรียบแล้ว!*นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายออกมา เขาเคลื่อนตัวราวกับดาวหาง พุ่งทะยานข้ามอวกาศมุ่งตรงเข้าไปใส่กองกำลังผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายนอกดารานิรันดร์ ซากศพและความเสียหายขนานหนักถูกทิ้งให้เห็นในทุกๆ ที่ที่หวังเป่าเล่อเคลื่อนผ่าน นั่นเพราะไม่มีใครหยุดเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว
พวกเขาทำได้แต่เพียงมอง ขณะที่หวังเป่าเล่อพุ่งทะยานออกไปราวกับเป็นเทพสงคราม เกราะมหาจักรพรรดิครอบคลุมรอบกายขณะที่อาวุธเทพสะท้อนประกายอยู่บนแขนข้างขวา ดวงเนตรปีศาจก็ปล่อยคลื่นพลังทำลายล้างออกมาขณะที่ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาวงแหวนปราณอย่างรวดเร็ว
จักรวาลสั่นไหว พลังวิญญาณกระจายเป็นคลื่นไปทั่วดารานิรันดร์ ทำให้เกิดคลื่นความร้อนหนักหน่วงจนวงแหวนปราณส่องแสงออกมา ดูคล้ายเป็นโล่ที่มองไม่เห็นซึ่งห่อหุ้มดารานิรันดร์เอาไว้ และขณะนี้ก็มีคลื่นรบกวนกระจายอยู่ทั่วโล่!
จุดกำเนิดของคลื่นรบกวนเหล่านั้นมาจากหวังเป่าเล่อ จุดที่ถูกเขาโจมตีต่อเนื่องไปเมื่อครู่เริ่มยุบเข้าไปด้านใน ก่อนจะมีแสงสว่างจ้าส่องออกมา ดูเหมือนว่าวงแหวนปราณจะต้านทานการโจมตีของชายหนุ่มเอาไว้ได้ แต่เขาก็ปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ โล่นั้นคงไม่อาจต้านทานได้นานนัก
นั่นเพราะตอนนี้…หวังเป่าเล่อสำแดงพลังอันรุนแรงเทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ออกมา ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ชั้นต้นทั่วๆ ไปที่อ่อนแอกว่ามาตรฐานยังไม่อาจรับมือเขาได้ด้วยซ้ำ!
ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และปรมาจารย์มหาทัณฑ์เพิ่งตื่นจากภวังค์ ท่ามกลางความตื่นตระหนก ทั้งคู่จึงปล่อยพลังเทพออกมาก่อนพุ่งตรงไปหาดารานิรันดร์เต็มแรง พวกเขาใช้พลังปราณอย่างเต็มที่เพื่อเดินทางข้ามอวกาศไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปปรากฏตัวอยู่ด้านนอกดารานิรันดร์ในชั่วพริบตา ภาพแรกที่พวกเขามองเห็นคือหวังเป่าเล่อที่กำลังกระแทกวงแหวนปราณด้วยทุกอย่างที่เจ้าตัวมี เจ้าสำนักทั้งสองพุ่งเข้าไปหวังจะหยุดชายหนุ่มเอาไว้แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว…
ก่อนที่ใครจะได้ลงมือ คลื่นพลังวิญญาณอันรุนแรงก็ปะทุขึ้นมาจากวงแหวนปราณ ก่อนที่มันจะถล่มลงไปต่อหน้าทุกคน หวังเป่าเล่อยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้ารอยถล่มที่ทำให้วงแหวนปราณทั้งหมดพังครืนและสลายหายวับไป ชายหนุ่มหันหลังกลับมาจ้องมองศัตรูด้วยแววตาเปี่ยมความหมายก่อนจะยิ้มเยาะ
ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าถมึงทึงเมื่อมองเห็นรอยยิ้มนั้น ปรมาจารย์มหาทัณฑ์เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน พวกเขาได้เพียงมอง…ขณะที่วงแหวนปราณแหลกสลายและเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยของมันค่อยๆ ร่วงหล่นลงไป เผยให้เห็นดารานิรันดร์อันเจิดจ้าที่อยู่เบื้องหลังหวังเป่าเล่อ
เสียงครืนสนั่นจากดารานิรันดร์นั้นราวกับเป็นเสียงไชโยโห่ร้อง มันรอหวังเป่าเล่อมานานแล้ว!
หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างดวงเนตรปีศาจของเขาและดารานิรันดร์ที่ค่อยๆ ถูกดึงเข้าหากัน ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงพลังของตนที่ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นขณะที่เขายืนอยู่บนดารานิรันดร์ ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นก่อนจะงอนิ้วมือชี้ไปทางปรมาจารย์มหาทัณฑ์
“ไอ้คนชั่ว กล้ามาสู้กับข้าบนดารานิรันดร์แห่งนี้หรือไม่เล่า”