ตอนที่ 1213 ความร่วมมือ

The Legendary Mechanic

ผู้รักษาสัจจะเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม พบว่ามันยากจะควบคุมคลื่นอารมณ์โหมกระหน่ำ
  เขาไม่คุ้นเคยกับหน่วยสืบลับสุดยอด และก็ได้ยินมันจากบุคคลที่สอง มันเหมือนกับเขากำลังคุยจากสาวข้างถนน และแฟนก็ดันโทรมาบอกเขาว่าอีกชั่วโมงจะมาหา
  โดยปราศจากคำเตือน ความเป็นส่วนตัวของเขาโดนรุกรานและความรู้สึกนี้ก็ทำให้เขาขนลุก
  หานเซี่ยวยื่นมือออกไปหยุด”ฉันบอกไปแล้ว ฉันมีแหล่งข่าวของฉัน นายแค่ต้องจำไว้สองสิ่ง หนึ่ง ฉันมีข้อมูลมากกว่านานย สอง เป้าหมายเราใกล้เคียงกัน สำหรับรายละเอียด นายไม่ต้องรู้มาก”
  ผู้รักษาสัจจะปิดปาก สมองของเขากำลังทำงานอย่างหนัก พยายามเดาแหล่งข้อมูลของหานเซี่ยว  ภายใต้ผลกระทบทางจิตอย่างฉับพลัน เขาจึงเสียความรู้สึกไปชั่วคราว เขาเกือบคิดว่าปัญหามาจากตัวเขเาอง แต่หลังตั้งสติ เหตุผลก็บอกเขาว่าความเป็นไปได้นี้น้อยและน่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น
  การรีบู้ตครั้งใหญ่และการวนซ้ำเป็นข้อมูลลับสุดยอด มีแค่ผู้ที่ติดต่อกับวิหารถึงรู้ เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้คือแบล็คสตาร์ได้ติดต่อกับวิหารภายใต้สถานการณ์บางอย่างและจึงเรียนรู้ข้อมูลนี้โดยบังเอิญ
  ผู้อยู่เหนือมีโอกาสน้อยมากที่จะได้สัมผัสกับข้อมูลที่สร้างโดยวิหาร ดังนั้นจึงได้รับการเปิดเผยแบบสุ่ม ข้อมูลเก่าแก่สุดเกี่ยวกับวิหารในเทพอำนวยได้รับมาด้วยลักษณะนี้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการก่อตั้งองค์กร
  แต่เมื่อผู้รักษาสะจจะคิดถึงการแลกเปลี่ยนของเขาครั้งก่อนกับหานเซี่ยว เขาก็รู้สึกว่านี่อาจไม่ง่ายขนาดนั้น แบล็คสตาร์ต้องมีวิธีการบางอย่างที่คนนอกไม่รู้
  เขาไม่สามารถคิดถึงคำอธิบายที่สามารถโน้มน้าวตัวเองได้เลย เขารู้สึกว่าหานเซี่ยวเต็มไปด้วยความลี้ลับ
  ตอนนี้ หานเซี่ยววางมือกลับไปด้านหลัง สวมภาพลักษณ์ลึกล้ำ”ความคิดของนายไม่สามารถหลบซ่อนจากฉันได้ ฉันไม่ชอบให้คนอื่นพยายามหลอกฉันและฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันคิดว่าเราควรจริงใจกันให้มากกว่านี้”
  ผู้รักษาสัจจะทำได้แค่ฝืนสะกดความปั่นป่วนภายในและถาม”นายวางแผนทำยังไง?”
  “อย่างแรก ฉันหวังว่านายจะบอกฉันถึงข้อมูลจริง นี่คือพื้นฐานสำหรับความไว้วางใจกัน”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
  หลังได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็พยายามฝืนอยู่สองสามวินาทีก่อนพูดข้อมูลจริงโดยไม่ดัดแปลง
  เขารู้ว่าเขาเสียการถือไพ่เหนือกว่าแล้ว แบล็คสตาร์น่าจะได้ความลับที่สำคัญสุด มันไม่สำคัญอีกว่าเขาจะเปิดเผยมันหรือไม่ เขาไม่กล้าเล่นตุกติกอีก  หานเซี่ยวฟังอย่างอดทนและยิ้ม”นายรู้วิธียอมรับความผิดของตัวเอง ไม่เลว”
  ครั้งนี้ คำบอกเล่าของผู้รักษาสัจจะก็เหมือนกับเจซ บอกกลไกแท้จริงของวิหารอย่างเชื่อฟัง
  หลังพูดจบ ผู้รักษาสัจจะก็หยุดไป”ฉันบอกไปหมดแล้ว ตอนนี้ที่นายรู้สถานการณ์จริงของวิหาร นายควรรู้ว่านี่หมายถึงอะไรสำหรับผู้อยู่เหนือ นายคงจะไม่พยายามผูกขาดมันใช่ไหม?”
  หานเซี่ยวไม่ตอบตรงๆแต่เปลี่ยนเป็นคำถาม”นายคิดว่าวิหารจะถูกผูกขาดด้วยใครได้งั้นเหรอ?”
  “หมายความว่าไง?”ผู้รักษาสัจจะไม่เข้าใจคำถาม
  หานเซี่ยวก้าวเดินสองก้าวขณะอธิบาย”ลองคิดดู การดำรงอยู่ของวิหารเป็นอิสระและไม่ควรโดนควบคุมด้วยใคร เหมือนกับหอสมุดสาธารณะ เนื่องจากเรายืมการทำงานของวิหารได้ เช่นนั้น คนอื่นก็ต้องทำได้นายเคยคิดบ้างไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอารยธรรมขั้นสูงอย่างสามอารยธรรมจักรวาลรู้วิธีการคืนชีพอย่างมั่นคง?”
  ผู้รักษาสัจจะคิดถึงมัน”พวกเขาจะคืนชีพสายตรงพวกเขาไม่หยุด รักษาขนาดของพลังรบระดับสูง และใช้นี่เป็นหมากต่อรองเพื่อรับสมัครพันธมิตร”
  “ถูกต้อง และในระยะยาว นี่เลี่ยงไม่ไ้ด้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเมื่ออารยธรรมขั้นสูงรู้วิธีเข้าวิหาร พวกเขาจะเริ่มช่วงเวลาแห่งการพัฒนา ขยายช่องว่างระหว่างพลังของอารยธรรมกับผู้อยู่เหนืออิสระ ตอนนั้น ผู้อยู่เหนือจะมาถึงทางแยกในชะตากรรมของพวกเขา”
  หานเซี่ยวมองผู้รักษาสัจจะ
  “คิดดู ถ้าไม่มีสมาคมผู้อยู่เหนือ ไม่มีเทพอำนวย ไม่มีกลุ่มผู้อยู่เหนือมั่นคงที่สามารถใช้การคืนชีพของวิหารได้ ผู้อยู่เหนือจะถูกบังคับให้ขายตัวเองให้กับอารยธรรม คนที่เลือกเป็นอิสระจะไม่ได้รับการคืนชีพโดยอารยธรรม ส่วนพวกที่ไม่เชื่อฟังจะโดนกำจัด แบบนี้ จะมีแค่ผู้อยู่เหนือที่เชื่อฟังในจักรวาล กลายเป็นสุนัขรับใช้อารยธรรม พวกเขาจะติดอยู่ในความขัดแย้งของกลุ่มไปตลอด ต้องฆ่ากันเองอย่างไม่มีทางเลือก”
  เขาอธิบายสถานการณ์ของพันธมิตรดาวสวรรค์ในลักษณะสมมุติ ยิ่งผู้รักษาสัจจะฟัง เขายิ่งกลัว ตระหนักว่าสถานการณ์ที่หานเซี่ยวพูดอาจเกิดขึ้นได้
  “ถูกต้อง ความเป็นไปได้นี้ต้องได้รับการปกป้อง ไม่คิดเลยว่านายจะมองไกลขนาดนี้!”
  ผู้รักษาสัจจะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
  ไม่เป็นแบบนั้นหรอก นายคิดว่าฉันกำลังทำนาย แต่จริงๆฉันกำลังหลอกนาย!
  หานเซี่ยวลอบยิ้ม แต่เผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาขณะพูดอย่างจริงจัง”เพื่อป้องกันอนาคตแบบนั้น เราต้องปล่อยให้สมาคมผู้อยู่เหนือรู้วิธีคืนชีพอย่างมั่นคง อย่างที่ฉันบอกไป เรามีเป้าหมายเดียวกัน นี่เพื่อทุกคน เพื่อผู้อยู๋เหนือทุกคน ไม่มีใครสามารถผูกขาดสิ่งนี้ได้”   คำพูดของเขาตรงเข้าหัวใจของผู้รักษาสัจจะ ซึ่งรวมกับความคิดเขา ความกล้าหาญที่ระเบิดจากหัวใจเขา ทำให้เขานึกได้ว่าหานเซี่ยวเป็นคนแบบเดียวกับเขา
  “งั้น นายกำลังเสนอความร่วมมือในลักษณะนี้?”ดวงตาของผู้รักษาสัจจะสว่าง
  หานเซี่ยวพยักหน้า
  “เราจะทำแบบนี้ นายควบคุมเทพอำนวย ส่วนฉันก็จะควบคุมสมาคมผู้อยู่เหนือ เราจะรวมผู้อยู่เหนือส่วนหนึ่งเข้าด้วยกันและผลิตทรัพยากรต่างๆ ตราบเท่าที่เรากลายเป็นพันธมิตรกัน เราสามารถร่วมงานกันเพื่อทำงานสำคัญนี้ให้เสร็จเร็วขึ้น ทำให้ผู้อยู่เหนือรวมตัวกันเพื่อเขียนชะตากรรมพวกเขาใหม่”
  ผู้รักษาสัจจะส่ายหัว”ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ นายเป็นคนวงในคนที่สอง เราทำได้แค่ร่วมมือแต่ใครจะควบคุมช่องทางละ เทพอำนวยหรือสมาคมผู้อยู่เหนือ?”
  เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็หัวเราะ  “ต้องเป็นเราสองอยู่แล้ว สมาคมผู้อยู่เหนือจะเป็นขุมกำลังหลักบนผิวเผิน มุ่งมั่นให้อารยธรรมขั้นสูงยอมรับ ส่วนเทพอำนวยจะให้ที่พักพิงกับผู้อยู่เหนือที่อยากอยู่ในที่มืด เหนือสิ่งอื่นใด อารยธรรมขั้นสูงจะไม่ยอมรับความจริงที่ผู้อยู่เหนือสามารถคืนชีพได้ซ้ำๆ พวกเขาน่าจะทำอะไรบางอย่างกับสมาคม มันดีสุดที่จะซ่อนผู้อยู่เหนือส่วนหนึ่งไว้และป้องกันจากการให้อีกฝ่ายเห็นพลังแท้จริงของเรา”
  ถ้าเป็นไปได้ หานเซี่ยวอยากให้สมาคมผูกขาดวิหาร แต่ตอนนี้ผู้รักษาสัจจะเป็นคนวงใน เขาทำได้แค่สร้างความร่วมมือกับเขาแทน
  ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่เลวที่จะปล่อยให้เทพอำนวยอยู่ในที่ลับ ทั้งสองฝ่ายสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ผู้อยู่เหนือยังสามารถไปเทพอำนวยได้ถ้าอยากหลบซ่อน ขณะที่ถ้าพวกเขาอยากมีจุดยืนในจักรวาล พวกเขาก็สามารถไปสมาคมผู้อยู่เหนือได้ พวกเขาสามารถสลับกันได้ตามใจชอบ
  ผู้รักษาสัจจะพยักหน้ายอมรับ
  เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็ทำให้น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย”เราควรจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนอารยธรรมขั้นสูงจะได้ติดต่อกับวิหาร อย่าเปิดเผยความจริงของวิหารกับใคร มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่ควรรู้”
  คาซูยิเองก็รู้ แต่หานเซี่ยวไม่คิดเปิดเผยรายละเอียดนี้ ไม่งั้นมันคงเปิดเผยแผนการเขาหมด เขาอยากทิ้งความประทับใจของชายลึกลับให้ผู้รักษาสัจจะต่อไป
  “โอ้ ฉันจะไม่เปิดเผยอยู่แล้ว”ผู้รักษาสัจจะรู้ถึงความสำคัญและพยักหน้า
  ทั้งสองหารือเกี่ยวกับการร่วมมือสักพัก
  ผู้รักษาสัจจะยังเปิดเผยวิธีการเข้าวิหาร อ้างว่าวิธีใช้วิหารทั้งหกนั้นต่างกัน เทพอำนวยรู้แค่วิธีเข้าวิหารสาม ซึ่งเป็นการใช้สิ่งมีชีวิตความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่มเป็นกุญแจเพื่อเข้าและต้องรวบรวมพวกมันใหม่ตั้งแต่ต้น  สำหรับแนวคิดเบื้องหลังวิธีการ ผู้รักษาสัจจะบอกว่ามันเป็นสมาชิกผู้อยู่เหนือบางคนที่ได้รับข้อมูลคลุมเครือมาระหว่างยุคสำรวจ ขณะที่ส่วนอื่นได้มาจากบุตรแห่งโชคชะตา เขาบอกถึงความพิเศษของบุตรแห่งโชคชะตาว่าอาจเป็นตัวเผยความสำคัญเบื้องหลังแต่ละวิหาร แต่ความเป็นไปได้ก็ต่ำมาก
  หานเซี่ยวให้ความสนใจกับวิหารแรกสุด แต่ปัจจุบัน การเข้าวิหารสามเป็นเส้นทางที่เร็วกว่า เทพอำนวยมีประสบการณ์ และด้วยทรัพยากรนี้ มันจึงทำให้เวลาที่หานเซี่ยวต้องใช้เพื่อรวมกุญแจสั้นลง
  แต่ทว่า ถ้าอยากคืนชีพผู้อยู่เหนือมากกว่านี้ งั้นพวกเขาก็ต้องรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องและลูกหลานของผู้อยู่เหนือก็เป็นเป้าหมายที่ง่ายสุด
  “ถูกต้อง เนื่องจากเราตัดสินใจร่วมมือกัน ฉันก็หวังจะได้พบกับเหล่าบรรพชน”
  “ทำไมนายถึงอยากเจอพวกเขา?”ผู้รักษาสัจจะตอบโดยไม่รู้ตัว เขายังไม่ไว้ใจหานเซี่ยวอย่างสมบูรณ์
  หานเซี่ยวยิ้ม”ฉันจำได้ว่านายเคยบอกฉันว่านายไม่สามารถบังคับบรรพชนเหล่านั้นได้ ควรมีหลายคนที่อยากครอบครองสถานที่หนึ่งในจักรวาลและพัฒนาองค์กรตัวเองขึ้นใหม่ แบบนี้ สมาคมผู้อยู่เหนือจะเป็นผู้สนับสนุนที่ดีสุด ฉันหวังว่าจะได้ติดต่อกับพวกเขาและโน้มน้าวให้พวกเขาสนับสนุนฉันหลังเข้าร่วมสมาคม”
  บรรพชนกลุ่มแรกมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง การเป็นผู้อยู่เหนือรุ่นก่อนที่สามารถเรียกลมและฝนได้นั้นย่อมทำให้พวกเขาหยิ่งผยอง บางคนจะทำสิ่งต่างๆในจักรวาลเหมือนกับชีวิตก่อน สร้างความตกใจให้สังคมและกลายเป็นชนวนของหายนะแห่งผู้ใช้พลัง
  ด้วยสมาคมผู้อยู่เหนือตอนนี้ หานเซี่ยวรู้สึกว่าเขาสามารถดูดกลืนบางคนมาเสริมแกร่งให้กองกำลังเขาได้
  ด้วยสมาคมที่แทรกแซง สถานการณ์ของหายนะแห่งผู้ใช้พลังควรเปลี่ยนไปอย่างมาก
  เมื่อได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็คิดสักพักก่อนพยักหน้า
  “ฉันจะจัดการให้นายพบพวกเขาโดยเร็วที่สุด แต่ทว่า นายต้องเตรียมใจไว้ พวกเขาตายตั้งแต่ยุคสำรวจและไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรผู้อยู่เหนือ พวกเขาไม่ได้เป็นเหมือนฉันและอาจหยิ่งเล็กน้อย”
  “ไม่เป็นไร”ริมฝีปากของหานเซี่ยวโค้งงอ”ฉันเชี่ยวชาญเรื่องนี้”