ราชันเร้นลับ 777 : ลงมืออย่างบ้าบิ่น โดย Ink Stone_Fantasy
บ่ายวันศุกร์ ไคลน์ที่แกล้งป่วยและยกเลิกคาบเรียนวรรณกรรม ส่งตัวเองเข้ามายังมิติเหนือสายหมอกอีกครั้ง
ด้านหน้าของชายหนุ่มคือสมุดบันทึกเล่มเท่าฝ่ามือ สีเขียวขี้ม้า ปกหนังสือมองผิวเผินจะดูแข็งมาก เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘สมุดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ที่ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สส่งมาถึงล่วงหน้า
หลังจากพลิกหนังสือที่ดูคล้ายกับสมุดเวทมนตร์ ไคลน์จ้องหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ ยกมือขึ้น เรียกคทาเทพสมุทรออกจากซากกองขยะ ถือไว้ในมือ
ชายหนุ่มถ่ายเทพลังวิญญาณบางส่วนเข้าไปในบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ส่งผลให้สมุดเล่มดังกล่าวสว่างขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ใช้พลังวิญญาณอีกส่วนหนึ่ง ทำให้อัญมณีสีน้ำเงินบนหัวคทาเปล่งแสงสุกใส
ท่ามกลางเสียงแสบแก้วหูดัง ‘เปรี้ยะๆ’ สายฟ้าสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทั้งทรงพลังและน่าพรั่นพรึง สอดประสานกันกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนสายฟ้า
ขณะเดียวกัน บนหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ของสมุดเวทมนตร์ สัญลักษณ์และลวดลายอันซับซ้อนปรากฏขึ้นทีละภาพอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ซ้อนทับจนกระทั่งรวมเป็นภาพใหญ่
ขณะหน้าดังกล่าวกำลังจะถูกย้อมด้วยแสงสีเงินขาว อสรพิษสายฟ้าพลันพุ่งออกจากผิวกระดาษ ทำลายสัญลักษณ์ทั้งหมดในคราวเดียว!
ล้มเหลวอีกแล้ว… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ทำซ้ำขั้นตอนเดิมอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ มาในคืนวันพุธ ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้ามิติหมอกอย่างต่อเนื่อง พยายามใช้หนังสือเวทมนตร์เพื่อบันทึกพลังชนิดต่างๆ ที่สำแดงโดยคทาเทพสมุทร จนกระทั่งพลังวิญญาณเหือดแห้งและไร้เรี่ยวแรง ต้องกลับสู่โลกความจริงเพื่อพักผ่อน
ระหว่างกระบวนการ มีทั้งความสำเร็จและล้มเหลวเกิดขึ้น ไคลน์ค่อยๆ บันทึกไปทีละพลังอย่างใจเย็น จนกระทั่งมาถึงพลังสุดท้ายอย่าง ‘พายุสายฟ้า’ ที่มันปรารถนามากที่สุด!
นี่คือพลังของครึ่งเทพเส้นทาง ‘นักเดินเรือ’ !
ก่อนจะเผชิญหน้ากับความล้มเหลวเมื่อครู่ ไคลน์เคยล้มเหลวมาแล้วเกือบยี่สิบครั้ง เรียกว่าโชคไม่เข้าข้างสักเท่าไร
ส้มเหลว ล้มเหลว แล้วก็ล้มเหลว รอจนกระทั่งครั้งที่ห้า ชายหนุ่มบังเกิดความยินดีปรีดาเมื่อได้เห็นแสงสีเงินอมขาวถูกฉาบไปทั่วหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ สัญลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ลึกลับและยากจะบรรยาย เริ่มก่อตัวขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนที่ได้เห็นสัญลักษณ์นี้ มีอันต้องเกิดความรู้สึกประหนึ่งถูกฟ้าผ่า
ฟู่ว… สำเร็จสักที… ไคลน์ใช้นิ้วสัมผัสหน้ากระดาษ ถอนหายใจโล่งอก
ชายหนุ่มพลิกหน้า ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ เพื่อเชยชมผลลัพธ์ในความพยายาม
สองวันที่ผ่านมา มันไม่ได้ก้มหน้าก้มตาบันทึกพลัง ‘พายุสายฟ้า’ เพียงอย่างเดียว ยังมีพลังครึ่งเทพอีกสองชนิด หนึ่งคือ ‘เทวทูตกระดาษ’ ที่เกิดจากการใช้พลังบางส่วนของมิติหมอก มีอำนาจในการรบกวนพลังทำนาย และอีกหนึ่งคือ ‘ทอร์นาโด’ ที่มาจากพลังของคทาเทพสมุทรเช่นกัน
ขณะพยายามบันทึกพลังเหล่านั้น ไคลน์ค่อนข้างโชคดี อย่างแรกสำเร็จในเก้าครั้ง ส่วนอย่างหลังสำเร็จในสิบสองครั้ง
สำหรับพลังจำพวก ‘บิน’ ‘ร่อน’ หรือ ‘อสนีบาต’ ที่มีระดับต่ำกว่าครึ่งเทพ ใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองครั้งก็สำเร็จ หน้าหนังสือในปัจจุบันจึงถูกบันทึกจนเกือบเต็ม
หากหนังสือเวทมนตร์เล่มนี้ไปอยู่ในมือผู้วิเศษไร้สังกัด การใช้ประโยชน์จะทำได้ไม่เต็มที่ เสียเวลานานในการบันทึกพลังแต่ละชนิด… ยิ่งเป็นพลังที่สูงกว่าลำดับ 6 โอกาสสำเร็จก็ยิ่งต่ำลง การบันทึกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย… อย่างไรก็ตาม ในโลกของศาสตร์เร้นลับ พลังพิเศษมีทั้งหมดยี่สิบสองเส้นทาง หากเลือกบันทึกพลังในลำดับต้นๆ ที่สอดประสานกัน การโค่นลำดับ 5 ก็ไม่ใช่เลือกยาก… ไคลน์ปิดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ รำพันสองสามคำในใจ
ตามความคิดของมัน หากหนังสือเวทมนตร์เล่มนี้ไปอยู่ในมือผู้วิเศษไร้สังกัด พลังอำนาจจะเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของสมบัติปิดผนึก แม้ว่าการใช้งานในช่วงแรกจะยากกว่า ‘ยุบพองหิวโหย’ แต่ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ทว่า หากหนังสือเล่มนี้ไปอยู่ในมือผู้วิเศษที่สังกัดองค์กรใหญ่ บันทึกการเดินทางของเลมาโน่จะยิ่งทรงพลังอย่างเหนือจินตนาการ เรียกว่าเข้าขั้นโกงก็ยังได้ เพราะสิ่งนี้สามารถบันทึกพลังของครึ่งเทพ!
ตราบเท่าที่ต้องการ ครึ่งเทพสามารถสำแดงพลังได้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งบันทึกสำเร็จ แต่กลับกัน ทางด้าน ‘ยุบพองหิวโหย’ มีโอกาสสูงที่การ ‘กลืนวิญญาณ’ ครึ่งเทพจะล้มเหลว แม้แต่ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ตัวจริง การกลืนวิญญาณของผู้วิเศษลำดับสูงก็ยังถือเป็นเรื่องที่สำเร็จได้ยาก แถมทรัพยากรประเภทนี้ก็มีจำนวนจำกัด และยังเกิดคลุ้มคลั่งได้ง่าย… ในกรณีของอาวุโสโลเฟียร์แห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ เธอโชคดีมากที่สามารถกลืนวิญญาณมารซึ่งมีระดับสูงกว่าหรือเทียบเท่าลำดับ 4 … คิดถึงตรงนี้ ไคลน์มองไปยังหินสีน้ำเงินเข้มที่วางอยู่ด้านข้าง พื้นผิวตะปุ่มตะป่ำและมีรอยไหม้ ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากหินของ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส มีพลังในการเดินทางผ่านโลกวิญญาณ
ด้วยบันทึกการเดินทางของเลมาโน่และหินก้อนนี้ ผนวกกับยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ และหุ่นเชิด ‘วิญญาณอาฆาต’ ต่อให้มีตัวตนระดับนักบุญคอยคุ้มครองมิสเตอร์ X แต่เราก็คงลอบสังหารสำเร็จและหนีกลับมาได้อย่างปลอดภัย… ไคลน์ลูบหน้าผาก กลับสู่โลกความจริง จัดเตรียมพิธีกรรมรับมอบ นำวัตถุที่เกี่ยวข้องกลับมายังโลกความจริง
หลังจากเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปยังกระจกเต็มบาน มองภาพลักษณ์ปัจจุบันที่สะท้อนบนผิวกระจก ปรับเปลี่ยนภายนอกให้ซีดเซียวกว่าปรกติ
หลังจบมื้อค่ำ ไคลน์อ้างว่าไม่สบายตัว เดินกลับมายังห้องนอนใหญ่
ชื่นชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนสักพัก ชายหนุ่มหยิบกระจกเงาขนาดเท่าฝ่ามือออกจากลิ้นชัก วางไว้บนหมอนอ่อนนุ่ม
วินาทีถัดมา ไคลน์โน้มตัวเข้าใกล้ จนผิวกระจกสะท้อนดวงตาสีน้ำเงินเข้มและจอนสีขาวของดอน·ดันเตส
ชายหนุ่มค่อยๆ เหยียดตัวยืนตรง เดินถอยหลัง และทันใดนั้น ดอน·ดันเตสอีกหนึ่งคนได้ปรากฏตัวบนเตียงนอน!
สุภาพบุรุษตรงหน้าอยู่ในชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม เอนหลังนั่งพิงหมอน ในมือถือหนังสือ ดวงตาปิดลงราวกับกำลังครุ่นคิด
ไม่เลว… พลัง ‘กระจกลวงตา’ แทบไม่ต่างจาก ‘กระดาษคนลวงตา’ … ไคลน์เดินกลับไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกา วาดสัญลักษณ์พิสดารของความลึกลับและการส่องความลับ
เงียบงันสักพัก ดอน·ดันเตสบนเตียงเริ่มลืมตาขึ้น ยิ้มอย่างประจบประแจงพลางกล่าว
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส อยู่ที่นี่แล้ว!”
ว่ากันตามตรง ถึงจะเป็นใบหน้าของดอน·ดันเตส แต่รอยยิ้มแบบนั้นไม่มีทางทำให้คนในบ้านเชื่อว่าปรกติ… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ
“ดีมาก” ชายหนุ่มพยักหน้าแผ่วเบา กล่าวคำชมเชย
ไคลน์ไม่ได้ออกคำสั่งเพิ่มเติม เพียงสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง กระโดดลงจากระเบียงไปยังชั้นหนึ่ง เดินเลียบสวนที่เงียบสงบ จนกระทั่งถึงกำแพงชั้นนอกของบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนและกระโดดออกไปทางมุมรั้ว แน่นอน มันไม่ลืมปิดหน้าต่างห้องนอนก่อนจะออกมา
ในท่าถือหมวกทรงกึ่งสูงด้วยมือขวา เมื่อฝ่าเท้าทั้งสองข้างสัมผัสพื้นถนน ไคลน์บรรจงเงยหน้า เดินไปสักพัก เค้าโครงใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เส้นผมกลายเป็นสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล หน้าเรียวและชัดลึก
ชายคนนี้คือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเสียสติเจ้าของค่าหัวห้าหมื่นปอนด์ในอาณาจักรเดียว!
การล่ากำลังจะเริ่มขึ้น
…
เขตเชอร์วู้ด ซิลซึ่งกำลังจะออกไปที่เขตตะวันออกเพื่อเข้าร่วมชุมนุมลับของมิสเตอร์ X ถูกห้ามไว้โดยฟอร์ส
“หมายความว่ายังไง? พวกเรากำลังจะไปรวบรวมวัตถุดิบ?” ซิลทวนคำของเพื่อนสนิท
ฟอร์สรวบผมพลางตอบ
“ไม่ใช่ หาเงินต่างหาก! ใครบางคนจ้างฉันให้รวบรวมผงที่ภูตผีเหลือทิ้งไว้ อย่างที่เธอทราบ สุสานทั่วไปไม่มีภูตผีหลงเหลืออยู่แล้ว ทั้งหมดถูกบิชอปและนักบวชส่งไปยังดินแดนแห่งเทพ ดังนั้น หากจะรวบรวมผงจากภูตผี เราต้องเดินทางไปยังเขตตะวันออก ตามหาเป้าหมายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งยังไม่ถูกโบสถ์ค้นพบ… เธอคิดจะให้สาวงามแสนบอบบางอย่างฉัน เข้าไปในสถานที่แบบนั้นคนเดียว?”
“แต่ว่า… เลื่อนออกไปหนึ่งวันไม่ได้หรือ?” ซิลลังเล “ฉันอยากเข้าร่วมชุมนุมลับของมิสเตอร์ X”
ฟอร์สส่ายหน้า
“ไม่ได้! ฉันต้องส่งงานภายในวันศุกร์นี้ ค่าจ้างสูงถึงห้าสิบปอนด์เชียวนะ!”
“ถ้ากำหนดส่งพรุ่งนี้ แล้วทำไมเธอถึงไม่รีบทำตั้งแต่สองสามวันก่อน?” ซิลชำเลืองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าฉงน
ฟอร์สหัวเราะ
“พวกเราเพิ่งรู้จักกันรึไง? ลืมไปแล้วหรือว่าฉันเป็นพวกชอบทำงานแบบไฟลนก้น! นอกจากนั้น เธอไม่มีเงิน เข้าร่วมชุมนุมลับของมิสเตอร์ X ไปจะได้อะไร? เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัตถุดิบหลักที่ตัวเองต้องการคืออะไร!”
“นั่นก็จริง…” ซิลเริ่มคล้อยตาม เผยรอยยิ้ม “พวกนักเขียนมีนิสัยชอบทำงานแบบไฟลนก้นเหมือนกันทุกคนเลยหรือ?”
“คงงั้น” ฟอร์สตอบคลุมเครือ ภายในใจแอบโล่งอก
…
เขตตะวันออก ภายในโรงแรมราคาถูก ไคลน์เข้าไปในห้องที่มิสเมจิกเชี่ยนจองไว้ด้วยนามแฝง
สำหรับที่นี่ การได้พักในห้องที่มีเตียงนอนส่วนตัวถือเป็นความหรูหรา แถมราคายังถูกมาก เพียงสิบสองเพนนีต่อคืน นั่นก็เพราะว่า โรงแรมราคาถูกส่วนใหญ่ในเขตตะวันออกแทบไม่มีห้องเดี่ยว ห้องใหญ่ส่วนใหญ่เป็นห้องรวมที่มีราคาห้าเพนนีต่อคืน อาศัยร่วมกันหลายคน อาจมีเตียงส่วนตัวก็จริง แต่รอบเตียงจะถูกกั้นด้วยฉากบางๆ ป้องกันไม่ให้ใครแอบมองเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า
สำหรับห้องใต้ดินที่มีเตียงสองชั้นขนาดยี่สิบที่นอนไว้ให้บริการ ราคาจะตกราว 1.5 เพนนีต่อเตียงต่อคืน แต่ทางโรงแรมจะไม่ช่วยดูแลทรัพย์สิน ถ้าของหายจะไม่มีการรับผิดชอบ
มีกระจกเงา… ไม่เลว… ไคลน์วางหมวกทรงกึ่งสูง ยืนหน้ากระจกเต็มบานที่มีรอยร้าวหลายจุด สวมเสื้อคลุมศีรษะที่มิสเมจิกเชี่ยนเตรียมไว้ให้
ถัดมาไม่กี่วินาที ส่วนสูงของชายหนุ่มค่อยๆ ลดลงด้วยความเร็วที่มองทันด้วยตาเปล่า ผิวพรรณขาวขึ้นเล็กน้อย สีคล้ายข้าวสาลี ลูกกระเดือกกึ่งกลางลำยุบลงไป เส้นผมค่อยๆ ยาวขึ้นและกลายเป็นสีทอง
ในวินาทีที่ได้เห็นภาพของเพื่อนสนิทมิสเมจิกเชี่ยน ไคลน์จำได้ทันทีว่าบุคคลดังกล่าวคือมิสซิล!
เนื่องจากสวมเสื้อคลุมศีรษะ ชายหนุ่มจึงไม่ต้องลำบากแปลงเป็นหญิงแท้ เพียงตบตาในส่วนที่ถูกเปิดเผย
สำหรับส่วนสูง 1.5 เมตร เราจนปัญญาจะแก้ไข… คงต้องย่อยโอสถผู้ไร้หน้าที่ยังตกค้างในร่างกายให้หมด จะได้ดึงศักยภาพออกมาจนถึงขีดจำกัดสูงสุด… แต่ไม่มีอะไรต้องกังวล มิสซิลพยายามปลอมตัวเพื่อเพิ่มส่วนสูง เราแค่ตัดขั้นตอนดังกล่าวออกไป… ไคลน์มองตัวเองในกระจกที่มีส่วนสูง 1.6 เมตร เริ่มสวมรองเท้าบูตหนัง – เป็นรองเท้าที่รูปทรงดูคล้ายกับพื้นแบน แต่ความจริงแล้วก็แบน
ปลอมตัวเสร็จ ไคลน์ดึงผ้าคลุมศีรษะลงมาปิดหน้า แอบออกจากห้องพักเดี่ยวทางหน้าต่าง เดินเข้าไปในซอยหนึ่งของเขตตะวันออก เดินวนหลายตรอกจนกระทั่งถึงบ้านที่มีการชุมนุมลับของมิสเตอร์ X
หลังจากนึกทบทวนรหัสผ่านที่มิสเมจิกเชี่ยนแจ้งให้ทราบ ไคลน์งอนิ้ว เคาะเบาๆ สามครั้งและเคาะหนักๆ สามครั้ง เว้นระยะห่างยาวสองครั้งและเว้นสั้นสามครั้ง
ผ่านไปสิบวินาที ประตูเปิดออกอย่างเงียบงัน ผู้ช่วยชุมนุมลับซึ่งสวมหน้ากากเหล็ก ชำเลืองผู้มาเยือนเล็กน้อย ก่อนจะหลีกทางให้เข้าไป
ไคลน์ปราศจากความตื่นตระหนก เดินเข้าไปในตัวอาคารอย่างใจเย็น
……………………………………………………