[ส่วนที่ 10 ฆ่าฟัน] ตอนที่ 8 ผู้หญิงชอบผู้หญิง?

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว เหล่านายพลก็รวบรวมกวีต่าโหยวออกมาสองสามบท แต่บทกวีประเภทนี้ก็ทำให้พวกเขายิ้มหน้าบาน คิดเอาเองว่าได้เปิดประตูสู่การเรียนรู้ เมื่อเสียงกลองเปิดตลาดตอนเช้าดังขึ้นมา เหล่าแม่ทัพที่ดื่มมาแล้วทั้งคืนก็พากันเดินโซซัดโซเซกลับบ้าน รถม้าของตระกูลอวิ๋นแล่นมารับอวิ๋นเยี่ย รอยยิ้มแปลกๆ ของหลิวจิ้นเป่าทำให้อวิ๋นเยี่ยโมโหเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาเหนื่อยเกินไป ขี้เกียจจะอะไรด้วย เขาจึงขึ้นไปนอนหลับบนรถม้า 

 

 

กลับถึงบ้านด้วยความมึนงง นอนอยู่บนเตียง เตะรองเท้าออกออกไปให้พ้นเท้า งอตัวอยู่บนเตียงราวกับตัวหนอน กะว่าจะนอนถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน ซินเย่วและน่ารื่อมู่แอบเข้ามาในห้องมาราวกับหัวขโมย ซินเย่วเก็บรองเท้าของท่านพี่มาไว้ข้างเตียง เอี้ยวตัวลงดมกลิ่นบนตัวของเขาราวกับลูกสุนัข ไม่ได้กลิ่นอะไรที่ผิดปกติ นางจึงเรียกน่ารื่อมู่มาดมบ้าง น่ารื่อมู่เองก็ไม่ได้กลิ่น นอกจากกลิ่นเหล้าที่รุนแรงแล้วก็ไม่มีกลิ่นอะไรที่ผิดปกติอีก 

 

 

ห่มผ้าให้ท่านพี่แล้วก็พากันออกไปอย่างเงียบๆ ตัดไปที่มุมห้อง น่ารื่อมู่ก็พูดด้วยความโมโห “เด็กพวกนั้นพูดเหลวไหล ท่านพี่ไม่มีทางไปสถานที่แบบนั้นแน่นอน ข้าสวยขนาดนี้ ไม่มาหาข้า จะไปหาพวกผู้หญิงขี้เหร่พวกนั้นทำไมกัน” 

 

 

ซินเย่วเดินเอามือไขว้หลังเลียนแบบอวิ๋นเยี่ยและพูดออกมาด้วยความสงสัย “เสี่ยวอู่อาจจะโกหก แต่ซือซือไม่มีทางโกหก ได้ยินพวกเขาบอกว่าไปหอนางโลม แสดงว่าพวกเขาไปแล้วแน่นอน แต่หลิวจิ้นเป่าบอกว่าท่านพี่ดื่มเหล้ากับเหล่าผู้อาวุโสที่หอดื่มเหล้าของตระกูลเราทั้งคืน บนตัวก็ไม่ได้มีร่องรอยปากสีแดง ดูเหมือนว่าเด็กพวกนั้นคงจะฟังผิด ฟังหอดื่มเหล้าเป็นหอนางโลมกระมัง” 

 

 

น่ารื่อมู่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย นางคิดว่าซินเย่วพูดถูก ขณะที่กำลังจะกลับไปหาลูกสาวตัวเองที่ห้อง กลับได้ยินซินเย่วกัดฟันพูดว่า “เจ้าสวยมากจริงๆ หรือ เช่นนั้นข้าก็เป็นคนขี้เหร่?” 

 

 

ซินเย่วเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว น่ารื่อมู่แค่ยิ้มให้นางและรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง อย่ายั่วโมโหซินเย่วตอนนี้จะดีกว่า 

 

 

ที่บ้านยังมีเรื่องอีกหลายเรื่องรอให้จัดการ ไม่มีเวลาไปหาเรื่องน่ารื่อมู่ต่อ วันนี้อากาศแจ่มใสดี ควรนำเสื้อหนังในคลังออกมาตากแดด มันจะได้ไม่อับชื้น เหรียญทองแดงบางส่วนยังเป็นสนิมอยู่ ควรต้องเอาไปแช่ในน้ำยาสักหน่อย บอกให้สาวใช้เอาเหรียญไปขัดให้สะอาด มันเป็นคราบสีดำๆ มองดูแล้วรู้สึกไม่สบายใจ 

 

 

ลานข้างในคือโลกของนาง นางเพลิดเพลินกับความรู้สึกของการเป็นนายหญิงมาโดยตลอด ผู้หญิงทั้งบ้าน นอกจากท่านย่า ที่เหลือนางก็ต้องเป็นคนจัดการไม่ใช่หรือ? สินสอดของรุ่นเหนียงเห็นจนเบื่อ ชุดสีแดงหรือ วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันที่ดี ต่อไปผู้หญิงในบ้านก็ต้องแต่งงานออกไปทุกคน ในลานก็คงจะว่างเปล่า สวนดอกไม้เล็กเกินไปไม่ใหญ่เท่าของบ้านจวิ้นจู่ แต่ก็ปลูกดอกไม้เต็มไปหมดและมีสีสันสวยงาม น้ำหอมก็เป็นหนึ่งในกิจการใหญ่ของตระกูล แต่ที่นี่คือบ้านไม่ใช่โรงงาน ผ่านไปอีกไม่กี่ปีท่านพี่ก็คงจะได้เลื่อนตำแหน่ง ตำแหน่งจวิ้นกงคงไม่คาดหวัง แต่ตำแหน่งเซี่ยนกงน่าจะเป็นไปได้ ต้องซ่อมแซมสวนดอกไม้ สระน้ำ ปลาคราฟ และหัวสัตว์อีกสองสามตัวที่แขวนอยู่ มองดูแล้วช่างสง่างาม ไม่เหมือนกับตอนนี้ มีผึ้งบินไปบินมาทุกที่ น่ารำคาญใจ 

 

 

เห็นท่านย่าเดินเข้าไปในห้องพระ ขณะเดียวกับที่แม่นมพาลูกน้อยไปเล่นที่บ้านต้นไม้ ซินเย่วก็เริ่มออกคำสั่งในลานบ้านด้วยท่าทีที่สูงส่ง นายบัญชีขนย้ายเงินเข้าๆ ออกๆ สาวใช้เอาเสื้อผ้าฤดูหนาวที่เก็บเอาไว้ออกมา แขวนไว้บนเชือกแล้วเอาไม้ตบๆ ตัวเองนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้โยก มองไปทางซ้าย มองไปทางขวา ไม่ให้พวกเสี่ยวยาเข้ามา หากปล่อยให้พวกเด็กๆ ที่ซุกซนพวกนั้นเข้ามา คงไม่ต้องคิดที่จะทำเรื่องใหญ่อันใดอีก 

 

 

พี่ป้าน้าอาต่างพากันเอาของในห้องตัวเองออกมาเช่นกัน เอาออกมาตากแดดภายใต้ความช่วยเหลือของพวกสาวใช้แล้วค่อยเอากลับเข้าไป การเล่นไพ่นกกระจอกเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในแต่ละวัน 

 

 

ในลานข้างนอกมีคนอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว นั่นก็คือเชิ่นซิน ผู้หญิงในบ้านไม่มีใครเห็นว่าเขาเป็นผู้ชาย แล้วอีกอย่าง เขาก็ไม่ใช่ผู้ชาย เขาสวมชุดดอกไม้ทั้งวันทั้งคืน ถือลายปักดอกกล้วยไม้ น่าแปลกมาก บรรดาผู้หญิงในตระกูลไม่มีใครปักได้สวยเท่าเขา ท่านพี่เคยบอกว่าสิ่งที่มีความสามารถที่สุดบนโลกใบนี้คือผู้ชาย พ่อครัวที่เก่งที่สุดคือผู้ชาย ช่างตัดเย็บที่เก่งที่สุดคือผู้ชาย คนที่ทำเยียนจื่อได้ดีที่สุดก็คือผู้ชาย เรื่องที่ผู้หญิงเก่งที่สุดก็เหลือแค่การคลอดลูก ท่านพี่ของนางก็เป็นเช่นนั้น ทำอาหาร ตัดเย็บ เขาเก่งทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง ไม่ลงมือยังพอได้ ลงมือทำขึ้นมาแม้แต่ผู้หญิงอย่างตัวเองยังตามไม่ทัน 

 

 

คร่ำครวญอย่างเกียจคร้านในใจ การได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างท่านพี่ ไม่รู้จริงๆ ว่าชาติปางก่อนทำบุญอะไรมา แค่อยู่บ้านนางก็จะขี้เกียจจนไม่อยากขยับไปไหน กิจการของตระกูลเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ลูกๆ ก็เติบโตขึ้นทุกวัน เมื่อวานเขาเรียกแม่ได้แล้ว คิดแบบนี้ ช่างรู้สึกสบายใจ อยากให้วันดีๆ เช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด 

 

 

เมื่อไฮปาเทียมาถึง ซินเย่วก็ตื่นจากความฝัน เห็นใบหน้าอันงดงาม เส้นผมสีน้ำตาล ดวงตาที่สวยงามราวกับเพชรตาแมว รูปร่างที่วิจิตรงดงามของไฮปาเทีย ซินเย่วยิ่งมองยิ่งเกลียด ก้นใหญ่และกลมขนาดนั้น หน้าอกที่สูงใหญ่ ไม่รู้จักปกปิดซะบ้าง ไร้ยางอายจริงๆ 

 

 

“อวิ๋นโหวรับปากว่าจะเอาบ้านหลังเล็กๆ ให้ข้า ข้ามารับตามคำบอก เอ่อใช่ รถม้า ข้าก็ต้องการเช่นกัน ขอให้เจ้าทำให้ข้าด้วยสักคัน บ้านหลังเล็กๆ ของข้าจะต้องบรรจุคนของข้าได้ทุกคน ข้าไม่ต้องการคนใช้ แต่ผักและเสบียงอาหารของข้า พวกเจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบ ข้าชอบความเงียบ ยกเว้นอวิ๋นโหว พวกเจ้าและคนอื่นอย่ามารบกวนข้า ข้าอยากจะเข้าสู่สภาพของการทำงานให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการไม่เคารพต่อชีวิต” 

 

 

คำพูดของไฮปาเทียตรงไปตรงมา ในเมื่ออวิ๋นเยี่ยชอบความรู้ความสามารถของนาง เช่นนั้นการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นให้กับนางคือเรื่องที่สมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องสนใจความคิดของคนอื่น ตัวเองลำบากมามากพอแล้ว ควรที่จะผ่อนคลายลงบ้าง 

 

 

ใบหน้าของซินเย่วมืดมนราวกับเถ้าถ่าน นางไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับพึมพำอยู่ในใจ เพราะอะไรหรือ เพราะว่าก้นที่กลมโตของเจ้า? ข้าต่างหากที่เป็นภรรยาหลักของตระกูล นางรำอย่างเจ้ายังกล้าออกคำสั่งกับข้า? 

 

 

หลังจากจิบชาระงับความโมโหก็พูดกับไฮปาเทียว่า “เรื่องพวกนี้ท่านพี่ยังไม่ได้บอกข้า จะทำเช่นไรต้องรอให้ท่านพี่ของข้าตื่นก่อนถึงจะตัดสินใจได้” 

 

 

“พระเจ้า ในฐานะนักปราชญ์คนหนึ่ง ยอมฆ่าชีวิตของตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไร ใช้เวลาอันมีค่าไปกับการนอนหลับที่มากเกินไป นี่คือการไม่รับผิดชอบต่อตัวเอง” 

 

 

ซินเย่วระงับความโมโหไม่ได้อีกต่อไป “เจ้าเป็นใครกัน กล้าพูดแบบนี้กับท่านพี่ของข้า เจ้าก็เป็นแค่ชาวหูคนหนึ่ง มาบ้านคนอื่นกลางวันแสกๆ เช่นนี้ก็ไร้ยางอายมากพอแล้ว ยังจะกล้ามาพูดจาแบบนี้ที่บ้านของข้า เจ้าจะกล้ามาเกินไปแล้ว เหล่ามาจึ จับนางออกไป” 

 

 

เหล่ามาจึออกมาเพื่อจะจับไฮปาเทียออกไปทันที แต่กลับถูกผู้ติดตามของนางกำบังเอาไว้ ไฮปาเทียนึกถึงผลที่จะตามมา ทันใดนั้นนางก็รู้ทันทีว่ามันผิดพลาดตรงไหน ผลักผู้ติดตามพวกนั้นออกไปและพูดกับซินเย่วว่า “ฮูหยิน ยกโทษให้กับพฤติกกรมละลาบละล้วงของข้า ข้าคิดว่ามีความเข้าใจผิดระหว่างเรา ข้าไม่ใช่นางรำอะไร ข้าถูกรับเชิญมาเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษา ข้อกำหนดเมื่อครู่ที่ข้าบอกกับท่านมันคือเงินเดือนของข้า 

 

 

นอกจากนี้ ข้ายังเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญจากฝ่าบาท ข้ามีนามว่าไฮปาเทีย มาจากอียิปต์อันไกลโพ้น” 

 

 

ซินเย่วอยากจะหาร่องมุดเข้าไป คงเป็นเช่นที่กล่าวมาจริงๆ เพราะในฉางอันไม่มีนางรำคนไหนกล้าพูดกับฮูหยินแบบนี้ คนที่กล้าพูดเช่นนี้มีเพียงแค่แขกคนสำคัญเท่านั้น 

 

 

บอกให้เหล่ามาจึถอยออกไป ซินเย่วยืนขึ้นมาพูดกับไฮปาเทีย “เมื่อครู่ข้าบุ่มบ่ามเกินไป คิดไม่ถึงว่าท่านเป็นแขกคนสำคัญ ท่านพี่ไม่ได้บอกข้าเอาไว้ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” 

 

 

ไฮปาเทียปิดปากยิ้ม จับมือซินเย่วและพูดว่า “ฮูหยินช่างงดงาม ท่านคือผู้หญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาตั้งแต่เข้ามาที่ต้าถัง ท่านคงจะมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง แต่ข้า ไฮปาเทีย ได้แต่งงานกับสัจธรรมไปแล้วตั้งแต่สองร้อยปีก่อน แปดชั่วอายุคนของไฮปาเทียไม่มีใครได้แต่งงาน พวกข้าสนใจแค่การศึกษาเท่านั้น สำหรับพวกข้าแล้ว ผู้ชายไม่ใช่เรื่องจำเป็น ดังนั้นท่านไม่ต้องกลัวว่าข้าจะตกหลุมรักโหวเจวี๋ย ข้าสนใจความรู้ในสมองของเขามากกว่าตัวเขาเสียอีก” 

 

 

เพียงเท่านี้ซินเย่วจึงได้วางใจจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะแต่งงาน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางจึงไม่มีผลอะไรกับตัวเอง อาจารย์ในสำนักศึกษาล้วนแต่เป็นผู้มีความรู้ ท่านพี่เคารพพวกเขาทุกคนเป็นอย่างมาก ในเมื่อผู้หญิงชาวหูคนนี้สามารถเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาได้ แสดงว่านางต้องมีความสามารถพอสมควร ต้าถังเคารพการศึกษามาโดยตลอด ไม่ว่าก้นของนางจะใหญ่หรือไม่ก็ตาม 

 

 

หลังจากขอโทษขอโพยไปแล้วก็กลับไปที่ห้องนอน เห็นท่านพี่ลืมตามองเพดานราวกับว่าพึ่งจะตื่น กำลังจะบอกว่าเขามีแขกมา แต่กลับถูกอวิ๋นเยี่ยดึงขั้นไปบนเตียง ถอดเสื้อของนางออกอย่างรวดเร็ว ผู้ชายที่พึ่งตื่นมักจะอารมณ์รุนแรง 

 

 

ปล่อยให้มือของเขาลูบคลำไปทั่วร่างกายของตัวเอง แต่ปากกลับพูดว่า “มีผู้หญิงชาวหูคนหนึ่งมาหาเจ้า มาทวงหนี้” ซินเย่วพอใจกับการแสดงออกของท่านพี่เป็นอย่างมาก ตอนนี้เขารีบร้อน แสดงว่าเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเหลวไหล แค่ดื่มเหล้าทั้งคืนจริงๆ 

 

 

“ซวยจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรตอนนี้ มาช้ากว่านี้หน่อยจะตายหรือไง” อวิ๋นเยี่ยพึมพำ เอาหน้าออกมาจากหน้าอกของภรรยา รีบแต่งตัวด้วยความอารมณ์เสีย เตรียมที่จะไปเจอกับไฮปาเทีย 

 

 

ซินเย่วใส่เสื้อให้เรียบร้อย นางหัวเราะและพูดว่า “ผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกคงน่าดึงดูดมากกว่า ทำเอาท่านพี่โมโหขนาดนี้ ตอนนี้ข้าไม่วางใจให้เจ้ากับผู้หญิงก้นใหญ่คนนั้นอยู่ด้วยกัน” 

 

 

“หากนางไม่ชื่อว่าไฮปาเทีย บางทีข้าอาจจะสนใจในตัวนาง แต่พอเรียกชื่อนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ชาย บอกตามตรง ข้ายิ่งไม่อยากให้เจ้าอยู่กับนาง ผู้หญิงที่เอาแต่ระงับความปรารถนาอันแรงกล้าเช่นนี้ บางทีนางอาจจะสนใจในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเสียอีก” 

 

 

“ท่านพี่พูดเหลวไหล ผู้หญิงจะชอบผู้หญิงได้เช่นไร” ซินเย่วไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น 

 

 

“ดูเชิ่นซินก็รู้แล้ว ผู้ชายบางคนยังชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วทำไมจะไม่มีผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน เจ้าแค่ไม่เคยเห็นมาก่อน สรุปแล้ว ต่อไปเจ้าอยู่ให้ห่างจากนาง ข้าเห็นว่านางดีกับสาวใช้ของนางอย่างไม่ธรรมดาทีเดียว” 

 

 

ซินเย่วทำสงครามเย็น พยายามสะบัดภาพที่น่ารังเกียจออกจากหัวของตัวเอง และเดินตามหลังอวิ๋นเยี่ยไปเจอกับผู้หญิงชาวหูคนนั้นที่ห้องโถง