ภาคที่ 5 บทที่ 43 หุ่นเชิดสื่อสาร

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 43 หุ่นเชิดสื่อสาร

“อย่าห่วง” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ย “ให้ข้าจัดการเอง แต่อย่างแรกถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้ก่อน”

“ได้เลย !” ซูเฉินตอบ

เขายกมือขวาขึ้น เกิดสะเก็ดไฟบินออกมา ในขณะที่หงส์เพลิงเริ่มก่อรูป กระแทกเข้ากับผนังหิน แรงระเบิดส่งคลื่นพลังเพลิงเข้าโอบล้อมพวกแมลง

ในขณะเดียวกันนั้น ภาพวิญญาณของผ้าเท่อลั่วเค่อก็สะท้อนออกจากตัวดาบ ชี้นิ้วไปทางซูเฉิน “มุ่งพลังจิตทั้งหมดแล้วทำตามคำข้า !”

สายพลังเส้นหนึ่งจากผ้าเท่อลั่วเค่อแผ่เข้าร่างซูเฉิน

พริบตาต่อมา พลังจิตของซูเฉินก็เป็นไปตามความต้องการของผ้าเท่อลั่วเค่อ ผสมผสานเกิดเป็นรูปร่างอย่างหนึ่งขึ้นด้วยความรวดเร็ว

ไม่นาน วิชาประเภทจิตวิชาใหม่ก็อยู่ในความควบคุมของูเฉิน

ซูเฉินรู้ภายในทันทีว่ามันคือวิชาอะไร

กำแพงใจ !

กำแพงใจต้องใช้พลังจิตเพื่อสร้างเกราะกำบังจิตใจขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ซูเฉินใช้แต่พลังจิตสู้กับศัตรูอย่างเดียว ใช้ความเหนือกว่าเอาชนะไปได้ล้วน ๆ ดังนั้นจึงทำให้ใช้พลังจิตสูงมาก

แต่กำแพงใจนั้นแตกต่าง ความสามารถในการป้องกันจิตของเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก หมายความว่าเขาสามารถใช้พลังจิตน้อยลงได้อีกมาก

ซูเฉินยกโอสถปลุกวิญญาณอีกขวดขึ้นดื่ม เติมพลังจิตที่หดหาย พบว่าตอนนี้สามารถปกป้องตนเองจากฝูงแมลงได้ง่ายขึ้นแล้ว

ในที่สุดเขาก็สามารถใส่ใจเพียงการโจมตีได้ หงส์เพลิงตัวแล้วตัวเล่าถูกสะบัดออกไปกระแทกเข้ากับผนังหิน แผดเผาพวกแมลงจนพวกมันกรีดร้องเสียงขื่น

หลังจากทำเช่นนั้นไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ซูเฉินก็รู้สึกว่าเสียงเบาลง เสียงหวีดร้องโหยหวนได้หายไปแล้ว ไม่มีแมลงคลานออกมาจากผนังอีก คลื่นแมลงขนาดใหญ่ถูกเผาเป็นจุณ

ทั่วอุโมงค์เต็มไปด้วยซากแมลงสีดำส่งกลิ่นเหม็นไหม้จนทำให้คนอยากอาเจียน

ซูเฉินกดความรู้สึกอยากอาเจียนไว้แล้วเก็บซากแมลงที่ยังสมบูรณ์เข้าไปในแหวนพลัง

“ขอบใจผ้าเท่อลั่วเค่อ ครั้งนี้โชคดีที่มีท่านอยู่ด้วย” ซูเฉินเอ่ย

“ด้วยความยินดี จริง ๆ ข้ารอจังหวะนี้มานานแล้ว หากไม่เกิดสถานการณ์ เจ้าก็คงไม่ยอมให้ข้าได้คุมร่างเจ้ากระมัง ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถาม

“ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ท่านไม่เคยบอกข้าเกี่ยวกับวิชานี้แม้ว่าจะสร้างมันขึ้นมาได้นานแล้วงั้นหรือ ? ท่านรอจังหวะมาโดยตลอดหรือไร ? นี่ท่านต้องการอะไรกันแน่ ?” ซูเฉินฉงน

“เจ้าก็รู้ดี ร่างกายที่สมบูรณ์อย่างไรเล่า แต่จะทำได้ก็ต้องเตรียมพร้อมเสียก่อน เช่น ต้องรับรู้ก่อนว่าได้คุมร่างคนอื่นมันเป็นอย่างไร”

ซูเฉินเข้าใจ “ท่านจึงอยากใช้โอกาสนี้ดูความเปลี่ยนแปลงว่าเมื่อคุมร่างข้าได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างอย่างนั้นสินะ ?”

“พูดให้ถูกก็คืออยากรู้ว่าร่างกายเจ้าจะป้องกันอย่างไรมากกว่า แม้เจ้าจะเต็มใจให้ข้าคุมร่าง แต่มันก็ยังปฏิเสธข้า ทั้งยังรุนแรงเสียด้วย ซึ่งข้าไม่รู้เลยว่าเป็นเฉพาะเจ้าหรือไม่ แต่หากเจ้ามอบหุ่นเชิดที่มีจิตนึกคิดให้ข้า ก็จะสามารถค้นคว้าเรื่องนี้ได้” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ

“อ้อ ข้าเข้าใจที่ท่านจะสื่อแล้ว คือท่านเบื่อเป็นวิญญาณแล้ว ตอนนี้อยากจะมีห้องทดลองเป็นของตนเองสินะ”

“ข้าเป็นผู้ช่วยมือดีที่สุดแล้ว ดีกว่ากังเหยียนกับเงามรณะเสียอีก”

“อันนั้นข้าไม่เถียง” ซูเฉินพยักหน้า “ก็ได้ ข้าตกลงจะหาหุ่นเชิดให้ท่าน”

“ไม่ต้องหาหรอก แถวนี้ก็มีอยู่” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ย

“ท่านว่าอะไรนะ ?” ซูเฉินชะงัก “ท่านพบอะไรเข้าหรือ ?”

“ใช่” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ “อย่าหาว่าข้าปิดบังเลย ข้าเองก็เพิ่งสังเกตว่าเราอยู่ที่ไหน”

เมื่อได้ยินคำผ้าเท่อลั่วเค่อ ซูเฉินก็ตาเป็นประกาย “ท่านจะบอกว่าที่นี่มีความเกี่ยวข้องกับชาวอาร์คาน่าโบราณหรือ ?”

“ไม่ ย้อนกลับไปเก่ากว่านั้นอีก” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ “มันเกี่ยวข้องกับเทพอสูรบรรพกาล”

“อะไรนะ ?” ซูเฉินอึ้งไป

“ที่นี่คือที่ฝังร่างของเทพอสูรบรรพกาล”

ผ้าเท่อลั่วเค่อและซูเฉินค่อย ๆ เดินไปตามทางแคบในอุโมงค์

ระหว่างคุยกับผ้าเท่อลั่วเค่อ ซูเฉินเริ่มเข้าใจว่าเทพอสูรบรรพกาลถูกฝังอยู่ใต้เมืองนภาลัยราบ

เทพอสูรบรรพกาลตัวนั้นมีชื่อว่าวานรกินทอง

เป็นดั่งที่ชื่อมันบอก วานรกินทองเอาชีวิตรอดโดยการกินโลหะทั้งหลาย สสารที่เป็นโลหะภายในร่างมีอยู่สูง มีหนังทำจากโลหะแข็ง

หากเทพอสูรบรรพกาลนั่นยังมีชีวิตอยู่ก็คงไม่มีใครสามารถเจาะเกราะมันได้ แม้มันจะยืนนิ่ง ๆ ให้โจมตีก็ตาม

การตายของวานรกินทองจึงเป็นเรื่องน่าทึ่งไม่น้อย

หลังจากสภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป มันก็จำศีลอยู่นาน ถูกฝังอยู่ใต้ดินราวกับตายไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็ลืมว่ามีมันอยู่

เวลาผ่านไปหลายเดือนหลายปี อาณาจักรอาร์คาน่าก็เรืองอำนาจขึ้นมา

พวกเขาออกโจมตีทั่วทั้งทวีป ขยายอาณาเขต ช่วงชิงทรัพยากร เสริมสร้างความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

แต่บางครั้งก็ถึงทางตันบ้างเหมือนกัน

1500 ปีก่อนผ้าเท่อลั่วเค่อเสียชีวิต ก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ปรมาจารย์อาร์คาน่ากลุ่มใหญ่เดินทางมาถึงทวีปทางใต้ ค้นพบโลหะชนิดพิเศษในสถานที่ที่มีชื่อว่าที่ราบสูงพายุ

ปรมาจารย์อาร์คาน่าเหล่านี้เดิมทีทำการค้นคว้าเกี่ยวกับหุ่นเชิด และโลหะชนิดนี้เหมาะสมสำหรับการสร้างหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจลงหลักปักฐานกันที่นี่แล้วสร้างเหมืองขึ้นมา

จากนั้นก็ขุดเหมืองอย่างมีความสุข

แต่ความสุขก็กลายเป็นความโศกเศร้าในเวลาไม่นาน

“เดาว่าเหมืองที่พวกเขากำลังขุดแท้จริงแล้วเป็นผิวหนังชั้นนอกของวานรกินทอง” ซูเฉินกล่าว

“ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ขุดเอาผิวหนังของวานรกินทองมา แต่หากเดาไม่ผิด ทองดาราเงินและเถาศิลาจันทร์ก็มาจากเนื้อและกระดูกของวานรกินทองด้วย แร่ทั้งหลายในแถบนี้นับเป็นร่างกายของวานรกินทองทั้งสิ้น” ผ้าเท่อลั่วเค่อถอนใจ “พวกคนไม่รู้ความเหล่านั้นคิดแต่จะขุดเหมือง ไม่รู้เลยว่ากำลังยุ่งอยู่กับอะไร สุดท้ายว่าขุดลึกลงไป วานรกินทองก็ตื่นขึ้น เจ้าน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ……”

ซูเฉินพยักหน้า “อืม ข้านึกภาพออก เพียงแต่สงสัยว่าหากเป็นเช่นนั้นทำไมถึงไม่มีข่าวออกมาเล่า ? แล้ววานรกินทองตายได้อย่างไรกัน ?”

“เพราะหุ่นเชิด” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ “แม้ปรมาจารย์อาร์คาน่าจะถูกวานรกินทองสังหาร ทว่าหุ่นเชิดที่พวกเขาทิ้งไว้ก็กลายเป็นสิ่งมีประโยชน์ขึ้นมา”

“หุ่นเชิดสังหารวานรกินทองหรือ ?”

“เปล่า อย่าได้เข้าใจผิด ไม่มีใครสังหารเทพอสูรบรรพกาลยกเว้นพวกมันเองได้ หุ่นเชิดเพียงแต่เหลือรอดมาเท่านั้น……”

อาณาจักรอาร์คาน่าสร้างสิ่งประดิษฐ์น่าตื่นตาตื่นใจออกมามากหลายตลอดเวลาหลายปี หุ่นเชิดเป็นหนึ่งในสิ่งเหล่านั้น

ในช่วงเวลานั้น วิชาหุ่นเชิร์ดอาร์คาน่ากลายเป็นหัวข้อการศึกษาหลักของปรมาจารย์อาร์คาน่าบางกลุ่ม เกิดเป็นหุ่นเชิดหลากหลายชนิดขึ้นมา มีตัวที่ใช้งานได้ดีอยู่มากพอสมควร

หุ่นเชิดของพวกปรมาจารย์อาร์คาน่าที่ถูกสังหารโดยวานรกินทองมีคุณสมบัติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

คำว่าเอกลักษณ์เฉพาะไม่ได้หมายความว่ามันจะแข็งแกร่งเสมอไป

“หุ่นเชิดสื่อสาร ? ท่านจะบอกว่าหุ่นเชิดสื่อสารรอดพ้นเหตุการณ์มาได้อย่างนั้นหรือ ?” ซูเฉินกล่าวเสียงตกตะลึง

หากเป็นหุ่นประเภทอื่นรอดพ้นมา ซูเฉินก็คงไม่ตกใจเช่นนี้ แต่ผ้าเท่อลั่วเค่อกลับบอกว่าพวกมันหุ่นเชิดสื่อสาร !

ผ้าเท่อลั่วเค่อหัวเราะ “อย่าดูถูกหุ่นเชิดสื่อสารเชียว ในสมัยอาณาจักรอาร์คาน่า หุ่นเชิดสื่อสารเป็นหุ่นเชิดที่ได้รับการค้นคว้ามากที่สุดเชียวนะ ในตอนที่อาณาจักรอาร์คาน่าอยู่บนจุดสูงสุด เราเชื่อว่าเราสามารถสร้างทุกสิ่งอย่างมาสนองความต้องการเราได้ อยากเหินร่างขึ้นฟ้า ดำลงสู่ดิน ไม่ต้องสนอุปสรรคเชิงพื้นที่ และสามารถสื่อสารกันได้อย่างไร้ข้อจำกัด ก่อนจะสามารถสื่อสารระยะไกลได้ ก็ต้องทำให้สื่อสารได้เสียก่อน เช่นนั้นใต้หล้าก็อยู่เพียงปลายนิ้ว ไม่ไกลเช่นแต่ก่อน”

“เอาล่ะ ท่านหยุดสาธยาย แล้วบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ดีกว่า ?”

“เผ่าอาร์คาน่าสร้างหนทางการสื่อสารที่ทรงพลังขึ้นมาได้ ระยะการสื่อสารของหุ่นเชิดพวกนี้จึงสามารถยืดระยะออกไปได้ไกลกว่าสื่อกลางไหน ๆ ในปัจจุบัน ทำให้อาณาจักรอาร์คาน่ามีความสามารถในการสืบสวนเป็นอย่างมาก หากอยากเข้าใจใต้หล้าแต่ไม่อยากเสี่ยงมากเกินไป ก็ส่งหุ่นเชิดสื่อสารไปทำภารกิจได้ทุกอย่าง”

ซูเฉินเข้าใจ “ใต้หล้านี้มีสถานที่อันตรายอยู่อีกมาก”

“ถูกต้อง และนั่นจึงจำเป็นต้องทำให้หุ่นเชิดมีความสามารถในการรอดชีวิตและปรับตัวสูง ปรมาจารย์อาร์คาน่าเหล่านั้นจึงมีหุ่นเชิดสื่อสารไว้ในครอบครอง” ผ้าเท่อลั่วเค่อว่า “หุ่นเชิดตัวนี้รอดพ้นมาได้และส่งข่าวออกไปไกล พวกเราจึงล่วงรู้ข่าว”

“หุ่นเชิดสื่อสารรอดมาได้หรือ ? แล้วรอดมาได้อย่างไร ?”

อย่างไรความสามารถในการเอาชีวิตรอดของหุ่นเชิดก็ไม่มีทางสูงส่งไปกว่าเทพอสูรบรรพกาลได้

แล้วมันรอดมาได้อย่างไรกัน ?

“มันสละชิ้นส่วนโลหะทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างออก วานรกินทองกินแต่โลหะ โจมตีแต่สิ่งที่ทำร้ายมัน หลังจากหุ่นเชิดสื่อสารสละส่วนที่เป็นโลหะออกแล้ว จึงไม่ตกเป็นเป้าหมายของวานรกินทองอีก ทำให้รอดมาได้ วานรกินทองกลับสู่สภาวะจำศีลเมื่อจัดการกับปรมาจารย์อาร์คาน่าทั้งหลายจบ หุ่นเชิดจึงถูกฝังลงไปด้วย มันจึงคอยส่งข้อมูลออกมาจากใต้ดิน”

เช่นนั้นแล้วยังสามารถทำงานได้อีกหรือ ? ซูเฉินอึ้ง

“อาจเพราะเป็นคำสั่งที่ปรมาจารย์อาร์คาน่าคนหนึ่งสั่งการไว้” ผ้าเท่อลั่วเค่อคาดการณ์

“แล้ววานรกินทองตายได้อย่างไร ?”

“มันแก่ตาย อาจเพราะต้องตื่นมาตอนนั้นก็เป็นได้ มีเทพอสูรบรรพกาลหลายตัวเหมือนกันที่หลังจากจำศีลแล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีก แน่นอนว่าที่เรารู้ก็เพราะหุ่นเชิดสื่อสาร”

“เช่นนั้นตลอดเวลานั้น หุ่นเชิดสื่อสารก็เปิดใช้งานอยู่ตลอดเลยหรือ ?” ซูเฉินถามเสียงตะลึง

“ใช่แล้ว มันรอดพ้นมา 182 ปี หลังจากสละชิ้นส่วนที่เป็นโลหะออกจากร่างไป มันขยับไม่ได้ จึงลดการใช้พลังงานลงมาก ทำหน้าที่เพียงส่งข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งรอบข้างเป็นระยะเท่านั้น จนกระทั่งมันส่งข้อมูลมาว่าวานรกินทองกำลังจะตาย อย่างมากก็อีก 3000 ปีให้หลัง ซึ่งเป็นข้อมูลชุดสุดท้ายที่มันส่งให้เรา” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ย

“เช่นนั้นมันรู้ได้อย่างไรว่าวานรกินทองกำลังจะตาย ?” ซูเฉินถามเสียงฉงน

หากปรมาจารย์อาร์คาน่าไม่รู้ว่ามีวานรกินทองตอนที่ขุดเหมือง แล้วหุ่นเชิดสื่อสารรู้ได้อย่างไร ?

“ใครจะรู้ได้ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อยักไหล่ “บางครั้งก็มีความลับที่มีแต่คนที่อยู่ ณ ตอนนั้น ได้เห็นกับตาเท่านั้นถึงจะรู้ได้ แต่สิ่งที่ข้ารู้คือหลายปีมานี้ยังมีหุ่นเชิดที่สภาพสมบูรณ์เหลืออยู่ข้างศพเทพอสูรบรรพกาล นับเป็นวิชาหุ่นเชิร์ดอาร์คาน่าโบราณโดยแท้”