ภาคที่ 5 บทที่ 44 การตายของซูเฉิน

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 44 การตายของซูเฉิน

เมื่อได้คำอธิบายจากผ้าเท่อลั่วเค่อ ซูเฉินจึงเข้าใจว่าใต้เขตแดนนี้มีสิ่งมีชีวิตในตำนานอะไรถูกฝังอยู่

ซูเฉินไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ได้เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังเหยียบย่ำอยู่บนกระดูกของเทพอสูรบรรพกาล “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าเครื่องมือต้นกำเนิดที่เหมาะสมกับข้าอยู่ตรงไหน ?”

“ปรมาจารย์อาร์คาน่าที่ตายไปครอบครองหุ่นเชิดที่โดดเด่นเรื่องการโจมตีเป็นพิเศษอยู่ตัวหนึ่ง มันถืออาวุธที่นับได้ว่าเป็นตำนานในยุคนั้น นั่นคือแหวนไร้แสง เหมาะกับการใช้วิชาอาคาร์น่ามาก หากเราโชคดีก็อาจพบกันอีกครั้งได้”

“อาจ ?”

“ใช่แล้ว แค่อาจจะ อย่างไรก็ผ่านไปนับหมื่นปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ไม่แน่ว่าเครื่องมือต้นกำเนิดอาจเสื่อมสลายไปแล้ว หรืออาจถูกใครเอาไปแล้ว หรืออาจจะเกิดเรื่องอื่นก็เป็นได้ หุ่นเชิดก็เช่นกัน เวลาหมื่นปีเกิดเรื่องได้มากมายเกินไป ข้ารู้เพียงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต และอาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบเสียงจริงจัง

“ก็จริง” ซูเฉินเข้าใจสิ่งที่ผ้าเท่อลั่วเค่อกล่าวมา แต่แค่มีหวังก็นับเป็นเรื่องดีแล้ว

“จะว่าไป นี่เราอยู่กันที่ไหนหรือ ?” ซูเฉินมองไปรอบกาย

ทั้งสองหลงทาง ด้วยแต่ละเส้นทางพาไปต่างจุดหมายรายล้อมโดยรอบ

“ข้าไม่แน่ใจ พื้นที่ที่นี่ซับซ้อนเกินไป”

“ข้าน่าจะลองดู” ซูเฉินหยิบยาขวดหนึ่งออกมาแล้วหยดเลือด 2-3 หยดลงไปด้านใน ไม่นานก็เกิดเป็นร่างซูเฉินขึ้นอีกราว 17 ร่าง

ร่างแยกเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้ในการต่อสู้ แต่ใช้เพื่อดูว่าทางไหนเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงใส่พลังลงไปน้อยที่สุด แถมยังใช้พลังไม่สูงมาก

ร่างแยกแต่ละคนเลือกเดินไปแต่ละเส้นทาง

เพราะทุกร่างแยกเชื่อมต่อกับจิตของซูเฉิน เขาจึงสามารถเห็นเส้นทางในแต่ละสายได้ สลับดูภาพที่แตกต่างกันไปเรื่อย คนอื่นอาจมองว่ายาก แต่สำหรับเขาไม่เป็นปัญหา เพราะมีผลึกวิญญาณ เขายังสามารถใช้มันตรวจดูภาพจากร่างแยกหลายร่างในเวลาพร้อมกันก็ยังได้

ไม่นาน ร่างแยกร่างหนึ่งก็มาถึงพื้นที่ดูหน้าประหลาด

มันเต็มไปด้วยความมืดมิดและมีพื้นที่กว้างขวางมาก มองไกล ๆ ไปยังเห็นแท่งศิลาโผล่ขึ้นมาจากพื้นอีกด้วย

เนื่องจากคำเตือนของผ้าเท่อลั่วเค่อ ซูเฉินจึงรู้ได้ทันที “ตรงนี้เห็นแท่งศิลาโบราณผุดขึ้นมามากมาย อาจจะสร้างสมัยอาณาจักรอาคาร์น่าก็เป็นได้…… ฟังดูคุ้นหูบ้างหรือไม่ ?”

“คุ้นสิ วิชาอาร์คาน่าประเภทดินทำให้ปรมาจารย์อาร์คาน่าสร้างที่พักได้อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ทนทานมากแต่ก็ถูกกว่าที่สร้างจากโลหะ หากถูกทำลายก็สร้างได้อีก ปรมาจารย์อาร์คาน่าหลายคนจึงใช้วิชาเช่นนั้นระหว่างเดินทาง” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ

“อืม ข้าก็มีประสบการณ์เช่นกัน” ซูเฉินหัวเราะ นิกายไร้ขอบเขตของเขาก็ใช้ศิลาสร้างเช่นกัน

“เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปดูเถอะ อาจยังมีเบาะแสเหลืออยู่ก็เป็นได้” ผ้าเท่อลั่วเค่อว่า

เขาลงทุนมาถึงเหมืองศิลาจันทร์เช่นนี้ก็นับว่าแปลกมากแล้ว แม้จะไม่ได้อะไร แต่ก็ยังเป็นประโยชน์

และไม่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเผ่าปักษาหรือไม่ ซูเฉินก็อยากรู้ความจริง

เมื่อร่างแยกเดินออกไป ซูเฉินก็พาผ้าเท่อลั่วเค่อตามไปด้วย ทั้งสองมุ่งหน้ามายังห้องหินที่พังแล้วแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ห้องหินพังทลายไปแล้วเป็นเวลานาน คนเหมืองของตระกูลหรงค้นพบมาในหลายปีให้หลัง ยังเห็นร่องรอยการขุดอยู่ทั่ว

“คนเหมืองเคยมาแล้ว อาจจะไม่พบอะไรมาก” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ยเสียงเสียใจอยู่บ้าง

“ก็ไม่แน่” ซูเฉินมองไปรอบกาย “เมื่อครู่เกิดเรื่องน่าสนใจขึ้นด้วย”

“อะไรนะ ? แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ยเสียงประหลาดใจ

ซูเฉินว่า “เพราะมันอยู่ในระดับจิต ระหว่างทางที่มาที่นี่ ข้าปล่อยร่างแยกออกจากการควบคุมไปร่างหนึ่ง ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ?”

“อะไรเล่า ?”

“พลังจิตส่วนนั้นหายไปเลย ตอนนี้ระดับพลังจิตของข้าต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย”

“เกิดเรื่องเช่นนั้นได้ด้วยหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อเริ่มตื่นเต้นขึ้นทันที

เสียพลังจิตไปสวนน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันจะหายไปเช่นนั้นเลยได้อย่างไร ?

นั่นทำให้เขานึกถึงเจ้าแมลง

“เป็นแมลงพวกนั้นหรือเปล่า ?” เขาถาม

“ไม่ใช่” ซูเฉินส่ายหน้า “เหมือนกับว่ามีบรรยากาศพิเศษ เหมือนกับ……”

ซูเฉินครุ่นคิด จากนั้นพูดขึ้นว่า “ที่ปราสาทไหลน่าตะวันตก !”

ตอนอยู่ที่ปราสาทไหลน่าตะวันตก ขาปี่เอ๋อซือปิดบังห้องสมบัติลับเอาไว้ในแดนประหลาดที่มีเพียงเผ่าวิญญาณซึ่งมีพลังจิตระดับสูงจึงจะสามารถค้นพบได้ แต่ซูเฉินก็สามารถเปิดห้องลับนั้นได้ด้วยการเพิ่มพลังจิตขึ้นสูง ได้ล่วงรู้ความลับของแดนกายลวงตา เพิ่มความสามารถของวิชาสรรพสิ่งลวงตาขึ้นได้

ครั้งนี้เขาก็ได้ความรู้สึกคล้ายคลึงกัน

“ที่นี่มีดินแดนประหลาดอยู่ ซึ่งดูแล้วท่าจะเกี่ยวข้องกับพลังจิต” ซูเฉินว่า

“แล้วยังจะรออะไรอยู่อีก ? ก็แค่หาให้พบแล้วเปิดเข้าไปเท่านั้น ความลับด้านในก็จะเปิดเผยสู่สายตาของเราแล้ว !” ผ้าเท่อลั่วเค่อกล่าวเสียงตื่นเต้น

“รอสักประเดี๋ยวก่อน ข้าอยากรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร” ซูเฉินดึงไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดออกมา

แดนประหลาดเป็นดินแดนลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าด้านในจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ซึ่งหากไม่มีไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิด เขาก็คงมุ่งหน้าเข้าไปแล้ว แต่ในเมื่อตอนนี้มีมันอยู่ในมือ ชายหนุ่มก็อยากรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร

นับว่าเป็นการเตรียมไว้ก่อน

ผ้าเท่อลั่วเค่อดูจะคิดต่าง “ข้าไม่คิดว่าซากร่างที่นอนตายมาแล้วนับหมื่นปีจะมีอันตรายอะไรหรอกนะ”

“จะเป็นอันตรายหรือไม่ ลองใช้ดูก็รู้แล้ว ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิด ช่วยทำนายทีว่าหากเข้าไปในนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าบ้าง” ซูเฉินว่าพลางวางผลึกต้นกำเนิดอสูรกายระดับสูงลงบนแท่นบูชา

เขาเพียงทดสอบเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาล้มเหลว

ซูเฉินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหยิบผลึกต้นกำเนิดเจ้าอสูรกายอีกชิ้นขึ้นมา

แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น ?” ผ้าเท่อลั่วเค่ออึ้งไป

บนใบหน้าซูเฉินเต็มไปด้วยความหวาดระแวง

จากการทดสอบก่อนหน้าของเขา หากคำทำนายไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่น มูลค่าของสังเวยก็ไม่ควรจะสูงมาก

การที่คำทำนายออกมาล้มเหลวเช่นนี้ บอกได้เพียงอย่างเดียวนั่นคือ ใกล้ ๆ แถบนั้นมีพลังสูงส่งซุกซ่อนอยู่

เขาก้าวถอยออกมาเล็กน้อย “เช่นนั้นขอถามว่าถ้าเข้าไปแล้วข้าจะรอดชีวิตออกมาหรือไม่”

ภาพหนึ่งปรากฏขึ้น ทั่วสายตาซูเฉินเต็มไปด้วยทะเลสีเลือด

ที่กลางทะเลมีศพคนผู้หนึ่งลอยอยู่

ซูเฉิน !

ภาพนี้ทำเอาทั้งผ้าเท่อลั่วเค่อและซูเฉินตกตะลึงไป

“ตายหรือ ? เจ้าตายจริงหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อตะโกนด้วยความตกใจ “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เป็นไปได้ยังไงกัน ?”

“ยังคิดว่าข้าทำเกินไปหรือไม่ ?” ซูเฉินกัดฟันตอบ มองภาพตรงหน้าเขม็ง

ไม่แปลกที่แม้จะใช้ผลึกต้นกำเนิดเจ้าอสูรกายแล้ว การทำนายออกมาล้มเหลวได้

เขาไม่รอดจริง ๆ! และจากที่เห็นก็ดูท่าจะตายอย่างทรมานด้วย ดูเหมือนจะสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่ ?

โชคร้ายที่ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดไม่บอกว่าใครเป็นคนฆ่า แม้จะสังเวยด้วยผลึกต้นกำเนิดเจ้าอสูรกายก็ตามแต่

ได้แต่ต้องใช้ของสังเวยระดับราชันอสูรกายมาลองเท่านั้น

“ไม่ ๆ ถึงทำนายไปก็ไม่ต่าง แค่รู้ว่าด้านในมีบางอย่างที่ทรงพลังอำนาจซ่อนอยู่ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเป็นใคร แต่ยังต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประมาณการในขั้นต่อไป” ซูเฉินพึมพำ

เขาเลือกมองรอบกายด้วยความระแวดระวัง

ซูเฉินปล่อยให้จิตของตนลอยละล่องไปสำรวจรอบข้าง แต่ก็ไม่พบสิ่งใด

คำทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดทำเขาขนลุกขนพอง ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืด จ้องมองพวกเขาอยู่ก็มิปาน

ผ้าเท่อลั่วเค่อเองก็รู้สึกเช่นกัน “ข้าว่าเรารีบออกไปจะดีกว่า”

“ไม่หรอก คำทำนายบอกเพียงว่าหากข้าเข้าไปในที่ประหลาดนั่นก็จะตาย ไม่ได้หมายความว่าอยู่ที่นี่แล้วจะตาย เราน่าจะลองทดสอบดูก่อน ไม้เท้าเอ๋ย หากข้าอยู่ที่นี่จะรอดชีวิตหรือไม่ ?”

ซูเฉินพูดจบ ก็วางผลึกต้นกำเนิดอสูรกายระดับต่ำลงบนแท่นบูชา

เป็นไปดังคาดว่าเขารอดชีวิต

และเพราะว่ารอดชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องจากไปตามคำทำนาย ลดราคาที่ต้องเสียลงไปได้

“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถาม

“หมายความว่าสิ่งใดก็ตามที่ซ่อนอยู่ในแดนประหลาดนั่นจะไม่เป็นฝ่ายโจมตีเราก่อน ทำให้เรื่องราวง่ายขึ้นนัก หากมันไม่คิดพยายามออกมา ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมัน” ซูเฉินตอบ

“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็จะคอยตรวจสอบสถานการณ์อย่างนั้นหรือ ?”

“ใช่แล้ว”

ซูเฉินลองทำนายอีก

เขาอยากรู้ว่าหากเขาพบแดนประหลาดแต่ไม่ก้าวเท้าเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น

ผลลัพธ์คือไม่มีอะไรอันตรายต่อเขา

หรือก็คือแม้จะค้นพบแดนประหลาด ก็ไม่สามารถทำให้สิ่งน่ากลัวที่อยู่ภายในออกมาได้

ต่อมา ซูเฉินลองทำนายดูว่าหากส่งร่างแยกเข้าไปจะเป็นอย่างไร

ผลที่ออกมาคือร่างแยกนั้นตาย แต่สิ่งน่ากลัวที่อยู่ภายในก็ไม่ย่างกรายออกมาเช่นกัน

ทั้ง 3 คำถามนี้ เขาใช้เพียงผลึกต้นกำเนิดอสูรกายระดับต่ำเพียงเท่านั้น แต่กลับสามารถใช้พวกมันยืนยันเรื่องสำคัญได้ นั่นก็คือสิ่งน่ากลัวที่อยู่ภายในจะไม่ออกมาภายนอก

อย่างไรก็ไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้

ซูเฉินจึงใช้เลือดสร้างร่างแยกขึ้นมา

สร้างขึ้นมาคราวเดียวถึง 7 ร่าง โดยมี 3 ร่างแข็งแกร่งกว่าอีก 4 ร่าง

จากนั้นเขาก็เริ่มนำพวกมันออกตามหาแดนประหลาด

เมื่อเปิดใช้พลังจิตจนถึงขั้นสุด ก็พบกับความผันผวนพลังมาจากทางเข้าของดินแดนประหลาด

“น่าเสียดายที่น้องสี่สิบไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นคงช่วยคงสมดุลแดนพลังสูญได้” ซูเฉินถอนใจ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้ามีเลือดเขาอยู่นี่นะ”

ว่าแล้วเขาก็หยิบเลือดขวดหนึ่งออกมา

ซูเฉินเก็บเลือดจากศิษย์ในสถาบันมังกรซ่อนเร้นมานับไม่ถ้วนเพื่อทำการวิจัย และแม้ผลที่ออกมาจะไม่ค่อยมีอะไรเสียเป็นส่วนมาก แต่ก็ยังนำเลือดพวกเขามาใช้ประโยชน์ได้อยู่บ้าง

สายเลือดของจี้ลั่วอวี่ไม่อาจมอบพลังด้านพลังสูญให้ซูเฉินได้ตลอดไป แต่อย่างน้อยก็ส่งผลในระยะสั้นให้ได้

ซูเฉินแหงนคอดื่มยาผสมเลือดจี้ลั่วอวี่ลงไป ไม่นานความรู้สึกลึกล้ำก็แผ่ขยายไปทั่วร่าง

“ต้องแบบนี้สิ !” ซูเฉินเพิ่งทำแล้วก็มองรอบกายด้วยความตื่นเต้น เนตรมองโลกจุลภาคสามารถเห็นพลังงานที่ไหลเวียนรอบกายได้ทุกอย่าง และพลังสูญในโอสถสายเลือดนี้ก็ทำให้เขาสามารถควบคุมความผันผวนพลังงานสูญได้ชั่วคราว เขาวาดมือออกไป หลุมพลังงานสูญก็ค่อย ๆ เปิดออกตามการควบคุมของเขา

แม้จะเป็นเพียงหลุมขนาดเล็ก แต่ซูเฉินและผ้าเท่อลั่วเค่อก็ยังรู้สึกขนลุกซู่

“เข้าไปตอนนี้เลย !”

สิ้นเสียงสั่งของซูเฉิน ร่างแยกทั้ง 7 ก็กระโดดเข้าไปในพลังงานสูญทันที