ภาคที่ 5 บทที่ 45 เด็กกำพร้า

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 45 เด็กกำพร้า

เมื่อร่างแยกทั้ง 7 กระโดดเข้าหลุมพลังสูญ ซูเฉินก็รู้สึกว่าพลังจิตหน่วงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มุมสายตาทั้ง 7 ปรากฏอยู่ในจิตซูเฉิน

ทั้งหมดอยู่ในเขตแดนมืดมิดที่ดูว่างเปล่า ตรงกลางมีดินแดนผืนหนึ่งที่ถูกโอบล้อมไปด้วยลมแรง

มันคือพลังต้นกำเนิด

ลมและพลังต้นกำเนิดพัดรุนแรงจนไม่อาจควบคุมได้ราวกับเป็นพายุ

ร่างแยก 4 ร่างหายไปในทันที

เมื่อดูจากมุมภาพที่เหลืออยู่ ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนกว่าแล้ว ซูเฉินก็เห็นภาพที่น่ากลัวกว่าปรากฏสู่สายตา……

“อ๊าก !”

ซูเฉินร้องลั่นแล้วกุมหัว

“ซูเฉิน เป็นอะไรหรือไม่ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อรีบถาม

“เจ้านั่นสังหารร่างแยกทั้งหมดของข้า แต่ไม่คิดว่านอกจากมันจะกินเสี้ยวพลังจิตข้าไปแล้ว ยังตามสายพลังจิตที่เชื่อมข้ากับร่างแยกมาเพื่อโจมตีอีก เวรเอ๊ย ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดไม่เห็นบอกเรื่องนี้เลย !” ซูเฉินว่าพลางคุกเข่าลงกับพื้น ยังปวดหัวไม่คลาย

“ไม้เท้าไม่ได้รอบรู้ทุกอย่าง”

“ข้าย่อมเข้าใจ” ซูเฉินค่อย ๆ ลุก เลือดไหลออกจากจมูกช้า ๆ ราวกับอยู่ในสภาพไม่สู้ดี “เจ้านั่นทำข้าเสียพลังจิตไป 50 หน่วย 50 หน่วยเชียว ! ท่านเข้าใจใช่ไหม ? ลมพลังจิตของมันน่ากลัวเกินไปแล้ว”

“มันเป็นตัวอะไรกันแน่ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่ออึ้งไป

สิ่งมีชีวิตที่ทำให้ซูเฉินบาดเจ็บได้ ต้องมีพลังงานจิต 3000 หน่วยไล่เลี่ยกัน …น่ากลัวเกินไปแล้ว มีแต่ผู้อาวุโสเผ่าวิญญาณกระมังที่จะทำเช่นนี้ได้ !

“มันเป็นรัง รังที่ผลิตแมลงออกมาตลอด ข้ารู้แล้วว่าพวกแมลงมาจากไหน” ซูเฉินตอบ “ไม่แปลกที่ในแดนประหลาดจะมีอันตรายอยู่ ด้านในมีรังแมลงที่เคลื่อนไหวไม่ได้ พวกแมลงส่วนมากที่มันสร้างก็ถูกข้าฆ่าหมดแล้ว”

“เป็นไปได้ยังไง ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถามอึ้ง ๆ “แดนที่วานรกินทองตาย จู่ ๆ ก็มีแมลงน่ากลัวพวกนี้เกิดขึ้นมาหรือ ?”

“ต้องเป็นฝีมือเผ่าปักษาแน่” ซูเฉินตอบ

“รู้ได้ยังไง ?”

ซูเฉินตอบ “ก็เพราะรังแมลงอยู่ที่ศูนย์กลางพายุพลังธาตุ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใด ท่านเคยได้ยินว่ามีแมลงชนิดไหนสามารถเอาชีวิตรอดท่ามกลางลมพายุธาตุมานับหมื่นปีได้หรือไม่เล่า ? ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแน่”

ผ้าเท่อลั่วเค่อพลันเข้าใจ

เวลาหมื่นปีสามารถลบล้างสิ่งมีชีวิตหลายอย่างให้หายไปได้ด้วยซ้ำ นอกจากต้นไม้โลกในตำนานแล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้นานขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมโหดร้ายแบบนี้เลย

ซึ่งก็มีคำอธิบายเดียวเท่านั้น นั่นคือมันเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นนั่นเอง ! ทำให้เผ่าปักษาอาจมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้

“เช่นนั้นเผ่าปักษาก็มาดูแลรังแมลงถึงที่นี่เลยหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถามเสียงฉงน

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาแมลงพวกนี้ไปทำอะไร” ซูเฉินตอบ “ใช่แล้ว ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมศิลาจันทร์ของเผ่าปักษาถึงหมดเร็วนัก ?”

ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ “คงเพราะแมลงพวกนี้ ในเมื่อมันเจาะผนังถ้ำ ก็คงสามารถเจาะเอาแร่บางอย่างออกมาจากผนังถ้ำได้ด้วย”

ซูเฉินพยักหน้า “ถูกต้อง แต่ข้าไม่เห็นสสารใดที่เป็นโลหะอยู่ในแดนประหลาดเลย”

“แปลกนัก !” ผ้าเท่อลั่วเค่อไม่อาจทำความเข้าใจ

“เผ่าปักษาไม่มาดูแลรังแมลงโดยไร้เหตุแน่ คงจะมีอย่างอื่นอยู่ในแดนประหลาดอีก ไม่ใช่ลมธาตุ ข้าต้องหาวิธีเข้าไปแล้วเห็นด้วยตาตัวเอง”

ผ้าเท่อลั่วเค่อตกใจเป็นยิ่งนัก “บ้าไปแล้วหรือ ? คำทำนายก็บอกอยู่ว่าเจ้าจะตาย มันยังใช้ร่างแยกโจมตีเจ้าได้ด้วยซ้ำ !”

“ข้ารู้ แต่จะเป็นเช่นนั้นก็ในเมื่อสถานการณ์เป็นไปตามปกติ ในเมื่อมันไม่สามารถออกมาได้ ข้าก็มีเวลาทดลองเหลือเฟือ”

“เจ้าอาจต้องแจ้งตระกูลจู คนด่านหยั่งรู้ฟ้าดินอาจจะสามารถต้านทานการโจมตีจิตจากแมลงพวกนี้ได้”

ซูเฉินส่ายหน้าทันควัน “ไม่ได้ ไม่มีใครทนได้ทั้งนั้น ข้ามั่นใจว่าการโจมตีจิตเหล่านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน สิ่งมีชีวิตนี้เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าแดนฝันและมั่วเนี่ยลาซือผู้มองไกล ถึงเป็นคนด่านมหาราชันก็คงรับมือได้ยาก”

ผ้าเท่อลั่วเค่อตกตะลึง

ทั่วทั้งทวีปต้นกำเนิด คนทั้งสองที่อยู่ในด่านนั้นนับว่ามีพลังจิตสูงส่งที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้รังแมลงที่ปรากฏขึ้นกลับสามารถเทียบขั้นกับพวกเขาได้ เหลือเชื่อจริง ๆ

“ทำให้เจ้ายิ่งต้องระมัดระวัง อย่างไรเจ้าก็ไม่สามารถรับมือพวกมันได้แน่”

“ก็อาจไม่ใช่เสียทีเดียว” ซูเฉินว่าพลางส่งยิ้มปริศนา “แม้จะใช้กำลังแก้ปัญหาไม่ได้ แต่อาจใช้สติปัญญาแก้ได้ ท่านไม่เคยสงสัยหรือ ? ถ้าหากว่ารังแมลงเป็นเผ่าปักษานำมาไว้ที่นี่จริง พวกมันก็คงไม่ได้ทิ้งไว้เสียทีเดียวหรอกกระมัง ?”

ผ้าเท่อลั่วเค่อเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ “ถูกต้องแล้ว ! เป็นไปไม่ได้ที่จะนำมาตั้งไว้แค่เพื่อความสนุกสนาน คงจะใช้สภาพแวดล้อมแบบนี้บ่มเพาะบางสิ่งบางอย่างอยู่เป็นแน่ ซึ่งก็หมายความว่าเป็นบางสิ่งบางอย่างที่สามารถนำกลับไปได้…. แต่พวกเขาทานทนกับการโจมตีจิตที่สูงส่งเช่นนี้ได้อย่างไร ?”

ซูเฉินตอบ “ข้าก็ไม่รู้ คงไม่ได้ทนเอาอย่างเดียวหรอกกระมัง”

เผ่าปักษาส่งเพียงนักร่ายมนตร์ธรรมดามา หากนางไม่ได้นำสมบัติล้ำค่าติดตัวมาด้วย ก็หมายความว่าคงจะมีวิชาพิเศษอะไรอยู่เป็นแน่

ตระกูลจูค้นตระกูลหรงตั้งแต่หัวจรดหาง ซูเฉินเป็นคนไล่ดูรายชื่อเอง จดจำรายการสมบัติทั้งหลายไว้ภายในผลึกวิญญาณของเขา แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะใช้รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เลย

หมายความว่าจะต้องมีวิชาลับอะไรซ่อนอยู่อีก

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูเฉินจึงเอ่ยขึ้น “เงามรณะ นำนกขมิ้นเปลวเพลิงมาให้ข้า”

“ได้ขอรับนายท่าน !” เงามรณะโผล่ออกมาจากเงามืด

เขาเป็นคนแรกที่หาตัวซูเฉินพบเพราะมีสายพลังจิตเชื่อมต่อกันอยู่

เมื่อได้รับคำสั่งก็กลับไปยังตระกูลจูเพื่อไปนำเผ่าปักษานางนั้นมาทันที

ซูเฉินยังจ้องหลุมพลังสูญนิ่ง “ไหนมาดูกันหน่อยว่าเจ้ามีดีอะไรบ้าง”

ว่าแล้วเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนต้นกำเนิด

หลายปีมานี้ซูเฉินทำการค้นคว้าทดลองหลากหลายอย่าง

แม้จะมุ่งค้นคว้าเกี่ยวกับวิชาไร้สายเลือด ทว่าในแต่ละวันการทดลองก็เต็มไปด้วยหัวข้ออันหลากหลาย รวมถึงวิชาโบราณอาร์คาน่า การค้นคว้าด้านสายเลือดของเขา ด้านการปรุงยา ด้านสสารต้นกำเนิด ด้านพลังจิต และในด้านอื่น ๆ

ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สำเร็จ ที่สำเร็จก็จะออกมาเป็นทักษะและวิชาพลังสูงส่ง แต่ส่วนมากจะกลายเป็นล้มเหลวเสียมากกว่า

แต่การทดลองที่ล้มเหลวก็ยังมีคุณค่า

ส่วนมากแล้วก็จะไร้ค่า แต่ก็มีอยู่บางจังหวะที่พวกมันกลับสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ขึ้นมา

สายเลือดพลังงานสูญของจี้ลั่วอวี่คือหนึ่งในตัวอย่างนั้น

ซูเฉินหยิบขวดยาทั้งหลายออกมาแล้วเลือกขึ้นมาขวดหนึ่ง

ภายในมีของเหลวสีดำ แมลงรูปร่างประหลาดถูกแช่ไว้ภายใน มันมีหางยาวและมีร่างกายเหมือนลูกอ็อด

ผ้าเท่อลั่วเค่อชะงักไป “อะไรกัน ?”

ช่วงนี้เขาอยู่ในดาบหั่นภูผานาน จึงมีของทดลองบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“สิ่งมีชีวิตดัดแปลง ข้าสร้างมันขึ้นมาด้วยการผสานสายเลือดขอศิษย์สถาบันและอสูรกายแมลงที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งความมืด มันมีความสามารถในการฟื้นฟูสูงส่งมาก แต่ก่อนก็เคยพยายามสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปลงเช่นนี้ขึ้นมา ได้ผลลัพธ์ออกมาคือตัวนี้ น่าเสียดายที่ล้มเหลว”

“ล้มเหลวได้อย่างไร ?”

“มันไม่มีจิตนึกคิดเป็นของตนเอง สามารถสร้างร่างกายใหม่ได้รวดเร็วก็จริง แต่ก็ทำไปโดยสัญชาตญาณและไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งยังมีช่วงชีวิตที่สั้นมาก ต้องกินอาหารอย่างเดียวเพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อหยุดกินแล้วก็จะตายอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะเลี้ยงไปก็ไม่ได้ประโยชน์”

“แต่เจ้าก็ยังเก็บไว้”

“มันมีประโยชน์ในบางสถานการณ์ หากใช้ถูกที่ของเสียก็ยังกลายเป็นของดีได้” ซูเฉินตอบพลางยิ้ม “เจ้าตัวนี้ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ก็หมายความว่าไม่เกรงกลัวการโจมตีจิต ลองเอามันมาทดสอบว่าจะสามารถรับมือรังแมลงนั่นได้หรือไม่กันเถอะ”

ซูเฉินพูดแล้วก็หยิบร่างแมลงโยนเข้าหลุมพลังแล้วแยกหลุมพลังสูญให้กว้างขึ้น ในเมื่อรังแมลงไม่สามารถออกมาจากแดนประหลาดได้ ซูเฉินจึงไม่จำเป็นต้องกลัวและตัดสินใจสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าประตู

ซึ่งก็ยังนับว่าเสี่ยงอยู่เช่นกัน หากลมพลังจิตของรังแมลงเกิดพุ่งเข้าใส่เขาผิดเวลา ก็อาจทำให้เขาตายได้

แต่เขาเชื่อว่าเขาสามารถปิดหลุมรอยแยกทัน ทั้งยังใช้วิชากำแพงใจไว้ล่วงหน้า

เจ้าแมลงตามหาเลือดกินโดยสัญชาตญาณ มันจึงเริ่มโจมตีรังแมลงทันทีเมื่อเข้าไปในแดนประหลาด

การโจมตีจิตที่น่าผวาของรังแมลงไร้ผลเพราะมันไม่มีจิตนึกคิด หรือก็คือมันเหมือนกับหุ่นเชิดที่สร้างขึ้นจากเลือดเนื้อ มีความสามารถในการฟื้นฟูตนเองอย่างรวดเร็ว และมีช่วงชีวิตที่สั้นนั่นเอง

ต้องกล่าวว่าในสถานการณ์เช่นนี้มันมีประโยชน์มาก เพราะมันปล่อยการโจมตีไม่หยุดหย่อน

ถึงกระนั้นภาพเบื้องหน้าก็ทำให้ผ้าเท่อลั่วเค่อและซูเฉินพูดไม่ออก

รังแมลงนั่นกำลังส่งเสียงร้องไห้ออกมา

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเริ่มกระโดดหลบไปซ้ายทีขวาทีเพื่อหลบการโจมตีของเจ้าแมลงอีกด้วย

ในความคิดของซูเฉิน รังแมลงคงจะมีวิชาพิเศษอะไรไว้บดขยี้แมลงที่เขาเพิ่งจะส่งเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

ไม่คิดเลยว่ารังแมลงจะตอบสนองเช่นนั้น

เกิดอะไรขึ้น ?

ซูเฉินและผ้าเท่อลั่วเค่อเหลือบมองกัน

แมลงดัดแปลงรุดหน้าเข้าไปต่อ ส่วนรังแมลงก็ยังร้องไห้ต่อไป

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสายพลังจิตลอยออกมาตามลมด้วย

มันคือคำอ้อนวอน ขอร้อง เหมือนกับเด็กน้อยร้องขอให้ผู้อาวุโสกว่าไว้ชีวิต

เมื่อใช้สายพลังจิตตรวจดูก็เข้าใจเรื่องทันที

รังแมลงนี้กำลังเติบโต อีกนานกว่าจะเต็มวัย แม้พลังจิตจะกล้าแข็ง แต่จิตใจยังเติบโตไม่เต็มที่

“ข้าว่าข้าเข้าใจแล้วกระมัง ?” ซูเฉินพึมพำ

“ข้าเองก็เข้าใจ… เด็กกำพร้าที่การเจริญเติบโตเพิ่งเริ่ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโตเต็มวัยแล้วจะแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ” ผ้าเท่อลั่วเค่อพึมพำ “สวรรค์ นี่เผ่าปักษาพยายามจะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตน่ากลัวอะไรขึ้นมากัน ?”

“ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร แต่ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว !” ซูเฉินตอบ