ภาคที่ 5 บทที่ 46 ประวัติเผ่าปักษา

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 46 ประวัติเผ่าปักษา

รังแมลงยังร้องเสียงเจ็บปวดต่อไป

ซูเฉินมองมันสายตาเย็นชา

“จะไม่ทำอะไรหน่อยหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถาม

“ตอนนี้ยัง แต่สุดท้ายต้องลงมือ” ซูเฉินตอบ “รังแมลงนี้ไม่เพียงมีพลังจิตแข็งแกร่ง ยังมีคุณสมบัติพิเศษอีก แต่สำคัญที่สุดคือมันยับยั้งได้ แต่ความลับของแร่โลหะเหล่านั้นยังไม่เผยเต็มที่ ต้องรอให้ข้าเข้าใจกว่านี้ข้าถึงจะลงมือ เงามรณะ อย่าเสียเวลาอีก พาตัวนกขมิ้นเปลวเพลิงมาเดี๋ยวนี้ !”

“ขอรับนายท่าน !” เงามรณะตอบมาในจิตซูเฉิน ไม่กี่อึดใจก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมนกขมิ้นเปลวเพลิงที่ถูกกระดาษขาวพันรอบตัวแน่น

ซูเฉินคว้านกขมิ้นเปลวเพลิงแล้วผลักหัวนางไปทางหลุมพลังสูญ

เมื่อนกขมิ้นเปลวเพลิงเห็นของด้านในก็กรีดเสียงร้อง “ไม่ ! ข้ามองไม่ได้ ! มันเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำข้า ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้จำมันได้ !!!”

“ข้าไม่ได้บอกให้ต้องจำได้ เจ้ามองก็พอ !” ซูเฉินจับหัวนางไว้แน่น

ความลับที่นางไม่อาจล่วงรู้ถูกบีบให้ต้องเปิดเผยออก นกขมิ้นเปลวเพลิงร่างสะท้านยามวิชาลับที่ติดตั้งอยู่ในร่างถูกโจมตีขึ้นมา

วิชาลับในร่างเริ่มปล่อยพลังหนาแน่นออกมาทรมาณนาง

นางไม่ได้รับอนุญาตให้ล่วงรู้ และไม่ให้แตะต้องมันด้วย !

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างนางราวกับสายฟ้า น้ำลายฟูมปาก ราวกับจะสิ้นใจเมื่อไรก็ได้

“เปิดจิตแล้วทำตามข้าสั่ง !” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ย

“หากไม่อยากเจ็บปวดก็จงฟังเขา !” ซูเฉินเอ่ยขึ้น

เขาไม่ได้พูดว่า ‘หากอยากรอด’ แต่เป็น ‘หากไม่อยากเจ็บปวด’ สำหรับนกขมิ้นเปลวเพลิงแล้ว ความเจ็บปวดจากบทลงโทษน่ากลัวกว่าความตายเสียอีก หากเขายอมให้นางขยับร่าง นางอาจปลิดชีพตนทันทีก็เป็นได้

ได้ยินคำซูเฉินแล้ว นางจึงไม่คิดป้องกันจิตและพยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด

ผ้าเท่อลั่วเค่อจึงนำทางพลังจิตนาง ช่วยให้นางสร้างสร้างกำแพงใจขึ้นมา

กำแพงใจอาจไม่ใช่วิชาที่ต้านผลวิชาลับได้ดีที่สุด แต่ก็บรรเทาความเจ็บปวดที่นางต้องทนลงได้มาก

ในขณะเดียวกันซูเฉินก็ยังบังคับให้นางจ้องตรงไปยังรอยแยกพลัง “วิชาลับของเจ้าทำให้เจ้าจำอะไรไม่ได้ แต่ข้าทำลายข้อจำกัดมันแล้ว เจ้าต้องทนเพียงผลพลังตีกลับเท่านั้น หากสามารถผ่านไปได้ก็จะคลายวิชาลับได้”

“แต่ก็เป็นอันตรายกับจิตข้าเช่นกัน !” นกขมิ้นเปลวเพลิงร้อง

“ข้าไม่สน” ซูเฉินตอบเสียงเย็น “หากอยากรอดข้ากับเจ้าก็ต้องเสี่ยง เข้าใจไหม ?”

“อ๊าก !!!” นกขมิ้นเปลวเพลิงร้องเสียงขื่น

ไม่รู้ผ่านไปเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ คลายลง นกขมิ้นเปลวเพลิงคุกเข่าลงกับพื้น หายใจเอาอากาศ หน้าผากเหงื่อเย็นชุ่ม ราวกับเดินทางแสนไกลไปหลายแห่งแล้วกลับมา

“ดูท่าจะทนได้แล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเล่า ?” ซูเฉินว่าแล้วพยุงให้นางลุกขึ้น

“เหมือนถูกดาบเฉือนพันแผล !” นกขมิ้นเปลวเพลิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง จ้องซูเฉินโกรธ ๆ “ข้าจะจำสิ่งที่เจ้าทำกับข้าไว้ !”

“หวังว่าจะจำได้ด้วยว่าภารกิจเจ้าคืออะไร บอกมาได้หรือยัง ?”

นกขมิ้นเปลวเพลิงมีสีหน้าซับซ้อนในพลัน “รังแมลงนั่นเป็นจุดลอยที่ 6 ในอนาคต”

“อะไรนะ ?” ซูเฉินชะงักไป

จุดลอยคือชื่อของแผนการเผ่าปักษา

เหมือนกับแนวคิดการแผ่พลังของขาปี่เอ๋อซือ แผนมังกรสุริยะของกู่โยวหวงและแผนคืนชีพอาร์คาน่าเป็นแผนการใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงทั้งเผ่า หากสำเร็จจะกระทบเป็นวงกว้าง

หากอยากเข้าใจความสำคัญของแผนจุดลอยนี้ก็ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์เผ่าปักษาเสียก่อน

ซึ่งย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอาณาจักรอาร์คาน่า

หลังอาณาจักรอาร์คาน่าล่มสลาย เผ่าทั้ง 5 ก็แบ่งสมบัติกัน เผ่ามนุษย์ได้รับเครื่องมือสกัดสายเลือด เผ่าวิญญาณได้รับเครื่องมือกลายวิญญาณ เผ่าคนเถื่อนได้รับอารามพลังต้นกำเนิด และเผ่าท้องสมุทรได้รับสายลมแห่งเสรี แต่ละชิ้นสำคัญกับแต่ละเผ่านัก เผ่าปักษาได้รับของมีค่าที่สุด นั่นคือแกนพลังงานแห่งซาร์ค เป็นแหล่งพลังงานระดับเมืองเพียงแหล่งเดียวในหมู่สมบัติทั้งหมด

เผ่าปักษาเลือกของชิ้นนั้นเพราะสภาพแวดล้อม เหมือนที่มนุษย์ต้องการเครื่องมือสกัดสายเลือดเพื่อให้แกร่งขึ้น เผ่าคนเถื่อนต้องการอารามพลังต้นกำเนิดเพื่อคุมพลัง เผ่าปักษาก็มีความจำเป็นของตนเช่นกัน

เผ่าปักษามีการรับรู้ดีที่สุดในเผ่าพันธุ์อัจฉริยะ ไม่ด้อยไปกว่าชาวอาร์คาน่าเลย ที่ขาดคือความคิดสร้างสรรค์ แต่ร่างกายพวกเขาก็อ่อนแอเป็นทุนเดิม ขยายพันธุ์ได้น้อย จึงมีอยู่ไม่มากเท่าไหร่ แต่จุดอ่อนหลักคือความเย่อหยิงจองหอง

ทำให้เผ่าปักษาไม่พัฒนาและไม่ปรับตัว

เผ่ามนุษย์ คนเถื่อน และเผ่าท้องสมุทรต่างไม่ลังเลคอยพัฒนาตนเพื่อให้อยู่รอด เผ่าวิญญาณกระทั่งยอมทิ้งร่างกายด้วยซ้ำ

แต่เผ่าปักษาไม่ยอมเปลี่ยน

ไม่อยากเปลี่ยนแม้สักนิด

ได้แต่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้สูญพันธุ์ หากเผ่าปักษาเสียความบริสุทธิ์ไปก็ไม่ต่างจากสูญพันธ์น่ะสิ ?

เผ่าปักษามองวัฒนธรรมของตนเช่นนั้น

คิดเช่นนี้แล้ว เผ่าปักษาจึงไม่คิดพยายามพัฒนาร่างให้แกร่งขึ้นเลย

ดังนั้นจึงเลือกใช้ตัวช่วยภายนอกแทน

ในปี 46000 ของยุคแห่งความโกลาหล เผ่าปักษาโน้มน้าวให้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรอาร์คาน่า อีซาตัวซ่าเค่อ เริ่มแผนการสร้างเมืองลอยฟ้าขึ้นมา ที่แกนกลางต้องมีแหล่งพลังอยู่ และต้องสามารถดึงพลังจากสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ตลอดเวลา

ที่สุดยุคแห่งความโกลาหลก็มาถึง อาณาจักรอาร์คาน่าจึงล่มสลาย

เผ่าปักษาฉวยโอกาสยามวุ่นวายชิงเอาแหล่งพลังเมืองลอยฟ้าที่ยังไม่สำเร็จมา

จากนั้นเชิญเผ่าช่างฝีมือและเผ่าช่างโลหะมาออกแบบและสร้างเหมืองลอยฟ้าขึ้น

ในปี 946 ยุคดาราใหม่ เมืองล่องนภาก็ก่อสร้างเสร็จ เผ่าปักษาก่อตั้งอาณาจักรแห่งหมู่เมฆได้สำเร็จ ปีกชรากลายเป็นราชัน รับหน้าที่ดูแลงานราชการ ทั้งยังสร้างระบบศาสนาที่บูชาเทพแห่งมารดาและรับพระโอวาทจากนาง ฝันสีเลือดกลายเป็นหัวหน้าของระบบนั้น

เผ่าปักษา เผ่าช่างฝีมือ และเผ่าช่างโลหะใช้เวลาเกือบพันปี ใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อสร้างเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ กลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในทวีปต้นกำเนิด

เมืองถูกสร้างพร้อมความสามารถในการป้องกันและโจมตีที่สูงมาก ค่ายกลพลังต้นกำเนิดป้องกันเพียงอย่างเดียวก็สามารถรับการโจมตีจากคนด่านมหาราชันนับร้อยได้พร้อมกันแล้ว

พลังมหาศาลภายในแกนพลังงานแห่งซาร์คทำให้เมืองล่องนภามีพลังงานไม่สิ้นสุด ดังนั้นจึงกลายเป็นเหมือนสถานที่ที่แม้จะเป็นผู้ที่แกร่งที่สุดก็ไม่อาจเอาชนะได้เช่นกัน

เผ่าปักษาจึงกลายเป็นผู้ถือครองที่แกร่งกล้าอย่างรวดเร็วด้วยประการฉะนี้ ไม่ว่าเมืองล่องนภาจะลอยไปที่ใด ศัตรูก็ราบเป็นหน้ากลอง !

ใช่แล้ว กลายเป็นผู้ถือครอง ยามอยู่ในจุดสูงสุดของพลัง พวกเขาสามารถใช้เมือง ๆ เดียวจัดการอสูรดึกดำบรรพ์ได้ด้วยซ้ำ

แต่ก็เป็นเช่นนั้นได้ไม่นาน

ความเย่อหยิ่งของเผ่าปักษาและพลังของเมืองล่องนภาทำให้เผ่าปักษาล่วงเกินคนไปทั่ว รวมถึงเผ่าช่างฝีมือและเผ่าช่างโลหะที่เคยช่วยสร้างเมืองลอยฟ้า

เผ่าปักษาผิดสัญญาเดิมเมื่อสร้างเมืองเสร็จ ไล่เผ่าทั้งสองออกจากเมืองล่องนภาแล้วครองเมืองเพียงผู้เดียว จากนั้นก็พากันไปโจมตีเผ่าอื่น ๆ ไม่เลือกหน้า

ด้วยเหตุนี้เผ่าทั้ง 4 จึงก่อตั้งพันธมิตรขึ้นเพื่อต่อต้านเผ่าปักษา

แต่เมืองล่องนภาทรงพลังเกินไป เมืองลอยฟ้ามีพลังไม่จำกัดไม่อาจทะลวงผ่าน ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไรก็ไร้ผล

แม้ 4 เผ่าจะร่วมแรงกันแต่ก็ไม่อาจทำอะไรเผ่าปักษาได้

ดังนั้นจึงต้องคิดหาวิธี

สุดท้าย เผ่าช่างฝีมือก็หาวิธีออกจนได้

ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ล้างแค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคราหนึ่งในประวัติศาสตร์ทวีปขึ้น

เผ่าวิญญาณอันทรงพลังผู้หนึ่งยอมสละร่างเพื่อควบคุมปรมาจารย์ปักษาอาร์คาน่า

สงครามดำเนินต่อ และเพื่อยกระดับสถานะปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้นั้น เผ่ามนุษย์ เผ่าท้องสมุทร คนเถื่อน และเผ่าวิญญาณต่างยอมทุ่มเวลาและพลังงานเพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้น ช่วยหาทรัพยากรมาเพิ่มความแกร่งให้เขา

ทำเช่นนี้แล้ว ปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้นั้นจึงกลายเป็นวีรบุรุษทั่วเมือง และเป็นแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องอีกด้วย

ถึงตอนนี้แผนการของทั้ง 4 เผ่าก็เริ่มเผยกาย

แม่ทัพผู้ปราดเปรื่องเสนอแผนการยามประชุมการรบ นั่นคือปฏิบัติการหลักทะเลลึก

ปฏิบัติการหลักทะเลลึกมุ่งเน้นถึงข้อด้อยบางส่วนของเมืองล่องนภา

แม้เมืองล่องนภาจะทรงพลัง และแกนพลังงานแห่งซาร์คมีพลังไม่จำกัด แต่ก็ยังมีข้อเสียที่คนในเมืองต่างประสบพบเจอ

ต่อสู้มานานหลายจึงเห็นได้ชัดเจนอยู่ข้อหนึ่ง เมื่อต้องต้านพลังโจมตีสูงส่ง การใช้พลังของเมืองล่องนภาจะมากกว่าการดูดซับพลังที่สามารถทำได้

ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

สังหารย่อมง่ายกว่ากำเนิด ใช้เงินย่อมง่ายกว่าเก็บเงินนัก

ที่เมืองล่องนภายังรั้งอยู่ได้เป็นเพราะเผ่าปักษาเองก็สู้สุดกำลัง เมื่อถูก 4 เผ่ากดดันรอบด้าน เผ่าปักษาก็ยังเสียหายไม่ใช่น้อยเช่นกัน

เป็นตอนนั้นที่แม่ทัพเสนอปฏิบัติการหลักทะเลลึกขึ้นมา

แผนการคือเปลี่ยนการเชื่อมต่อไร้ตัวตนของแกนพลังงานแห่งซาร์คกับโลกภายนอกให้แกร่งขึ้น มากขึ้น ทำให้แกนพลังสามารถสกัดพลังได้มากกว่าเดิม 10 เท่า ทำให้เมืองล่องนภาไร้ผู้ใดต่อกรอย่างแท้จริง

เผ่าปักษาสนใจแผนนี้มาก แต่พวกเขาปรับแต่งสิ่งของไม่เก่งนัก

แม่ทัพจึงเสนออีกอย่าง นั่นคือเสนอตัวเป็นคนเดินทางไปเผ่าช่างฝีมือและเผ่าช่างโลหะเพื่อโน้มน้าวพวกเขาด้วย ‘กลิ่นกายความภูมิฐาน’ ของเขาเพื่อช่วยสร้างสมอพลังต้นกำเนิด

ทั้งสองเผ่าจึงกลับมายังเมืองล่องนภา ส่วนเรื่องที่ ‘แล้วก็ให้แล้วไป’ เริ่มสร้างสมอพลังต้นกำเนิดขึ้นมา

ในช่วงนี้เผ่าปักษาก็จับตามองใกล้ชิดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแอบทำลายเมือง

แต่ความจริงก็ทำให้เห็นว่าทั้งสองเผ่าไม่คิดทำเช่นนั้นด้วยซ้ำ

พวกเขาตั้งใจทำงานที่เผ่าปักษาว่าจ้าง ทำได้ดีกว่าที่คิดเสียอีก ตรวนพลังต้นกำเนิดของแกนพลังงานแห่งซาร์คชุ่มไปด้วยพลังสูญที่สามารถทะลวงลึกถึงทะเลพลังต้นกำเนิด ทำให้อัตราการสะสมพลังเพิ่มขึ้น 20 เท่า

เผ่าปักษาตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก

แต่ไม่นานนักกลับต้องพบเรื่องตกตะลึง

เมืองล่องนภาไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก !

มันถูกตรึงอยู่กับส่วนใต้ของทวีปต้นกำเนิด ไม่สามารถลอยไปจุดอื่นได้อีก

ทั้งยังไม่สามารถตัดตรวนที่เป็นหลักได้ เพราะมันเชื่อมต่อแน่นหนากับแกนพลังงานแห่งซาร์ค หากตัดตรวนไปแล้วแกนพลังก็จะล่ม เมืองล่องนภาจะถล่มลงจากฟ้า

ในขณะที่เมืองล่องนภาไร้ผู้ใดต้านทาน แต่ก็เสียความสามารถในการลอยไปแล้ว

สุดท้ายอำนาจปกคอรงของเผ่าปักษาก็ลดลงกว่าครึ่งไปจากดินแดนส่วนใต้

การครองแดนกว่าร้อยปีของเผ่าปักษาจึงสิ้นสุดลงกลายเป็นไร้ค่าไปเช่นนั้น !